บทที่ 391 ขยับแขนของพวกเจ้าได้ไหม?
###
"การช่วยแก้ปัญหาให้สำนัก นับว่าเป็นเกียรติของข้า"
ลู่เซวียนกล่าวยิ้ม ๆ
เฟิงอวี้ที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างลู่เซวียนกับฮั่วหลิงเอ๋อร์ก็พยักหน้ารับ เขาเพิ่งเข้าใจว่าทำไมท่าทีของฮั่วหลิงเอ๋อร์ที่มีต่อลู่เซวียนถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้
"ศิษย์น้องลู่ ในเมื่อพามาถึงใจกลางพื้นที่แดนลับแล้ว ข้าอยากขอให้เจ้าช่วยแก้ปัญหาหนึ่งให้หน่อย"
"ศิษย์พี่ฮั่วเชิญว่ามา ข้าจะทำให้ดีที่สุด"
ลู่เซวียนตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ
"ปัญหานี้ก็เกี่ยวข้องกับพืชวิญญาณกลายพันธุ์เช่นกัน"
ฮั่วหลิงเอ๋อร์รู้ดีว่าลู่เซวียนหลงใหลในการปลูกพืชและสัตว์วิญญาณ จึงไม่ขอให้เขาช่วยเรื่องอื่น
"พวกเราเจอพืชวิญญาณประหลาดกลุ่มหนึ่งในทางเดินใต้ดิน พืชพวกนั้นพันกันเป็นกลุ่มใหญ่ และยังดูเหมือนว่าจะมีการก่อตัวคล้ายค่ายกลอยู่เล็กน้อย พวกเราลองหาวิธีจัดการหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ"
"พืชเหล่านั้นขวางเส้นทางสำคัญอยู่ หากไม่สามารถจัดการพวกมันได้ เราก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้"
ฮั่วหลิงเอ๋อร์กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
"พืชวิญญาณที่รวมกันกลายเป็นค่ายกล? หรือว่าพืชสามารถก่อตั้งค่ายกลได้ด้วย?"
ลู่เซวียนรู้สึกแปลกใจมาก เขาเชี่ยวชาญในการดูแลพืชวิญญาณมานาน แต่ก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องพืชที่สามารถก่อตั้งค่ายกลได้
"ศิษย์น้องลู่ เจ้าไปดูด้วยตาตัวเองแล้วจะเข้าใจ"
ฮั่วหลิงเอ๋อร์พาลู่เซวียนกับเฟิงอวี้ไปยังถ้ำกว้างแห่งหนึ่ง
ในถ้ำ มีศิษย์สำนักเทียนเจี้ยนมากกว่าสามสิบคน บ้างนั่งสมาธิ บ้างถกเถียงกันอย่างดุเดือด บ้างนั่งขัดสมาธิเพื่อฝึกฝน
"มาเถอะ ศิษย์น้องลู่ ข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จัก"
ฮั่วหลิงเอ๋อร์ดึงแขนลู่เซวียนไปที่ชายหนุ่มหน้าตาเยือกเย็นผู้หนึ่ง
ชายหนุ่มคนนั้นนั่งหลับตาอยู่ แต่ตรงกลางหน้าผากของเขามีดวงตาตั้งอยู่ มันจ้องมองลู่เซวียนโดยไม่มีความรู้สึกใด ๆ
"ท่านนี้คือศิษย์พี่อู๋เจี๋ย ศิษย์พี่นี้เป็นศิษย์สืบทอดอีกคนหนึ่งที่มาที่นี่ร่วมกับข้าและศิษย์พี่เจี้ยนอู๋เซี่ย"
"ศิษย์พี่อู๋เจี๋ย ท่านนี้คือศิษย์น้องลู่เซวียน ศิษย์น้องเป็นผู้ให้วิธีการจัดการพืชปรสิตกับพวกเรา"
