ตอนที่แล้วบทที่ 497 เริ่มแผนการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 499 การประสานงานระหว่างเจ้าไก่หัวแข็งกับปีศาจงูแดง 

บทที่ 498 การชิงไหวชิงพริบและการบดขยี้ 


เมืองเป่ยหลิง

ช่วงหลายวันที่ผ่านมาโจวซิงจีรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างมากหลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็เรียกคนไปเชิญลุงของเขาโจวอี้เซิงมา

แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าตระกูลโจวแต่ในหลายๆเรื่องเขายังไม่มีอำนาจตัดสินใจได้ด้วยตัวเองทั้งหมด แม้กระทั่งก่อนที่อดีตหัวหน้าตระกูลจะสิ้นชีวิตยังย้ำเตือนเขาว่าอย่าได้ละเลยสมาชิกตระกูลคนอื่นๆ

โดยเฉพาะพวกเครือญาติพวกเขาคือรากฐานที่ทำให้ตระกูลแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของโจวซิงจีมาจากสองปัจจัยอย่างแรกคือพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของเขาที่ทำให้เขาเป็นผู้นำในกลุ่มคนรุ่นใหม่

อย่างที่สองคือการที่เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลสนับสนุนและเปิดทางให้

ทำให้เขาสามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้

โดยเฉพาะโจวอี้เซิงที่มีส่วนช่วยอย่างมาก!

ดังนั้นแม้ว่าโจวซิงจีจะเป็นหัวหน้าตระกูลแต่เขายังคงต้องปรึกษากับลุงของเขาในหลายๆเรื่อง

เหตุการณ์ที่แขนของโจวอี้เซิงถูกตัดที่เมืองเป่ยเยว่ทำให้เขารู้สึกเคียดแค้นอยู่เสมอคิดหาทางแก้แค้นให้พวกเขา!

“ท่านหัวหน้า ท่านเรียกข้า?”

ประตูเปิดออกโจวอี้เซิงเรียกเขาด้วยความเคารพว่า

“ท่านหัวหน้า”

“ท่านลุงเชิญนั่ง”

เมื่อประตูปิดลงพวกเขาก็กลับมาเรียกกันตามปกติว่าลุงและหลาน

โจวซิงจีรินชาให้ลุงของเขาจากนั้นจึงเริ่มพูดขึ้นว่า

“ข้ารู้สึกไม่สบายใจในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นทางด้านรอยแยก?”

โจวอี้เซิงจิบชาแล้วพูดว่า

“เมื่อเช้านี้มีข่าวมาว่า ภายในผาหลิงศพแปดร้อยมีสายฟ้าฟาดและหมอกมารเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ผู้อาวุโสทั้งสี่ที่ส่งไปนั่นคงจะต้านทานได้อีกไม่นาน”

“ว่าแล้วเชียว!” โจวซิงจีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เมืองเป่ยเยว่ดูเหมือนจะเป็นเมืองที่อ่อนแอที่สุดในสามเมืองทางเหนือ แต่ก็กลับแข็งแกร่งเกินคาด!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เขามองไปยังแขนข้างที่ว่างเปล่าของลุงด้วยความรู้สึกผิด

“หึ! สักวันหนึ่งเราจะทำให้พวกเขาชดใช้!”

ตอนนี้เมืองเป่ยหลิงยุ่งจนไม่มีเวลาไปจัดการกับเรื่องอื่นพวกเขามีผู้ฝึกตนขั้นทองสิบสี่คน สี่คนถูกส่งไปปราบปรามผาหลิงศพแปดร้อยส่วนที่เหลืออีกสิบคนก็ไม่เพียงพอที่จะโจมตีเมืองเป่ยเยว่ได้

“แล้วตอนนี้ควรทำอย่างไร? ไปขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพหรือ? ให้สำนักเซียนอื่น ๆ ลงมือ?”

