25 - เจ้าโง่เฉิง
25 - เจ้าโง่เฉิง
หวนเอ๋อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "คุณชายเรียกคุณหนูของข้าว่าน้องสาวเสมอ แต่เมื่อคุณหนูของข้ามีเรื่องทุกข์ใจคุณชายกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้?"
ในตอนนั้น เสี่ยวหลิวกระซิบเตือนเบาๆ "คุณชายนางคือหวนเอ๋อ สาวใช้คนสนิทของคุณหนูตระกูลหลิว!"
ฉินโม่ถอนหายใจเบาๆ ได้กล่าวว่า "น้องสาวตระกูลหลิวเป็นอะไรไป?"
หวนเอ๋อร้องไห้พลางอธิบาย เมื่อฉินโม่ฟังเรื่องราวทั้งหมดสีหน้าของเขายิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นไปอีก "คุณหนูของเจ้าอยากให้ข้าช่วยใช่ไหม?"
หวนเอ๋อพยักหน้าอย่างแรง
สวรรค์!
เรื่องนี้ข้าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้หรือ?
ตั้งแต่โบราณมา ใครก็ตามที่สอดเท้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของฮ่องเต้ย่อมไม่มีจุดจบที่ดี!
ข้าแค่ต้องการเป็นคนมีเงินแล้วใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ เท่านั้น
แต่หลี่เยว่ก็เป็นเพียงเพื่อนคนเดียวของเขา มิหนำซ้ำยังเป็นเพื่อนแท้อีกด้วย!
และตอนนี้เพื่อนคนเดียวของเขากำลังเดือดร้อน ถ้าฉินโม่ไม่ช่วยเหลือเขาก็ไม่รู้จะตอบกับมโนธรรมของตัวเองได้อย่างไร
"คุณชายฉิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วย!"
"เอาล่ะ เลิกร้องเถอะ ข้าปวดหัวไปหมดแล้ว!"
ฉินโม่โบกมืออย่างไม่พอใจ "กลับไปเถอะ ข้าช่วยเรื่องนี้ไม่ได้!"
พูดจบ เขาก็พาคนของเขาออกไปทันที
หวนเอ๋อถึงกับหมดหวัง
ผู้คนมักจะบอกว่าคุณชายตระกูลฉินแม้จะดูโง่เขลาแต่เป็นคนมีน้ำใจ แต่ตอนนี้นางดูเหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าชายคนนี้อาจไม่ได้โง่เขลาอย่างที่ผู้คนเล่าลือ
หวนเอ๋อกระทืบเท้าด้วยความโกรธ นางเช็ดน้ำตาและกระโดดกลับเข้าไปในรถม้าด้วยสีหน้าคับแค้นใจ
นางไม่รู้เลยว่าคุณหนูของนางจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินว่าฉินโม่ปฏิเสธความช่วยเหลือ
ขณะที่ฉินโม่เดินออกไปเขาก็บ่นพึมพำ "เจ้าคนโง่ ข้าได้ให้คำแนะนำดีๆ แก่เจ้าแล้ว แต่เจ้าไม่เพียงไม่รับฟังยังเลือกที่จะรนหาที่ตายด้วยตัวเอง แล้วจะให้ข้าช่วยเจ้าได้อย่างไร!"
เสี่ยวหลิวถามขึ้นว่า "คุณชายไม่ไปดูร้านค้าต่อหรือ ทำไมเดินไปทางถนนฉางอันล่ะ?"
"หุบปาก ถือกล่องเดินตามมา!"
ฉินโม่โยนกล่องเงินให้เสี่ยวหลิวถือ แล้วเริ่มคิดทบทวนเรื่องนี้อย่างละเอียด
หากต้องการให้หลี่เยว่ปลอดภัย เขาจำเป็นต้องใช้แผนที่เด็ดขาด
ก่อนอื่นต้องทำให้หลี่เยว่พ้นจากการถูกกักบริเวณ อย่างน้อยต้องให้เขาออกจากพระราชวังได้ก่อน
จากนั้นต้องหาจุดอ่อนของฮ่องเต้
ฉินโม่คิดได้แล้ว "ใช่ ต้องทำแบบนี้!"