ฮั่วหลิงเอ๋อร์แนะนำอย่างกระตือรือร้น
"สวัสดีศิษย์พี่อู๋เจี๋ย"
ลู่เซวียนคำนับอย่างนอบน้อม เขาได้ศึกษาคาถาเนตรทลายภาพลวงมาระยะหนึ่ง และด้วยความที่เขาได้ใช้ดวงตาพิเศษจากพืชวิญญาณ ต้นปีศาจร้อยตา ทำให้เขามองเห็นความพิเศษของดวงตาตั้งบนหน้าผากของอู๋เจี๋ยได้ในทันที
"ยินดีที่ได้พบศิษย์น้องลู่ เดี๋ยวคงต้องขอให้เจ้าไปช่วยดูด้วยตัวเอง"
"ยินดีอย่างยิ่ง"
ลู่เซวียนตอบกลับ
เขามองไปรอบ ๆ ถ้ำ และทักทายศิษย์พี่เจี้ยนอู๋เซี่ยที่อยู่ไกล ๆ และยังเห็นจางรุ่ยผิงและศิษย์ร่วมสำนักหลายคนที่บาดเจ็บเล็กน้อยจากการโจมตีของสัตว์อสูรหุ่นเชิด แต่ไม่มีใครเสียชีวิต
"ศิษย์ขั้นสร้างรากฐานที่อยู่ที่นี่มีถึงสามสิบกว่าคน ขั้นต่ำสุดคือขั้นสร้างรากฐานขั้นกลาง มีมากกว่าสิบคนที่อยู่ขั้นสร้างรากฐานขั้นปลาย ฮั่วหลิงเอ๋อร์และศิษย์พี่อีกสองคนก็ใกล้จะบรรลุขั้นสร้างแก่นทองคำเต็มที"
"นี่แหละคือพลังของสำนักใหญ่..."
ลู่เซวียนอดคิดไม่ได้ว่าพลังของสำนักใหญ่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
เมื่อพักผ่อนกันพอแล้ว ฮั่วหลิงเอ๋อร์จึงพาลู่เซวียนเข้าสู่ทางเดินสีแดงเข้ม
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง
อีกด้านของหน้าผาคือทางเข้า ซึ่งมีพลังวิญญาณไหลเวียนอยู่หนาแน่น
ตรงกลางมีพื้นราบเว้าเข้าไป ภายในมีพืชประหลาดจำนวนหลายร้อยถึงพันต้นเติบโตอยู่
พืชพวกนี้มีสีดำเขียว ลำต้นหนาที่ฐานและเรียวที่ปลาย ดูคล้ายแขนที่ต่อกันไปมา เส้นเลือดปูดโปนเต้นระริก มันเคลื่อนไหวเหมือนกำลังเต้นอยู่ตลอดเวลา
ปลายกิ่งยาวบางของมัน เมื่อแผ่ออกก็เหมือนนิ้วมือประหลาด เมื่อหุบเข้าก็คล้ายข้อต่อกระดูกที่พองและทรงพลัง
"นี่แหละคือพืชวิญญาณประหลาดที่พวกเราเจอ ข้าจะลองโจมตีมันให้ดู ศิษย์น้องโปรดสังเกตดูการเปลี่ยนแปลงของพืชให้ดี"
ลู่เซวียนพยักหน้าอย่างตั้งใจ ขณะจ้องมองกลุ่มพืชประหลาดที่เหมือนป่าของแขนที่เบื้องล่างไม่ละสายตา
ฮั่วหลิงเอ๋อร์กำหมัดแน่น หอกยาวสีแดงเพลิงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพุ่งใส่กลุ่มพืชวิญญาณประหลาด
ลู่เซวียนเห็นชัดเจนว่า พืชวิญญาณบริเวณที่หอกตกลงไปจับกลุ่มกันกลายเป็นตาข่ายหนาสีดำเขียวในพริบตา
ตาข่ายสีดำเขียวนี้ป้องกันการโจมตีของหอกยาวสีแดงเพลิงไว้ แม้เปลวไฟจะยังคงแผดเผาอยู่