ถ้าทำเช่นนั้นก็เท่ากับเปิดศึกกับสำนักเซียนอื่นๆเพราะการกดดันคนอื่นด้วยอำนาจไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดในเวลาไหนเลย

แต่ดูเหมือนว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

“แค่ตระกูลโจวเพียงลำพังคงไม่สามารถต้านทานได้การพ่ายแพ้เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”

“แล้วเราควรส่งคนไปที่ภูเขาหยานอวิ๋นหรือไม่?” โจวซิงจีถามอย่างลองเชิง

โจวอี้เซิงพยักหน้านั่นก็เป็นความคิดของเขาเช่นกัน

ดีกว่าปล่อยให้ตระกูลล่มสลายการฉีกหน้าเปิดศึกยังพอมีโอกาสรอดอยู่บ้างมิฉะนั้น เมื่อคลื่นซากศพจำนวนมากบุกเข้ามาที่เมืองเป่ยหลิง พวกเขาจะพ่ายแพ้แน่นอน!

“ว่าแต่พวกคนจากสำนักกานซือล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง? พวกเขายอมพูดหรือยัง?”

“พวกนั้นปากแข็งนัก!” เมื่อพูดถึงฉีเฉินและพรรคพวกโจวอี้เซิงถึงกับขบฟันแน่น

คนที่ไร้ความสามารถและไร้พลังกลุ่มหนึ่ง กลับกล้าทรยศเมืองเป่ยหลิง!ถ้าไม่ใช่ว่าต้องการใช้พวกเขาเพื่อล้วงข้อมูลจากเมืองเป่ยเยว่เขาคงฆ่าพวกนี้ไปนานแล้ว

พวกผู้ฝึกตนที่ใช้ชีวิตร่วมกับซากศพตลอดเวลานำพาแต่ความขยะแขยงมาให้ผู้คน!

“แล้วเจ้าคิดว่าพวกเขาจะมาหรือไม่?”

“ข้าว่าพวกเขามาแน่!” โจวอี้เซิงกัดฟันตอบด้วยความมั่นใจ

“พวกเราได้วางกับดักไว้แล้ว รอแค่พวกเขาเข้ามาติดกับเท่านั้น!”

เมื่อพูดจบผู้อาวุโสตระกูลโจวก็ลูบแขนข้างขวาที่ว่างเปล่าของตนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม

แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอย่างเร่งรีบและไม่นานประตูก็ถูกเคาะอย่างรุนแรง

“ท่านหัวหน้า! ท่านหัวหน้า!” เสียงที่เร่งรีบเหมือนมีเรื่องสำคัญ

“มีอะไร!?” โจวซิงจีขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

ในขณะที่พวกเขากำลังคุยเรื่องสำคัญแต่กลับมีคนไม่รู้กาลเทศะมารบกวนนี่มันหมายความว่าอย่างไร?

“จาก…จากเมืองเป่ยเยว่มีข่าวมาครับ!”

“อืม?”

ปัง!

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกอย่างแรงพ่อบ้านวิ่งเข้ามาในสภาพเหงื่อท่วมตัวหายใจแรงแล้วคุกเข่าลงกล่าวว่า

“ทางเมืองเป่ยเยว่ส่งข่าวมาว่า พวกเขาต้องการร่วมกันป้องกันคลื่นซากศพจากผาหลิงศพแปดร้อย และต้องการเชิญท่านหัวหน้าไปเจรจาที่รอยแยก!”

ทันทีที่สิ้นเสียงโจวอี้เซิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจทันที

และโจวซิงจีเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

ในตอนแรกพวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ พวกเขาถึงขั้นตัดแขนลุงของเขาเพื่อรับมือกับหายนะนี้!

แต่ตอนนี้พวกเขากลับเสนอให้เจรจาร่วมกันต่อต้านคลื่นซากศพ…เรื่องนี้มันแปลกเกินไปแล้ว

“เจ้ากลับไปก่อน รอคำสั่งข้า!”

“ขอรับ!”

เมื่อพ่อบ้านจากไปโจวซิงจีก็ปิดประตูอีกครั้งแล้วถามว่า

“ท่านลุงคิดว่าอย่างไร?”

“ล่อเสือออกจากถ้ำ!” โจวอี้เซิงซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานกว่าร้อยปีผ่านความเปลี่ยนแปลงมามาก ย่อมมีประสบการณ์ที่โจวซิงจีซึ่งอายุเพียงยี่สิบกว่าปีไม่สามารถเทียบได้

เขามองออกในทันทีว่านี่คือแผนของเมืองเป่ยเยว่

“ล่อเสือออกจากถ้ำ? งั้นเป้าหมายของพวกเขาคือ…สำนักกานซือ?”