"คุณชาย ท่านจะเข้าไปในวังจริงๆ หรือ?" เสี่ยวหลิวตื่นตระหนก "นายท่านเคยสั่งไว้ว่า ถ้าไม่มีธุระสำคัญห้ามเข้าไปในวังเด็ดขาด!"
"รออยู่ตรงนี้ หุบปากให้สนิทด้วย!"
ฉินโม่ด่าเบาๆ ก่อนที่จะควักเงินจำนวนหนึ่งออกจากกล่อง "เจ้าโง่นี่ติดหนี้ข้าไม่รู้ว่าเท่าไหร่แล้ว สักวันข้าจะรีดไถคืนเป็นร้อยเท่า!"
เขาเป็นราชบุตรเขย และยังเป็นบุตรชายของฉินกว๋อกงมีสถานะสูงส่งอย่างมาก
ราชองครักษ์ที่ประตูวังย่อมรู้จักฉินโม่เป็นอย่างดี เมื่อเห็นเขาเดินมาที่ประตูวังทุกคนต่างก็แสดงความเคารพด้วยรอยยิ้ม "คุณชายฉินมาแล้ว!"
"ลำบากพี่น้องทั้งหลายแล้ว!"
ฉินโม่ยัดเงินเข้าไปในมือของพวกเขาคนละแท่ง "เอาไปดื่มเหล้าเถอะ อากาศหนาวขนาดนี้ หากไม่ดื่มเหล้าจะทนได้อย่างไร!"
พวกทหารที่ยืนเฝ้าประตูต่างพากันหัวเราะ "พวกเราทำเช่นนี้ไม่ได้"
แต่ฉินโม่ก้มหน้าลงและกระซิบเบาๆว่า "คิดเสียว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน แถมพวกเจ้ายังทำงานรับใช้พ่อตาของข้า พวกเจ้าจะถือว่านี่เป็นสิ่งที่กล้าแสดงความกตัญญูต่อท่านพ่อตาก็ได้!"
เหล่าทหารมองหน้ากัน รู้สึกว่าการที่ฉินโม่เรียกฮ่องเต้ว่า "พ่อตา" นั้นดูแปลกๆ แต่พวกเขาก็อดอิจฉาไม่ได้ เพราะในบรรดาราชบุตรเขยทั้งหมด มีแค่ฉินโม่เท่านั้นที่กล้าเรียกฮ่องเต้แบบนี้
"เจ้าโง่ฉิน! เจ้ากล้าติดสินบนขุนนางกลางวันแสกๆ หรือ?!"
เสียงของใครบางคนดังขึ้น เขาเป็นชายหนุ่มหน้าสี่เหลี่ยม ผิวเข้ม ร่างกายสูงใหญ่ สวมชุดเกราะหนา
"เจ้าเป็นใคร?"
"เจ้าบ้า! เสียสติอีกแล้วหรือ ข้ากับเจ้าเคยต่อสู้กันเป็นร้อยๆ ครั้ง เจ้ายังจำข้าไม่ได้?" เฉิงต้าเป่ากระชากเสียง เพราะเขารู้ว่าฉินโม่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้
ฉินโม่เหลือบตามอง "เจ้าดำ! เจ้าถูกข้าทุบตีจนสมองฝ่อไปแล้วใช่ไหมจึงกล้ามาหาเรื่องฆ่าแบบนี้?"
เฉิงต้าเป่าโกรธจนตัวสั่น ถึงแม้เขาจะต่อสู้กับฉินโม่และประสบความพ่ายแพ้มากกว่าชนะ แต่ต่อหน้าผู้คนเขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร
"พูดจาเหลวไหล! เจ้าต่างหากที่ถูกข้าเฉิงต้าเป่าทุบตีจนสมองฝ่อ!"
เฉิงต้าเป่า? ฉินโม่รู้ทันทีว่าเขาคือใคร นี่คือบุตรชายของเฉิงซานฝู ซึ่งเป็นสมุหราชองครักษ์!
"เจ้าดำเฉิง วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับเจ้า หากเจ้าไม่พอใจ เรานัดหมายกันวันหลัง ครั้งต่อไปข้าจะทุบตีเจ้าจนมารดาจำหน้าไม่ได้!"
"เจ้า!"
เฉิงต้าเป่ายังไม่ทันพูดจบ ฉินโม่ก็คล้องคอเขาแล้วถาม "พี่ชายคนนี้ขอถามสักคำหน่อย องค์ชายแปดเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ใครเป็นน้องชายเจ้า ข้าแก่กว่าเจ้าสามวัน เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่!"
ฉินโม่ยิ้มเยาะ "เรื่องหยุมหยิมแค่นี้ก็ยังกล่าวออกมาได้ แล้วเจ้าจะเป็นวีรบุรุษได้อย่างไร? แค่สามวันเอง เรียกข้าว่าพี่สักครั้งมันจะเป็นไรไป?"
"อืม ก็ฟังดูก็มีเหตุผล!" เฉิงต้าเป่าพยักหน้าคล้อยตาม
เมื่อเห็นเช่นนี้ฉินโม่ก็เข้าใจในทันทีว่าเฉิงต้าเป่าก็เป็นคนโง่เหมือนกัน ไม่แปลกที่ทั้งคู่จะต่อสู้กันมาหลายร้อยครั้งแล้ว ที่แท้ก็เป็นไอ้โง่สองตัวนี่เอง
"เดี๋ยวก่อน! เช่นนี้ข้าจะไม่เสียเปรียบหรือ?"
"เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก บางครั้งเสียเปรียบก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน!" ฉินโม่กล่าว "เจ้าบอกข้ามา องค์ชายแปดตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"
"ถูกตีจนเลือดเต็มหน้า ข้าคิดว่าเจ้าอย่าไปหาเขาดีกว่า!" เฉิงต้าเป่าเตือนด้วยความหวังดี
"แล้วฝ่าบาทล่ะ?"
"ฝ่าบาทโกรธมาก ส่งขว้างปาข้าวของจนห้องทรงอักษรพังไปแล้ว จ้าวกว๋อกงก็ขอเข้าเฝ้าบอกว่าอยากยกเลิกงานแต่งงานเพื่อให้องค์ชายแปดได้สมหวัง แต่สุดท้ายฝ่าบาทกลับทุบตีจ้าวกว๋อกงและขับไล่ออกจากวังไป!"
เฉิงต้าเป่ากล่าว "ข้าคิดว่าเจ้าอย่าเข้าวังดีกว่า ระวังฝ่าบาทจะลงโทษเจ้าด้วย!"
“ไอ้แก่สารเลว! เจ้าวางแผนลึกจริงๆ!”
ฉินโม่อดไม่ได้ที่จะด่ากงซุนอู๋จี้ นี่เป็นแผนการชั่วร้ายที่ทำให้ฮ่องเต้ไม่สามารถยกเลิกการแต่งงานได้
"เจ้าหมายถึงใคร?" เฉิงต้าเป่าได้ยินคำพูดของฉินโม่ก็เกิดความสงสัย
"โอ้ หมายถึงคนฉลาดน่ะ ครั้งหน้าเจ้าเจอใครฉลาดก็เรียกเขาว่าไอ้แก่สารเลวก็ได้!"
ฉินโม่ตบไหล่เขา "ข้าจะเข้าไปข้างใน ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ!"
"เฮ้ย! เจ้าอย่าพึ่งไป ข้ายังไม่ได้รายงานฝ่าบาทเลย!"
………….