21 - แบมือขอเงินคนอื่นนั่นคือคนไร้ค่า
21 - แบมือขอเงินคนอื่นนั่นคือคนไร้ค่า
งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปตลอดช่วงเช้า จนกระทั่งเที่ยงหลี่ซื่อหลงจึงหันไปถามฉินโม่ด้วยรอยยิ้ม
"เจ้าโง่ฉิน เจ้าจงบอกวิธีทำหม้อไฟนี้ให้กับพ่อครัวหลวง ข้าจะได้กินทุกวัน!"
"ไม่ได้หรอกท่านพ่อตา นี่เป็นสูตรที่ข้าคิดค้นมานาน ข้าจะเก็บไว้หาเงินในอนาคต!"
ฉินโม่ไม่มีทางมอบสูตรหม้อไฟให้กับหลี่ซื่อหลงง่ายๆ นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ส่วนตระกูลฉินแม้จะเป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่งของแผ่นดิน แต่ในความเป็นจริงชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอัตคัดอย่างยิ่ง
สาเหตุหลักเป็นเพราะตระกูลฉินต้องดูแลทหารผ่านศึกหลายหมื่นคน ที่ดินมากกว่าเก้าในสิบส่วนตามแจกจ่ายให้กับครอบครัวทหาร มิหนำซ้ำเงินเดือนของฉินเซียงหรูก็แทบจะถูกนำไปซื้อข้าวของเครื่องใช้เพื่อแจกจ่ายให้กับครอบครัวทหารที่อัตคัดขัดสนเหล่านั้นจนหมด
ที่น่าเศร้าคือ ฉินโม่ซึ่งเป็นบุตรชายของฉินเซียงหรูกลับมีเงินติดตัวเพียงสิบตำลึง หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ผู้คนภายในเมืองหลวงคงต้องหัวเราะจนฟันร่วง
"ตระกูลฉินไม่มีเงินให้เจ้าหรือ?"
หลี่ซื่อหลงถามด้วยความสงสัย
"ฝ่าบาท ตระกูลฉินแทบจะแบ่งที่ดินพระราชทานเหล่านั้นให้กับเราครอบครัวทหารนับหมื่นครอบครัวเพื่อทำกินจนหมด เงินเดือนของฉินกว๋อกงก็นำมาซื้อยาและเครื่องนุ่งห่มแจกจ่ายให้กับเหล่าคนยากไร้ทุกปี เมื่อเป็นเช่นนี้สภาพความเป็นอยู่ของตระกูลฉินจึงขัดสนอย่างยิ่ง"
ตู้จิ้งหมิงแม้จะเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือนแต่ก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นฉินเซียงหรู เขารู้สึกเวทนาต่อฉินเซียงหรูอย่างมาก มิหนำซ้ำกว๋อกงผู้ร่วมสร้างแผ่นดินมากับฮ่องเต้กลับให้กำเนิดบุตรปัญญาอ่อนอย่างฉินโม่ขึ้นมาคนหนึ่ง
สิ่งนี้หากไม่เรียกว่าสวรรค์กลั่นแกล้งจะพูดอย่างไรได้?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ซื่อหลงก็มีสายตาที่อ่อนโยนมากขึ้นเมื่อมองฉินโม่ "หากเจ้าขาดเงินเมื่อใดก็มาเอาที่ข้า ข้าจะให้เงินเจ้าใช้เอง เจ้าคือผู้สืบทอดตำแหน่งของตระกูลฉินและเป็นบุตรเขยของข้า หากต้องเปิดร้านเพื่อหาเงินเองผู้คนจะไม่หัวเราะจนฟันร่วงหรือ!"
ในอาณาจักรต้าเฉียน การทำการค้าถือเป็นอาชีพชั้นต่ำ หากราชบุตรเขยเปิดร้านขายของด้วยตัวเองเกรงว่าแม้แต่ฮ่องเต้ก็คงได้รับความอับอายไปด้วย
"แล้วมันจะมีอะไรน่าหัวเราะหรือ? การหาเงินด้วยความสามารถของตนเองถึงจะเรียกว่ามีฝีมือ ยื่นมือขอเงินจากคนอื่นนั่นต่างหากที่เป็นคนไร้ค่า ใครบอกว่าราชบุตรเขยหาเงินเองไม่ได้ ข้าจะทำให้พวกท่านดู?"