โจวอี้เซิงพยักหน้า

“มีความเป็นไปได้สูงข้านึกไม่ออกว่าเหตุผลอื่นคืออะไร”

โจวซิงจีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ทำไมพวกเขาถึงใส่ใจสำนักกานซือนัก?”

โจวอี้เซิงหัวเราะเบา ๆ

“นี่มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ? เมืองเป่ยเยว่เป็นสถานที่ที่มุมมองแคบคับเป็นที่ห่างไกล พวกเขาคงไม่เคยเห็นวิชาควบคุมซากศพมาก่อน พอได้รู้จักวิชาเฉพาะของสำนักกานซือก็อยากจะดึงพวกเขาเข้ามาร่วมด้วยเพื่อเตรียมรับมือกับคลื่นซากศพที่จะมาถึง”

“พวกเขามีกำลังคนแค่ไหนกัน? มันแทบไม่ต่างจากการโยนน้ำแก้ไฟเลย!”

“คน?” โจวอี้เซิงหยิบหยกความจำออกมา

“สิ่งที่โลกแห่งการฝึกตนไม่เคยขาดคือผู้ฝึกตน”

“วิชาควบคุมซากศพ?”

“ถูกต้อง!”

“แล้วทำไมเราถึงไม่ทำแบบนี้บ้าง?”

โจวซิงจีเคยคิดถึงเรื่องนี้ และดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเลย

“ลองดูนี่สิ”

เขารับหยกความจำมาแล้วถ่ายโอนจิตวิญญาณเข้าไปตรวจสอบ

“ไม่มีวิชาสำหรับขั้นทอง?”

“ใช่! ตั้งแต่เจ้าสำนักรุ่นแรกของสำนักกานซือเสียชีวิตไปวิชาควบคุมซากศพสำหรับขั้นต่อไปก็หายไปด้วยนอกจากนี้ สำนักกานซือยังมีชื่อเสียงที่ไม่ดีแล้วมีผู้ฝึกตนคนไหนอยากฝึกวิชาที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผีเช่นนี้บ้าง?”

“ก็จริง”

โจวซิงจีพยักหน้า

“แล้วตอนนี้เราควรทำอย่างไร?”

“ในเมื่อพวกเขาต้องการล่อเสือออกจากถ้ำ เราก็จะไม่ทำตามแผนของพวกเขา! พวกเขาต้องการเจรจาที่รอยแยกเราก็จะเจรจาที่เมืองเป่ยหลิง!”

“ดี! ตามที่ท่านลุงว่า!”

การชิงไหวชิงพริบระหว่างสองเมืองได้เริ่มขึ้นอย่างเงียบ ๆ

วันแรกเมืองเป่ยหลิงยังคงนิ่งเฉยเมืองเป่ยเยว่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเช่นกัน

วันที่สองและวันที่สามก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

จนกระทั่งวันที่สี่ข่าวจากรอยแยกได้ทำลายความเงียบของตระกูลโจว!

สาเหตุมาจากสายฟ้าต่อเนื่องหลายสายไม่รู้มาจากที่ใดได้พุ่งตรงเข้าทำลายแนวป้องกันของตระกูลโจว ซากศพจำนวนมากที่ถูกขังไว้ก่อนหน้านี้ได้หลุดออกมาจากรอยแยกและไหลไปยังทุ่งร้างอย่างไม่หยุดยั้ง!

โจวซิงจีซึ่งเคยทำตัวเย็นชาอยู่ก็ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆได้อีกแล้ว

นี่มันไม่ใช่การล่อเสือออกจากถ้ำแต่มันคือการข่มขู่และการคุกคามชัด ๆ!

เมื่อโจวอี้เซิงได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกหวาดหวั่นเช่นกันเขาประเมินวิธีการของเมืองเป่ยเยว่ต่ำไป

จากที่แนวหน้ารายงานมา สายฟ้าที่ฟาดลงมาเหล่านั้นสามารถฆ่าผู้ฝึกตนขั้นทองระดับปลายได้อย่างง่ายดาย หากไม่โดนพวกเขานั่นเป็นเพราะพวกเขาออมมือให้แล้ว!

(จบบท)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด