ตอนที่แล้วบทที่ 86 เร่งความเร็ว (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 88 เร่งความเร็ว (4)

บทที่ 87 เร่งความเร็ว (3)


[.แปลโดยแฟน.เพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]

[.Thai-novel ลง.ไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด.]

[.หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ.]

บทที่ 87 เร่งความเร็ว (3)

อีซังมันยิ้มเยาะเย้ยอย่างขมขื่น มือของเขาเอื้อมไปยังกล้องที่อยู่ตรงหน้า เพียงแค่ยื่นมือออกไปก็จะสัมผัสได้ อีซังมัน พ่นควันบุหรี่ออกไปอย่างยาวนาน ควันบุหรี่สีเข้มปกคลุมกล้องก่อนจะค่อยๆ หายไป

ใบหน้าของอีซังมันที่ถูกควันบุหรี่บดบังอยู่ก่อนหน้านี้เริ่มเปลี่ยนไป

เขาที่เคยยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัว ตอนนี้กลับกลายเป็นใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ผู้กำกับคิมโดฮีมองไปที่จอภาพ ใบหน้าแข็งทื่อของอีซังมันเต็มไปหมด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยด่างดำจากฝ้า แต่รอยเลือดสีแดงของศาสตราจารย์คิมที่กระเด็นไปทั่ว กลับทำให้ใบหน้าของเขาดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด

ผู้กำกับคิมโดฮีกลั้นหายใจ จ้องมองอีซังมันบนจอภาพ

‘ใช่แล้ว ภาพนี้มันสุดยอด ความบิดเบี้ยวและการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ เหมือนตัวตลก ทุกครั้งที่เห็น มันทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันมาก อึก น่ากลัวเกินไปแล้ว’

แรกเห็น อีซังมัน เหมือนคนบ้าไปแล้ว ยาเสพติดกัดกินจิตใจเขาจนแทบไม่เหลือ แต่แม้จะคลุ้มคลั่ง อีซังมันก็ยังแวบแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของอดีตแวบหนึ่ง

เพียงชั่วแวบ

แม้จะจมอยู่ในบึงแห่งยาเสพติด

‘ความปรารถนาที่จะหลุดพ้น สติปัญญาที่อยากมีชีวิตอยู่กำลังดิ้นรนฝ่าด่านสัญชาตญาณ ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น’

ผู้กำกับคิมโดฮีเขียนบทเอง แต่เธอรู้สึกขนลุก มากไปกว่านั้น ทำไมถึงเขาแสดงออกได้ดีขนาดนี้

‘ดวงตาเต็มไปด้วยพิษร้ายและความโดดเดี่ยว ยิ่งน่าประหลาดใจที่มันเหมือนกำลังกลมกลืนกัน’

การแสดงออกแบบนี้ไม่ได้อยู่ในบทภาพยนตร์ นั่นหมายความว่าคังวูจินสร้างมันขึ้นมาจากอารมณ์ที่เขาพาเข้ามา

อย่างไรก็ตาม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังนั้นมีมากกว่าความหวัง

ทุกคนที่อยู่ในกองถ่ายต่างรับรู้ถึงจุดจบที่กำลังจะมาถึงในชั่วพริบตาของอีซังมัน เพียงแค่สายตาของเขาก็ชี้บอกถึงความตายที่กำลังใกล้เข้ามา และคงเป็นเช่นนั้นกับผู้ชมที่ได้เห็นอีซังมัน บนจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่

ต่อมา

- ฟู่

หลังจากอีซังมันพ่นควันบุหรี่ออกไปอย่างยาวนานและดื่มเหล้าโซจูหมดแก้ว

“······”

ผู้กำกับคิมโดฮีที่จ้องมองหน้าจออย่างเอาเป็นเอาตายก็ตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียง

“คัท!! โอเคโอเค!! เยี่ยม! ดีมาก!”

ผู้กำกับคิมโดฮีที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจวิ่งเข้าไปในพื้นที่ถ่ายทำ

“ว้าว วูจิน! ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอารมณ์สุดยอดเลย! ลองทำแบบเดิมอีกครั้งนะ แบบคราวที่แล้วเน้นด้านหลัง คราวนี้เน้นด้านหน้า”

“ครับเข้าใจแล้วครับ ผู้กำกับ”

ทันทีที่อีซังมันหายไป ทีมแต่งหน้าก็เข้ามาประชิดตัววูจิน เพราะต้องแต่งหน้าแก้ไขเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำซ้ำ

เขาหันหน้าไปทางทีมงานอย่างนิ่ง ๆ พลางถอนหายใจโล่งอกในใจ

‘โธ่เอ้ย เกือบไปแล้ว อิฐก้อนนั้นเบากว่าที่คิด เกือบจะปลิวไปแล้ว’

อิฐที่ทำให้ศาสตราจารย์คิมถึงแก่กรรมเป็นสไตโรโฟมที่ทีมประกอบฉากทำขึ้น

‘ต้องออกแรงมากขึ้น ถ้าปลิวไปจริง ๆ งานเข้าแน่ คงตัดฉากทันที’

ขณะนั้น พัคพันซอที่ล้างเครื่องแต่งกายเลือดออกแล้วเดินเข้ามาหาวูจิน

“วูจิน”

“ครับ อาจารย์”

“ตอนที่คุณตีหัวผมลงไปที่พื้น ลองตีซักสามครั้ง แล้วจับผมขึ้นมาดูจะได้รู้ว่าผมตายหรือยัง”

“เอ่อ ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะครับ? อาจารย์” วูจินมองพัคพันซออย่างสงสัย

“ก็เพื่อความเท่กับเข้าบทบาท แบบนั้นไง”

พัคพันซอพยักหน้า แล้วหันไปมองผู้กำกับคิมโดฮีที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ลองดูนะ ถ้าตอนใกล้ตาย ฉันจะให้อีซังมันมองหน้าฉันสักนิดนึง ภาพมันจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมานิดนึง คิดว่าไง?”

“แน่นอนค่ะ คงจะดูจะดีขึ้นมากเลยค่ะ ครั้งนี้จะทำตามที่อาจารย์บอกเลยค่ะ”

“อืม แล้วก็นะวูจิน ตอนที่เธอเข้ามาจากด้านหลังฉันน่ะ······”

พัคพันซอคุยกับคังวูจิน เกี่ยวกับฉากก่อนหน้านี้ไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่การสอน แต่เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหาภาพที่ดีที่สุด

ผู้กำกับคิมโดฮียืนมองอยู่ข้างๆ แล้วก็อมยิ้มเบาๆ

‘ปกติเขาก็เป็นคนชอบทำแบบนี้อยู่แล้ว แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าอาจารย์จะสนุกมากเลยนะ นอกจากนี้ อาจารย์ดูจะไม่ได้มองวูจินเป็นแค่เด็กใหม่ แต่เป็นนักแสดงคนหนึ่ง’

จริงๆ แล้ว พัคพันซอเองก็เคยพูดกับคังวูจิน ว่าอยากจะเรียนรู้จากเด็กคนนี้ด้วย

“อีซังมันนี่ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา วูจิน คุณทำยังไงถึงเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนั้น? เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก่อนเริ่มรึเปล่า?”

“···เปล่าครับไม่ใช่แบบนั้น”

“งั้นยังไงล่ะ?”

วูจินทำท่าเก๊กเล็กน้อย

“แค่คิดแล้วก็ปล่อยให้มันไหลไปตามร่างกายครับ”

“······แค่นั้นเหรอ?”

“ครับ”

“อืม ดีแล้ว เรียนรู้เยอะๆ นะ ครั้งนี้ก็ฝากด้วย”

วูจินรู้สึกดี เขาจมดิ่งอยู่ในความรู้สึกหวานๆ ของคำชม

ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกหลงตัวเองหรืออะไรก็ตาม แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็ได้รับคำชมมากมาย แต่คำชมที่เกี่ยวกับการแสดงนี่แหละที่ดีที่สุด

‘อ้าาาา ความรู้สึกสำเร็จ มันสุดยอดจริงๆ’

มันเป็นความหลงใหลที่แตกต่างจากอีซังมันโดยสิ้นเชิง คังวูจินและพัคพันซอจึงกลับเข้าสู่การถ่ายทำอีกครั้ง ฉากต่าง ๆ เริ่มมีความดิบและสมจริงมากขึ้น แต่คุณภาพกลับดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ พัคพันซอพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อย ๆ การแสดงซ้ำ ๆ ของเขาทำให้อีซังมันของวูจินชัดเจนขึ้นหลายเท่า

“หรือไม่ก็ต้มทั้งเป็นไปเลยไหม? ยังไงก็จะต้องทำให้ตายอยู่แล้วนิ”

การตัดต่อและการแสดงดำเนินไปสองสามครั้ง ความบ้าคลั่งของอีซังมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การแสดงแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของวูจินทำให้ทีมงานต่างอ้าปากค้าง

และแล้ว...

‘ใช่ นี่แหละที่ฉันต้องการ’

ผู้กำกับเคียวทาโร่ที่ติดตามการแสดงของคังวูจินมาตั้งแต่แรก ก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว

‘ดีแล้วที่ฉันมาดูด้วยตัวเอง การดูผ่านจอมันต่างกันหลายสิบเท่า’

ไม่ใช่... ตั้งแต่ที่วูจินเริ่มแสดง มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด แม้จะปิดบังใบหน้าไว้ด้วยหน้ากาก แต่ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอย่างชัดเจน

‘ถึงจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่รับบทเล็กๆ แต่การแสดงของเขาก็ทำให้เหล่านักแสดงชั้นนำของเกาหลีและทีมงานทุกคนต้องอึ้งไปเลย มันเป็นพลังที่ดึงดูดสายตาจนไม่อาจละสายตาได้’

ผู้กำกับเคียวทาโร่ที่มีผมขาวโพลนมองไปรอบๆ สถานที่ถ่ายทำ ก่อนจะจ้องมองไปที่ผู้กำกับคิมโดฮีที่นั่งอยู่หน้าจอ ความโลภเข้าครอบงำเขา

‘ฉันอยากจะลุกขึ้นไปสัมผัสการแสดงนั้นด้วยตัวเองในทันที’

ความเชื่อมั่นที่ว่านักแสดงหน้าใหม่คนนี้ที่เคยผ่านงานสั้นๆ มาแล้วจะเปล่งประกายเจิดจรัสและเขย่าวงการแสดงของญี่ปุ่น เหมือนกับที่เขาเคยทำกับนักแสดงญี่ปุ่นมากมาย

ผู้กำกับเคียวทาโร่ลดสายตาลง เพื่อมองไปที่นักเขียนอาคาริที่นั่งอยู่ทางซ้าย

เธอกำลังสวมแว่นตาไว้บนสันจมูก

“······”

ผู้กำกับเคียวทาโร่นั่งอยู่คนละที่กับเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สงบใจเท่าไหร่ เพราะรูม่านตาของเธอกว้างขึ้นกว่าปกติหลายเท่า

“โอ้โห···”

นักเขียนอาคาริพึมพำเบาๆเป็นภาษาญี่ปุ่น เธอรู้สึกว่าการแสดงของคังวูจินนั้นแตกต่างจากที่เคยเห็นมาทั้งหมด

แน่นอนว่ามันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

‘ประสบการณ์? ความเข้มข้น? ขาดอะไรไป? ไม่สิ ไม่ถูก มันไม่มีอะไรขาดหายไปเลย ตรงกันข้าม มันล้นจนเหลือ นักแสดงคนนี้ทำได้ยังไง···ทำไมเขาถึงแสดงได้เข้าอารมณ์ขนาดนี้?’

นักเขียนอาคาริ ผู้สร้างสรรค์ตัวละครมากมาย เธอปรารถนาให้ตัวละครของเธอเป็นแบบนี้ ถ้าตัวละครที่เธอเขียนขึ้นมาได้มีชีวิต เธออยากให้มันเป็นแบบคังวูจิน

ในเวลานั้น

“คุณนักเขียน”

ผู้กำกับเคียวทาโร่ กระซิบเบาๆ กับนักเขียนอาคาริ

“เห็นด้วยตาตัวเองแล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ”

นักเขียนอาคาริมองคังวูจินบนเวทีอย่างไม่ละสายตา เธอดูเหมือนจะถูกสะกดจิต และตอบกลับไปว่า

“······เดี๋ยวนะ เดี๋ยวค่อยบอกค่ะ”

เธอไม่อยากถูกขัดจังหวะ

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง

การถ่ายทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงอาทิตย์ที่เคยส่องแสงอยู่บนฟ้าค่อยๆ ลับขอบฟ้าไป แต่ความร้อนแรงของการถ่ายทำ ‘พ่อค้ายาเสพติด’ กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“รถดับเพลิง! ฉีดน้ำให้ดูหน่อย!!”

“โอเค!”

สถานที่แห่งนี้คือจุดที่ศาสตราจารย์คิมถูกทุบหัวจนแตกกระจาย แต่ฉากและบรรยากาศโดยรอบกลับแตกต่างออกไป แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ทำให้บรรยากาศดูมืดครึ้มเล็กน้อย และเหมือนกับฉากแรกที่อีซังมันปรากฏตัว รถดับเพลิงที่พร้อมจะพ่นน้ำออกมาอย่างรุนแรงก็ถูกเตรียมไว้แล้ว

และแล้ว

“เตรียมตัวแสดง!”

“ครับ! นี่เลย! มารวมกันทางนี้!”

นักแสดงสมทบในชุดสูทสีดำที่รับบทเป็นลูกน้องของอีซังมันก็ถูกเพิ่มเข้ามาด้วย มีประมาณสิบกว่าคน ในนั้นมีนักแสดงรับบทสมทบที่เป็นมือขวาของอีซังมันด้วย ทุกคนได้รับมีดซาซิมิที่คมกริบ

ฉากนี้จะเป็นฉากสุดท้ายของอีซังมัน

ฉากที่เขาจะต้องพบกับจุดจบอันน่าอนาถ

ในบทภาพยนตร์ อีซังมันฆ่าศาสตราจารย์คิม จองซองฮุนเห็นอีซังมันที่กำลังคลุ้มคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ อีซังมันยังพอมีสติอยู่บ้าง แต่หลังจากฆ่าศาสตราจารย์คิม เขาก็เหมือนกับคนบ้าที่ปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการ

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังใช้เวลาครึ่งวันไปกับการเสพยา

อีซังมันตอนนี้เกินกว่าจะควบคุมได้แล้ว ในขณะเดียวกัน แก๊งของอีซังมันก็ใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับอดีต จองซองฮุนตัดสินใจว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะชีวิตของเขาก็อยู่ในอันตรายเช่นกัน ดังนั้น จองซองฮุนจึงตัดสินใจกำจัดอีซังมัน

แน่นอน เขาไม่ได้คิดจะลงมือเอง

เป้าหมายคือ ผู้เป็นมือขวาของอีซังมัน เขาเรียกอีกฝ่ายออกมา แล้วค่อยๆเริ่มพูดถึงปัญหาของอีซังมัน พร้อมกับหยอดคำหวานว่าถ้าอีซังมันหายไป เขาจะร่วมทางกับอีกฝ่าย มือขวาของอีซังมันรับข้อเสนอนี้ทันที เพราะสถานการณ์ของอีซังมันตอนนี้ต่างจากอดีตมาก เขาไม่ใช่สัตว์ร้ายที่น่ากลัวอีกต่อไป แต่กลายเป็นคนบ้าคลั่งที่ติดยาเสพติด

ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะจัดการกับเขา

ไม่นาน มือขวาของอีซังมันก็ร่วมมือกับจองซองฮุนวางแผนดักจับเขา โดยใช้ข้ออ้างว่าจะคุยเรื่องตลาดภายในประเทศของเกาหลีไม่ใช่ญี่ปุ่น เพื่อล่ออีซังมันออกมา

สถานที่นัดพบคือ บริเวณหน้าโกดังใกล้ท่าเรือ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ศาสตราจารย์คิมถูกฆ่า

วันนั้นเป็นวันที่ฟ้าร้องฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก ความชื้นที่เหนียวเหนอะและความรู้สึกอึมครึมแผ่ซ่านไปทั่วรถ

“······”

คังวูจินนั่งอยู่เบาะหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นที่ดูเข้มขึ้นกว่าเดิม ดวงตาของเขาเหม่อลอย ไร้ชีวิตชีวา เหมือนตุ๊กตาไร้จิตวิญญาณที่แค่หายใจเท่านั้น สายตาของเขาเหมือนกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกาไปมา วูจินได้ดึงเอาทุกอย่างของอีซังมันออกมาหมดแล้ว

ในเวลานั้น

“เทค! แอคชั่น!”

ผู้กำกับคิมโดฮีส่งสัญญาณ อีซังมันจึงละสายตาจากความว่างเปล่า มือสั่นเล็กน้อย เขาควักบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ รสชาติของมันหวาน อีซังมันคิดว่าบุหรี่รสชาตินี้มันอร่อยยิ่ง

“ฮู้-”

เพราะยาที่เพิ่งกินไปหรือเพราะเสียงฝนที่ตีกระหน่ำลงบนรถ? อีซังมันสูบบุหรี่อย่างยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควันบุหรี่ลอยวนรอบตัวเขา เหมือนกับว่ามันกำลังล้อมรอบร่างกายของเขา

ในเวลานั้น

- แกร๊ก

ประตูหลังรถเปิดออก เสียงฝนกระหน่ำลงมาพร้อมกับร่มสีดำที่อยู่ในมือของลูกน้องคนสนิท เขาพูดขึ้น

“บอสครับ จองซองฮุนมาถึงแล้ว”

อีซังมันนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก

“······”

เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่สิพูดไม่ออกต่างหาก ร่างกายของเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว ความยืดหยุ่นของเนื้อหนังหายไป กล้ามเนื้อฝ่อลงจนแทบไม่เหลือ เขาแทบจะลุกขึ้นยืนได้เท่านั้น ความอ่อนแอของอีซังมันสะท้อนออกมาบนใบหน้าของเขา และกล้องจับภาพใบหน้าของเขาไว้ตรงๆ

-ตุ้บ

อีซังมันพยายามขยับร่างกาย แรงผลักดันที่ทำให้เขายังคงยืนหยัดอยู่คือเป้าหมายที่เลือนราง และตำแหน่งของเขาในฐานะบอส แต่สติที่เหลืออยู่กำลังถูกความปรารถนาที่จะได้ยาครอบงำอย่างรวดเร็ว

อีซังมันค่อย ๆ ยื่นมือออกไปนอกร่ม

สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาฟาดลงบนมือที่ผอมแห้งของเขา มันต่างจากภาพลักษณ์ของเขาในครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง

สายตาของเหล่าทีมงานนับสิบที่เฝ้ามองอีซังมัน อยู่ตรงนั้นเริ่มรู้สึกขนลุกซู่

“แรกๆ นี่ดูเป็นคนละคนกับตอนนี้เลย แม้จะดูเลวร้าย แต่ก็อดสงสารไม่ได้ เหมือนคนบ้าไปแล้ว”

“จริง···ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ดึงดูดสายตาไปหมด เหมือนเป็นตัวตนในเรื่องเลย”

บางคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม

“ภาพ···สุดยอดไปเลย”

บางคนถึงกับปิดปากตัวเอง ในขณะนั้น อีซังมันยื่นมือออกไปจากใต้ร่ม แล้วเอ่ยเสียงเบา

“จะลุกไหม้แล้ว”

คำพูดสั้นๆ ของเขา ทำให้ใบหน้าของลูกน้องที่ถือร่มข้างขวาแข็งกร้าวขึ้น

“หมายถึงทะเลใช่ไหมครับ?”

อีซังมันยิ้มอย่างเหนื่อยหน่าย ใบหน้าเต็มไปด้วยความตาย

“ใช่ ทะเล”

“บอสดูโทรมมากนะครับ”

“เหรอ?”

