บทที่ 58 แผนการฟาร์มแบบพุ่งกระฉูด
เย่ฉางชิงยืนนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีสีหน้าตกตะลึง จินหมิงซึ่งเป็นศูนย์กลางของความวุ่นวายนี้ก็มีสีหน้าสับสนเช่นกัน
ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นจินหมิงที่กำลังยุ่งอยู่กับการกินข้าว เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับข้าวที่ยังติดริมฝีปากอยู่ เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องอย่างกระตือรือร้นของเหล่าศิษย์ ความงุนงงก็แสดงบนใบหน้าของเธอ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นศิษย์ที่เหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มนั้น เธออยากจะตะโกนออกมาว่า ‘ข้าไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น! หยุดปล่อยข่าวลือเท็จเกี่ยวกับข้าสักที!’
แต่ก่อนที่จินหมิงจะทันพูดอะไรออกไป ศิษย์คนนั้นและกลุ่มคนที่เพิ่มจำนวนขึ้นก็เดินเข้ามาหาเธอ เขาพูดด้วยความจริงใจว่า "พี่จินหมิง ขอบคุณสำหรับบทเรียนที่สอนข้า มั่นใจได้เลย หากศิษย์พี่ทำได้ พวกข้าก็จะทำให้ได้เช่นกัน"
“ขอบคุณศิษย์พี่จินหมิง”
เหล่าศิษย์คนอื่นๆ ก็โค้งขอบคุณจินหมิงอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบอะไร พวกเขาก็พากันเดินออกไปอย่างยิ่งใหญ่ ปล่อยให้จินหมิงยืนอึ้งอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร
กระแสความกระตือรือร้นในการออกไปฝึกฝนดินแดนต้องห้ามปาฝางแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์หลายคนต่างพร้อมใจที่จะทำตามแบบอย่างของจินหมิงและเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่ออิสรภาพในการกินได้ทุกมื้ออาหาร โดยไม่ต้องพึ่งพาโชคอีกต่อไป
นอกจากนี้ เหล่าศิษย์ยังตระหนักว่าการฝึกฝนอย่างเดียวคงไม่พอ พวกเขาจึงตัดสินใจรับภารกิจจากหอภารกิจของยอดเขาหลักก่อนจะออกไป เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ไม่เพียงแต่ฝึกฝน
แต่ยังสามารถเก็บแต้มสะสมของนิกาย ซึ่งสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชา ยาเม็ด หรือแม้กระทั่งอาวุธศาสตราเมื่อกลับมาได้
ช่างเป็นแผนการณ์ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
“ศิษย์พี่ท่านช่างอัจฉริยะจริงๆ”
เมื่อได้ยินแผนนี้ ศิษย์หลายคนต่างพากันชื่นชมและสรรเสริญเขาด้วยความจริงใจ
“สหายร่วมอุดมการณ์ไม่ต้องยกย่องข้าหรอก ข้าเพียงแค่คิดชั่วขณะ แต่ถึงอย่างนั้นการฝึกฝนนี้จะใช้เวลานาน อย่าลืมรับภารกิจเยอะๆไว้ก่อนนั่นสำคัญมาก!”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราทราบดี”
ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นเป็นต้นไป ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มทยอยออกจากนิกายเพื่อไปฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ก่อนออกเดินทางพวกเขาต่างแวะไปหอภารกิจเพื่อรับภารกิจทุกคน
ผลก็คือในสองวันที่ผ่านมา หอภารกิจเต็มไปด้วยศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่มารับภารกิจ บางคนยังมีผ้าพันแผลพันรอบตัวด้วยซ้ำ
“ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์พวกนี้บ้าไปแล้ว มารับภารกิจทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่?”
“ใช่จริงๆ ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์นี้ช่างไม่ธรรมดาเลย”
ศิษย์จากยอดเขาอื่นๆต่างถอยห่าง คิดว่าศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์คงบ้าพอที่จะมารับภารกิจในสภาพเช่นนี้
แต่เมื่อเห็นว่าศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์จัดการเลือกภารกิจอย่างไร พวกเขาก็ยิ่งไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
โดยปกติแล้ว ศิษย์จากยอดเขาอื่นๆจะตรวจสอบภารกิจที่มีอยู่และเลือกภารกิจที่เหมาะสมเพียงไม่กี่ภารกิจ แต่ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์กลับกวาดเลือกทั้งแถว
ที่บอร์ดแสดงภารกิจต่างๆ ถูกแสดงไว้เป็นแถวและแบ่งตามระดับดาว แต่เมื่อศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นมา ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ถึงกับอ้าปากค้าง
“ขอโทษขอรับ ข้าจะรับภารกิจทั้งหมดในแถวนี้”
“อะไรนะ?”
ผู้ดูแลหอภารกิจถึงกับตะลึงจ้องมองศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยความงุนงง
ศิษย์คนนั้นกล่าวซ้ำอีกครั้ง “ข้าจะรับภารกิจทั้งหมดในแถวนี้”
เมื่อผู้ดูแลรู้ตัวว่าตนไม่ได้ฟังผิด เขาก็ตกตะลึงมากด้วยประสบการณ์ที่ทำงานในหอภารกิจมากว่าร้อยปี เขาได้เห็นศิษย์หลากหลายประเภท บางคนชอบรับภารกิจหลายภารกิจพร้อมกัน
แต่ปกติแล้วจะไม่เกินห้าหรือหกภารกิจ การรับมากกว่าสิบภารกิจถือเป็นเรื่องหายากและบ้าบอ
แต่ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์คนนี้ขอรับทั้งแถว
ในแถวนั้นมีภารกิจอย่างน้อย20-30ภารกิจ เขาคิดว่าศิษย์คนนี้มารับภารกิจแบบขายส่งหรืออย่างไร?
หลังจากได้สติคืนมา ผู้ดูแลก็กล่าวด้วยความจริงจัง “ข้าขอบอกไว้ก่อน ไม่สามารถส่งต่อหรือขายภารกิจให้ผู้อื่นได้นะ”
“ขอรับ! ข้าตั้งใจจะทำภารกิจทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง มีข้อจำกัดในการรับภารกิจหนึ่งคนไม่เกินกี่ภารกิจหรือไม่?”
ผู้ดูแลหอภารกิจพูดอะไรไม่ออก ในที่สุดเขาก็พบว่ากฎของการรับภารกิจนั้นไม่มีข้อโต้แย้ง ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์เดินจากไปอย่างไร้ความลังเล ในขณะที่บอร์ดภารกิจว่างโล่ง ชี้ให้่เห็นว่าภารกิจมากกว่า30ภารกิจถูกกวาดหายไปทันที
ในนิกายเต๋าอี้เมื่อมีศิษย์รับภารกิจไปแล้ว ไม่สามารถรับซ้ำได้จนกว่าภารกิจนั้นจะสำเร็จหรือถูกยกเลิก ศิษย์คนนั้นเดินจากไปด้วยความแน่วแน่ที่จะทำให้การออกฝึกฝนครั้งนี้สำเร็จ หรือไม่ก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่เขาเดินจากไป เหล่าศิษย์จากยอดเขาอื่นต่างพากันกระซิบกระซาบ
“เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ค่อยปกติ”
“ไม่ปกติ? ข้าว่าแย่กว่านั้นอีก”
“ใช่ พวกเขาไม่เพียงแค่มีการประลองซ้อมต่อสู้ครั้งใหญ่กันอยู่เสมอ ตอนนี้พวกเขายังไปรับภารกิจกันอย่างบ้าคลั่ง”
สิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นเพียงเรื่องผิดปกติชั่วคราวกลับกลายเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง เมื่อศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มาที่หอภารกิจมากขึ้น ทุกคนต่างก็รับภารกิจเป็นทั้งแถวไม่ว่าจะเป็นแถวแนวนอนหรือแนวตั้ง
ผลที่เห็นได้ชัดเจนคือจำนวนภารกิจที่เหลืออยู่ในหอลดลงอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเหลือเพียงภารกิจระดับสามดาวและสี่ดาวไม่กี่รายการ และภารกิจที่ยากลำบากอย่างยิ่งในระดับห้าดาว
ศิษย์จากยอดเขาอื่นเริ่มกระวนกระวายใจ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์อาจจะกวาดเอาภารกิจทั้งหมดไป
เมื่อศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเดินเข้ามาที่จอแสดงภารกิจอีกครั้ง เหล่าศิษย์จากยอดเขาอื่นที่ยืนอยู่ต่างก็แทบไม่สามารถเก็บความโกรธของตนไว้ได้
“พวกเจ้ายอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์จะบ้ากันไปถึงไหนกัน? นี่มันการรับภารกิจบ้าบออะไรกัน รับทีละแถวไม่หยุดหย่อน!”
เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด พวกเขาทุกคนมาที่นี่เพื่อรับภารกิจ แต่ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์กลับทำท่าจะครองภารกิจทั้งหมด
แต่ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์กลับเพียงเหลือบมองพวกเขาด้วยความเฉยชาและกล่าวสิ่งที่ยิ่งทำให้พวกเขาเดือดดาลขึ้นไปอีก
“อะไร? มีกฎห้ามรับภารกิจเป็นแถวหรือ?”
ศิษย์จากยอดเขาอื่นถึงกับเงียบไปชั่วขณะ พวกเขาไม่มีข้อโต้แย้ง
จากนั้นศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ก็หันไปหาผู้ดูแลด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ไม่มีแถวที่เต็มอีกแล้วหรือ? งั้นก็จัดการรวบรวมภารกิจสามดาวที่เหลือทั้งหมดให้ข้า”
“ร... รวบรวม?”
“ใช่ รวบรวมให้ข้า แล้วข้าจะตรวจดูภารกิจสี่ดาวที่เหมาะสมต่อ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ดูแลได้ยินคำว่า“รวบรวม”ในหอภารกิจและศิษย์คนนี้ยังไม่หยุดแค่นั้นเขายังต้องการภารกิจเพิ่มเติมอีก
ผู้ดูแลพูดอะไรไม่ออก ส่วนศิษย์รอบๆ ก็แทบจะเดือดพล่านด้วยความโกรธ
“ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ นี่พวกเจ้าเกินไปแล้ว!”
“พอแล้ว ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าอยากเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม? ข้าจะไปหอผู้คุมกฎเพื่อรายงานพวกเจ้า!”
“ข้าจะไปด้วย”
สายตาของศิษย์คนอื่นแดงก่ำไปด้วยความโกรธ พวกเขาไม่สามารถรับภารกิจใดๆ ได้เพราะการกระทำของยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์
ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์เมินเสียงตะโกนและคำขู่เหล่านั้น เขาจัดการลงทะเบียนรับภารกิจของตนเสร็จสิ้นและจากไปด้วยความมุ่งมั่นชัดเจนว่าจะต้องทำให้สำเร็จ ไม่ก็ต้องยอมแพ้ไป