ฟังดูเผินๆ อาจดูเหมือนเป็นคำพูดที่ขัดต่อระเบียบ แต่พอคิดให้ดีแล้วทุกคนต่างตระหนักว่านี่จึงเป็นบุรุษอย่างแท้จริง
"ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้า แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะหาเงินได้?" หลี่ซื่อหลงมองฉินโม่ด้วยความสงสัย
"แน่นอน ข้าสามารถหาเงินได้ง่ายๆ ขอเพียงข้าต้องการ!"
"พูดจาใหญ่โตเสียจริง!"
กงซุนอู๋จี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา "แม้หม้อไฟนี้จะมีเอกลักษณ์ แต่ก็ไม่ต่างจากหม้อทหารที่เป็นแค่การผสมของเนื้อสัตว์หลายประเภทและผักเข้าด้วยกัน จะว่าไปก็แค่ของง่ายๆ ขอแค่รับประทานครั้งหนึ่งก็สามารถลอกเลียนขึ้นมาได้แล้ว!"
ฉินโม่แค่นเสียง "บอกเจ้าไป เจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก!"
"มันไม่ใช่ว่าข้าไม่เข้าใจ แต่เจ้าต่างหากที่อธิบายไม่ได้!"
กงซุนอู๋จี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "เจ้าคงไม่คิดจะใช้ฐานะของตัวเองในการข่มเหงรังแกราษฎรเพื่อกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองใช่ไหม?"
ฉินโม่มองเขาด้วยสายตารังเกียจ "ใช้สมองบ้างสิ! หากข้าทำเช่นนั้น ท่านพ่อตาก็คงตีข้าจนก้นบาน เรื่องที่ขาดทุนเช่นนี้มีแต่คนปัญญาอ่อนอย่างท่านจึงจะทำได้!"
กงซุนอู๋จี้ใบหน้าดำคล้ำด้วยความโกรธเกรี้ยว "เจ้าว่าข้าไม่มีสมองหรือ?"
"แล้วจะทำไม!"
พูดจบ ฉินโม่ก็แสร้งทำท่ากลัวหลบไปอยู่ข้างหลังกงซุนฮองเฮา "ท่านแม่ยายช่วยข้าด้วย เจ้าแก่นั่นจะตีข้า!"
กงซุนฮองเฮาหัวเราะทั้งน้ำตา "ไม่ต้องห่วงหรอกท่านลุงไม่มีทางตีเจ้า แต่คราวหลังเจ้าต้องรู้จักพูดจาสุภาพบ้าง ไม่อย่างนั้นข้านี่แหละจะลงโทษเจ้าเอง!"
หลี่ซื่อหลงส่ายหน้า เขาล้มเลิกความคิดที่จะให้ฉินโม่มอบสูตรหม้อไฟออกมา
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วสั่งขันทีน้อยที่อยู่ด้านข้างว่า "ไปเบิกเงินจากคลังหลวงมาห้าร้อยตำลึง ส่งไปให้ตระกูลฉิน!"
"ท่านพ่อตาไม่ต้องลำบากให้คนอื่นไปหรอก ส่งเงินมาให้ข้าโดยตรงก็พอ!"
"ให้เจ้าหรือ?"
หลี่ซื่อหลงแค่นเสียง "ฝันไปเถอะ!"
พูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความโกรธ
"ท่านพ่อตาช่างขี้เหนียวจริงๆ แค่ห้าร้อยตำลึงยังกล้าเอามาเป็นรางวัล ตระกูลฉินของข้าถึงจะไม่มีเงิน แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเช่นนี้หรอก!"
ทุกคนแทบจะสำลักน้ำลาย ฉินโม่ช่างกล้ากล่าวจริงๆ อย่าว่าแต่ห้าร้อยตำลึงเลย แม้จะเป็นเพียงคำชมของฮ่องเต้ก็เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว
จากที่ไกลๆ ได้ยินเสียงหลี่ซื่อหลงตะโกนด้วยความโกรธออกมาทันที "ดี ถ้าอย่างนั้นห้าร้อยตำลึงนั้นข้าจะยกเลิก!"