“ครับ”

อีซังมัน ค่อยๆ ลดมือลงมองดูมือตัวเองที่เปียกฝน ก่อนจะยิ้มอย่างขบขัน เหมือนเคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน

“รีบจัดการเรื่องบัดซบนี้ แล้วไปดื่มเหล้ากันเถอะ”

อีซังมันและลูกน้องเดินไปยังหน้าโกดัง ฝนกระหน่ำลงมาหนักหน่วง เหมือนจะกลืนกินทัศนวิสัย อีซังมันหยิบกล่องบุหรี่ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมองสำรวจรอบๆ โกดังอย่างช้าๆ กล้องถ่ายทำอยู่ด้านหลังอีซังมัน คอยจับภาพโกดัง

ไม่มี จองซองฮุนที่ควรจะอยู่ตรงนั้นหายไปไหนแล้ว

กล้องเลื่อนเข้ามาใกล้อีซังมันมากขึ้น อีซังมันพ่นควันบุหรี่ออกไปอย่างยาวนาน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาๆ ไปยังลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ

“หายไปแล้ว หรือว่ามันไม่เคยอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก”

“······”

ลูกน้องเงียบไม่ตอบคำถาม

อีซังมันสงบลง เขาไม่ใช่สัตว์ร้าย ไม่ใช่คนบ้าคลั่ง เขาเป็นเพียงแค่คนติดยาที่หมดหวังรู้สึกได้ถึงความตายอันน่าสยดสยองที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาที

“มันไม่เคยอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกสินะ”

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ บอส”

“บ้าเอ้ย แล้วจะมาทำเป็นพูดดีทำไม”

ลูกน้องคนสนิทค่อยๆ ปลดร่มกันฝนที่ถืออยู่ พร้อมกันนั้น ลูกน้องอีกสิบกว่าคนก็ทำเช่นเดียวกัน ในทันใด ทุกคนก็ถูกสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก อีซังมันเงยหน้ามองสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก แล้วค่อยๆ ยัดบุหรี่ที่เปียกโชกเข้าไปในปาก

ในขณะนั้น

-ฟุบ!!

ลูกน้องร่างใหญ่คนหนึ่งแทงอะไรบางอย่างเข้าไปที่ท้องของอีซังมัน แต่ดูเหมือนอีซังมันจะไม่รู้สึกอะไร เขามองลูกน้องคนนั้นด้วยสายตาที่ไร้เรี่ยวแรง แม้จะดูอ่อนแอ แต่ลูกน้องคนนั้นก็รู้สึกหวาดกลัว มือทั้งสองข้างสั่นเทิ้ม เขาก้าวถอยหลังหนีอีซังมัน

อีซังมันมองลูกน้องที่กำลังถอยหนี แล้วมองไปที่มีดซาซิมิที่ปักอยู่ที่ท้องของเขา

มีดที่คุ้นเคย

“ไอ้ลูกหมา จะแทงก็แทงให้จบสิ ทำไมถึงแทงไม่ลง”

นั่นคือมีดซาซิมิที่เคยติดอยู่ที่ตาของจองซองฮุน มีดเล่มนั้นถูกมอบให้เขาเป็นของขวัญ อีซังมันคว้ามันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วเหวี่ยงไปยังชายร่างกำยำคนหนึ่ง

“เก็บมันเข้าไป”

คำสั่งนั้นเหมือนเป็นสัญญาณจุดชนวน ลูกน้องฝั่งขวาอีกสิบกว่าคน ตะโกนออกมาพร้อมกัน

“จัดการมันซะ!!”

ลูกน้องที่ลังเลอยู่ก่อนหน้านี้ พุ่งเข้าใส่อีซังมันพร้อมกัน กล้องถอยหลังเล็กน้อยเพื่อเก็บภาพทั้งหมดไว้ เสียงดังตุ๊บตั๊บ หรือ เสียงแทงดังฟึบๆ แทบไม่ได้ยินได้ยิน มีเพียงเสียงฝนกระหน่ำพื้นเท่านั้น แต่ที่ปลายเท้าของอีซังมัน มีเพียงน้ำฝนสีแดงไหลริน

แล้วก็...

-ตุ๊บ!