จากตาข่ายนั้น จู่ ๆ ก็มีแขนขนาดยักษ์ที่เกิดจากพืชหลายสิบต้นพันกัน ยื่นออกมาจับหอกสีแดงเพลิงแล้วหักมันออกเป็นสองท่อน
"น่าสนใจจริง ๆ"
ลู่เซวียนพึมพำกับตัวเอง
ฮั่วหลิงเอ๋อร์หลังจากยิงหอกสีแดงเพลิงออกไปแล้วก็บังคับเมฆแดงเพลิงเข้าใกล้กลุ่มพืชประหลาด
พืชวิญญาณสีดำเขียวที่อยู่ใกล้ฮั่วหลิงเอ๋อร์หลายร้อยต้นต่างตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเขา มันโจมตีมาที่เขาจากทุกทิศทุกทาง ทั้งการทุบและฟาด เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างเดียวกัน
ฮั่วหลิงเอ๋อร์ไม่ได้ต่อสู้จริงจัง แค่แสดงให้ลู่เซวียนเห็นความประหลาดของพืช แล้วก็กลับมายังทางเดินสีแดงเข้ม
"ศิษย์น้องลู่ อย่างที่เจ้าเห็น พืชประหลาดเหล่านี้เหมือนจะรวมพลังกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง มันจะดึงพลังจากเพื่อนร่วมกันมาต่อต้าน"
"วิธีที่จะผ่านไปได้มีเพียงสองทาง หนึ่งคือใช้กำลังมหาศาลจัดการพวกมันไปตรง ๆ"
"อีกทางคือต้องหาจุดอ่อนของพวกมัน หรือหาจุดพิเศษบางอย่าง แล้วใช้วิธีที่เหมาะสมจัดการพวกมัน"
อู๋เจี๋ยที่นั่งหลับตากล่าวขึ้น เขารับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องลืมตา
ลู่เซวียนพยักหน้า พืชประหลาดเหล่านี้ดูเหมือนจะสร้างค่ายกลร่วมกันได้ และประสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติ ดูเหมือนจะไม่มีช่องโหว่ใด ๆ
"จะลองให้ศิษย์หลายคนโจมตีพร้อมกันดูไหม เผื่อว่าเมื่อโจมตีต่อเนื่องมันอาจจะเผยจุดอ่อนได้?"
ลู่เซวียนเสนอความเห็นหลังจากคิดอยู่สักพัก
"พวกเราลองแล้ว แต่ไม่ได้ผล"
"พืชพวกนี้ประสานงานกันได้ดีกว่าที่เราคิด มันตอบสนองเร็วมาก เปลี่ยนรูปแบบได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้จัดการได้ยากมาก"
ฮั่วหลิงเอ๋อร์กล่าว
"ข้าจะลองทดสอบด้วยตัวเอง เมื่อได้สัมผัสโดยตรงอาจจะเข้าใจได้ดีขึ้น"
"ศิษย์น้องระวังด้วย"
อู๋เจี๋ยกล่าวเตือน
ลู่เซวียนเดินไปที่ขอบหน้าผา ห่างจากพืชวิญญาณเพียงสิบจั้ง
พืชวิญญาณสีดำเขียวสูงหลายจั้งเต้นระบำอย่างบ้าคลั่ง ราวกับกำลังท้าทายเขา
"ดูท่าพวกเจ้าจะต้อนรับข้าดีจริง ๆ"
ลู่เซวียนหันไปมองอีกด้านหนึ่ง
"ผู้ชมฝั่งขวา ขยับแขนของพวกเจ้าได้ไหม?"
ทันใดนั้น พืชวิญญาณสีดำเขียวด้านที่เขามองก็เริ่มตอบสนองทันที มันเริ่มขยับร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ดูแปลกประหลาดแต่ก็ดูคล่องแคล่ว