คลังหลวงเกือบจะว่างเปล่าแล้ว แม้แต่เงินในคลังส่วนตัวของเขาก็แทบไม่มีเหลือ
เขาต้องกัดฟันเบิกเงินห้าร้อยตำลึงออกมาแต่ตอนนี้กลับถูกฉินโม่กล่าวเย้ยหยัน หลี่ซื่อหลงจะทนต่อไปได้อีกหรือ?
เหล่าองค์ชายและองค์หญิงต่างพากันมองฉินโม่ด้วยความโกรธ
"เจ้าโง่ฉิน เจ้ารู้ไหมว่านี่เป็นพระมหากรุณาธิคุณมากเพียงใด? คลังหลวงว่างเปล่า พระบิดายังเจียดเงินส่วนตัวมามอบให้เจ้า ทุกคนในวังต้องใช้ชีวิตอย่างยากแค้น แม้แต่เงินเบี้ยหวัดของพวกเราแต่ละเดือนยังได้ไม่เกินร้อยตำลึง แต่เจ้ายังกล้าบ่นว่าเงินห้าร้อยตำลึงน้อยเกินไป!"
"ถ้าเจ้าไม่รู้วิธีกล่าววาจาก็รู้จักหุบปากเสียบ้าง!"
"ออกไปซะ อย่ามาที่วังอีก เราไม่อยากเห็นหน้าเจ้า!"
ฉินโม่เกาหัวแล้วนึกขึ้นได้ว่า "ที่แท้ท่านพ่อตาก็ใจดีกับข้าไม่น้อย"
เขามองไปที่กงซุนฮองเฮาอีกครั้ง พบว่านางแต่งกายอย่างเรียบง่าย อาหารที่นางรับประทานก็ธรรมดามาก ดูเหมือนว่าราชสำนักจะขาดแคลนเงินอย่างหนักจริงๆ
ทันใดนั้นภายในหัวของเขาก็มีวิธีการบางอย่างผุดขึ้นมา "บางทีวิธีนี้ อาจทำให้ฮ่องเต้ยกเลิกการสมรสได้!"
หลังจากออกจากห้องครัวหลวง หลี่เยว่ก็ยังคงมีความรู้สึกหงุดหงิดอยู่ตลอด
ฉินโม่เดินเข้ามากอดคอเขา "อยากจะทำธุรกิจกับข้าหรือเปล่า?"
"เลิกล้อเล่นดีกว่า เจ้าโง่!"
หลี่เยว่ตอนนี้มีความเศร้าโศกจนไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว
อีกอย่าง ถ้าต้องทำธุรกิจกับฉินโม่ ผู้คนทั้งแผ่นดินคงคิดว่าเขาติดเชื้อปัญญาอ่อนมาจากฉินโม่อย่างแน่นอน
"เฮ้อ พี่ชายคนนี้อุตส่าห์หวังดีจะชวนเจ้าไปหาเงิน แต่เจ้ากลับไม่รู้สำนึกเสียบ้าง"
หลี่เยว่กลอกตา "อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะทำธุรกิจหม้อไฟ ฟังข้าสักครั้ง ธุรกิจนี้ทำไปไม่รุ่งหรอก!"
"เจ้าน่ะรู้อะไร!"
ฉินโม่เหลือบตามองหลี่เยว่ "ข้าจะกล่าวสั้นๆ เจ้าจะทำไม่ทำ?"
"ข้าไม่มีเงิน!" หลี่เยว่ตอบอย่างกระอักกระอ่วน
เขาเป็นเพียงอ๋องที่ไม่มีตำแหน่งขุนนาง ได้เงินเดือนแค่เดือนละร้อยตำลึง เงินจำนวนนี้ยังต้องเลี้ยงขันทีและนางกำนัลจำนวนมาก มันจะไปพอยาไส้อะไร
ผู้ที่มีเงินมากจริงๆ คือไท่จื่อและองค์ชายสี่ แม้แต่องค์หญิงบางคนที่ได้รับความโปรดปรานก็มีเงินมากกว่าเขา
…………….