อีซังมันล้มลงไปคุกเข่า ท้องของเขาแหลกเหลว สีแดงฉาน ลูกน้องฝั่งขวาใช้เท้าถีบอีซังมันที่หมดแรง

“······อึก-”

เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากของอีซังมันที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ในขณะนั้นเอง บรรดาสมุนของเขาที่ยืนอยู่ข้างๆก็หยิบสิ่งของบางอย่างมาโรยลงไปรอบๆ ตัวเขา มันคืออุปกรณ์ที่อีซังมันใช้เสพยาเสพติด รวมถึงเม็ดผลึกใสๆที่เขาเก็บสะสมไว้ และถุงใส่เพชรที่เขาซ่อนไว้ด้วย

“อึก... เฮือก”

อีซังมันที่นอนคว่ำหน้าอยู่เริ่มมองเห็นภาพเบลอๆ เขาพยายามคลานไปข้างหน้าทีละนิด ทีละนิด ราวกับกำลังบีบเอาชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเองออกมา เขาเห็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือเข็มฉีดยา แม้ความตายจะอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็ยังคงคลานไปอย่างไม่ลดละเพื่อคว้ามันไว้ มือของเขาสั่นเทิ้ม แต่เขาก็พยายามยกมันขึ้นมา

แล้ว...

- ฟุบ

เข็มฉีดยาจิ้มลงไปที่จุดใดจุดหนึ่ง บรรดาสมุนที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ต่างสบถออกมาเบาๆ

“ไอ้บ้านี้”

อีซังมันเริ่มหัวเราะออกมา

“ฮึ ฮึ ฮึ”

ความรู้สึกมันช่างคล้ายกันเหลือเกิน เหมือนกับความตายกำลังครอบงำร่างกาย และยาเสพติดกำลังไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือด

ความตายและยาเสพติด ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแตกต่างกัน

ปัญหาคือ...

“ฮึฮึฮึ... อึฮึฮึ”

เขายื่นเข็มฉีดยาเข้าไป แต่กลับพบว่ามันว่างเปล่า มันเป็นเพียงการเจาะรูเพิ่มบนร่างกายที่ไร้ชีวิต อีซังมันสั่นเทิ้ม ร่างกายสั่นสะท้าน ก่อนจะกระซิบเบาๆ ในลมหายใจสุดท้าย

“ยาเสพติด... มันสุดยอดจริงๆ... ชิบหายเอ้ย”

หัวใจของอีซังมันหยุดเต้น

หลังจากนั้น

ผู้กำกับเคียวทาโร่และนักเขียนอาคาริได้ออกจาก ‘สถานที่ค้าขายยาเสพติด’ พวกเขาขึ้นรถตู้และมุ่งหน้าไปยังโซล ตามแผนเดิม พวกเขาไม่ได้เจอกับคังวูจิน ไม่สิ พวกเขาอยากเจอแต่ทำไม่ได้

เพราะพวกเขาไม่อยากไปขัดขวางการแสดงอันน่าทึ่งของเขา

“······”

“······”

บรรยากาศภายในรถตู้หนักอึ้ง ผู้กำกับเคียวทาโร่และนักเขียนอาคาริต่างเงียบกริบมองออกไปนอกหน้าต่างหรือจมอยู่กับความคิดของตัวเอง สิ่งเดียวที่ทั้งคู่มีเหมือนกันคือขนลุกซู่ไม่หยุด

ผ่านไปราวสามสิบนาที ในรถตู้ที่เงียบสงัด

“คุณอาคาริ”

เสียงญี่ปุ่นดังขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้กำกับเคียวทาโร่เป็นคนเอ่ยขึ้น

“พอเห็นนักแสดงคังวูจิน คุณนึกถึงบทบาทอะไรขึ้นมาบ้างครับ?”

นักเขียนอาคาริที่เพ่งมองออกไปนอกหน้าต่างค่อยๆ ถอดแว่นตาออก เธอจินตนาการถึงคังวูจิน จริงๆ แล้วหลังจากที่เธอได้ดู ‘อีซังมัน’ ของวูจิน เธอก็มีบทบาทหนึ่งติดอยู่ในหัวมาตลอด

“···คิโยชิ”

ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ผู้กำกับเคียวทาโร่ก็หัวเราะเบาๆ

“เป็นบทบาทเดียวกับที่ผมคิดไว้เลย”

มันคือหนึ่งในบทบาทหลักของ‘การสังเวยอันน่าสะพรึงกลัวของคนแปลกหน้า’

จบ

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด