บทที่ 144 สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ : สถานการณ์ไม่ปกติ!
[,แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ],
[,Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด,]
[,หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ,]
บทที่ 144 สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ : สถานการณ์ไม่ปกติ!
เมิ่งเจี้ยนเซียน ผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งกองกำลังพิเศษ ขณะที่กระบี่ฟูเซิงหมื่นลี้สะบัดไปมา อากาศโดยรอบสั่นสะเทือน พลังมหาศาลรวมตัวกันที่ปลายดาบ เย่เหรินกลั้นหายใจจับจ้อง เมิ่งเจี้ยนเซียนร่ายรำกระบวนท่าหมื่นกระบี่กลับสู่หนึ่ง ฟูเซิงหมื่นลี้พุ่งทะยานราวดาวตกแหวกผ่านฟากฟ้า พลังทำลายล้างมหาศาลตรงไปยังยอดเขาฉางไป๋ แสงดาบเฉือนผ่าน อากาศแตกออก ส่งเสียงหวีดหวิว ดั่งคมมีดขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นเฉือนผ่านยอดเขา ฝุ่นผงฟุ้งกระจาย หินแตกกระเด็น ภูเขาสูงใหญ่เอียงลาดลงภายใต้คมดาบ และถล่มลงในที่สุด
เมื่อฝุ่นจางลง ยอดเขาที่เคยสูงตระหง่านหายไป เหลือเพียงพื้นราบที่ถูกตัดขาด เย่เหรินเบิกตากว้าง "สุดยอดฝีมือ! นี่คือพลังของผู้ยิ่งใหญ่งั้นเหรอครับ?"
หากเป็นเมื่อก่อน เมิ่งเจี้ยนเซียนเห็นสีหน้าตกตะลึงของเย่เหริน คงจะภาคภูมิใจไม่น้อย แต่พอเขานึกถึงรอยดาบบนดวงจันทร์ เขาก็ได้แต่แสยะยิ้ม เจ็บใจนัก เทียบกันไม่ได้เลย เขาแข็งแกร่งก็จริง แต่เทียบกับเย่เหรินที่บรรลุขอบเขตจินตภาพไปแล้ว ก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน
วินาทีต่อมา ภูเขาฉางไป๋ทั้งลูกดูเหมือนจะมีชีวิต ในส่วนลึกของภูเขา S-69 ถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล พลังที่เหนือความเข้าใจของมนุษย์พลุ่งพล่านออกมาจากร่างมัน ยอดเขาที่ถูกดาบตัดขาดเริ่มเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต กลิ่นเหม็นคาวและความชื้นอบอวลไปทั่ว
เย่เหรินมองเห็นด้วยตาตัวเอง พื้นผิวภูเขาที่ถูกดาบตัดจนเรียบเนียน ค่อยๆถูกปกคลุมด้วยเมือกเหนียวสีเขียวเรืองแสง เมือกนี้ดูเหมือนมีเจตจำนงของตัวเอง เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าไปเติมเต็มทุกส่วนที่ถูกทำลาย ซ่อมแซมหินที่แตกออก ราวกับเนื้อเยื่อที่งอกใหม่จากหอยทากภูเขา ทุกบาดแผลถูกสมาน ยอดเขาทั้งลูกงอกกลับมาเหมือนเดิมภายในเวลาไม่กี่นาที
เมิ่งเจี้ยนเซียนจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาซับซ้อน เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ทางการเคยส่งพวกเราและกองกำลังมากมายไปกำจัดภัยคุกคามนี้ เราใช้ทุกวิถีทาง ใช้แม้กระทั่งวัตถุผิดปกติทุกอย่างที่มี ระเบิดภูเขาฉางไป๋ทั้งลูกจนแหลกสลาย"
"เสียงระเบิดดังกึกก้องต่อเนื่องหลายวัน เพลิงลุกท่วมฟ้า ฝุ่นควันบดบังดวงอาทิตย์ พื้นที่โดยรอบเสียหายยับเยิน แต่เมื่อฝุ่นจางลง พวกเราทุกคนก็ได้แต่อึ้ง..."
"S-69 ที่ไม่มีวันตาย ใช้เมือกของมันสร้างภูเขาที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่ทีละน้อย เหมือนที่นายเห็นเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นเองที่เรารู้ว่า S-69 ไม่มีวันตาย" พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเมิ่งเจี้ยนเซียนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
"ทางการตระหนักว่า ไม่มีวิธีใดที่จะกำจัด S-69 ได้ มันเหมือนหลุมดำ ทุกครั้งที่พยายาม ก็มีแต่เสียเวลาและทรัพยากร"
ดังนั้น กรมผู้ถือโคมจึงต้องยอมจำนน สร้างแนวป้องกันและกั้นเขตห้ามเข้ารอบพื้นที่ที่หอยทากภูเขาอาศัยอยู่ อย่างยากลำบาก ส่งกองกำลังผู้ถือโคมไปกวาดล้างเป็นระยะ ป้องกันไม่ให้มลทินของมันแพร่กระจายออกไปอีก
แต่การประนีประนอมเช่นนี้ก็ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะหอยทากภูเขากำลังขยายขอบเขตมลทินอย่างต่อเนื่อง
บางทีอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มันอาจจะไม่ใช่แค่ผสานรวมกับภูเขาฉางไป๋ แต่อาจจะรวมเข้ากับเทือกเขามากมาย หรือแม้กระทั่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกใบนี้!
ถึงตอนนั้น...
มนุษย์จะยังมีที่ยืนบนโลกนี้อยู่อีกหรือ?
"ประเด็นสำคัญที่สุดคือ เราไม่สามารถเข้าไปในดินแดนของหอยทากภูเขาได้"
เมิ่งเจี้ยนเซียนชี้ไปที่ภูเขา
ภูเขาฉางไป๋ทั้งลูกราวกับถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังที่มองไม่เห็น ตามทิศทางลม มีหมอกสีเขียวอ่อนๆค่อยๆเล็ดลอดออกมา เหมือนภูตผีที่ล่องลอยอยู่ในป่า
ทุกที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษนี้ ต้นไม้ใบหญ้าต่างเหี่ยวเฉา นกก็ไม่ร้อง
"มลพิษรุนแรงเกินไป แม้ว่าเราจะใช้สิ่งของบางอย่างเพื่อเพิ่มสติ เราก็อยู่ข้างในนั้นได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง"
หวังผิงอันและคนอื่นๆยืนอยู่ตรงขอบของหมอกพิษ ขมวดคิ้วแน่น
เป็นที่รู้กันว่า มลพิษไม่สามารถย้อนกลับได้ เมื่อใดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งเน่าเปื่อย ก็ต้องตัดทิ้งเพื่อให้กำเนิดใหม่ ถ้าเน่าเปื่อยถึงระดับหนึ่ง ก็ไม่อาจเยียวยาได้อีกต่อไป
มีเพียงเย่เหรินที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ
"ผมขอดูหน่อยนะครับ"
ในขณะที่ทุกคนจับจ้อง เย่เหรินก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว
ทันใดนั้น หมอกพิษรอบๆตัวเขาก็แยกออกจากกันเองโดยอัตโนมัติ กลายเป็นเส้นทางเล็กๆที่มองเห็นได้ชัดเจน
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย "?"
หวังผิงอันตกตะลึงเล็กน้อย
"ฉันคิดว่าเขาสามารถต้านทานมลพิษได้..."
ยวี้หลิงหลงพูดต่อ
"ใครจะไปรู้ว่ามลพิษไม่กล้าเข้าใกล้เขาเลย!"
สถานะของพี่เย่ของพวกเราสูงเกินไป สูงเสียจนมลพิษระดับต่ำไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้เขา
ในขณะที่เย่เหรินก้าวลึกเข้าไปในภูเขาฉางไป๋
ความเงียบรอบๆค่อยๆแตกสลาย ถูกแทนที่ด้วยเสียงครางต่ำและเสียงฝีเท้าที่สับสนวุ่นวาย
ในป่าโบราณแห่งนี้ สัตว์ป่าที่ควรจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กลับบิดเบี้ยวและคลั่งไคล้ภายใต้การควบคุมของหอยทากภูเขา
พวกมันดื่มน้ำที่ปนเปื้อนมลพิษ ร่างกายถูกกัดกร่อน ทำให้พวกมันเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงตั้งแต่หัวจรดเท้า
สุนัขจิ้งจอกที่เคยมีขนนุ่มสวยงาม ตอนนี้ขนกลับหม่นหมอง ดวงตาราวกับเปลวไฟสีเขียว กรงเล็บแหลมคมมีเมือกเหนียวๆไหลออกมา
สุนัขจิ้งจอกเหล่านี้ปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้เป็นระยะๆ
ส่งเสียงร้องแหลมของสุนัขจิ้งจอก
เย่เหรินครุ่นคิด "ที่แท้สุนัขจิ้งจอกร้องแบบนี้นี่เอง..."
เป็นไงบ้าง ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกแล้วสินะ?
ในตอนนี้ แม้แต่ปีกของนกที่บินวนอยู่บนท้องฟ้าก็ยังผิดรูปผิดร่าง ขนของมันส่องประกายแสงเรืองรองแปลกประหลาดน่าขนลุก
เสียงร้องของพวกมันไม่ไพเราะอีกต่อไป กลับกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง
จำนวนของสิ่งมีชีวิตที่โดนมลทินนั้นมากมายมหาศาล ราวกับว่าทั้งป่ามีชีวิตขึ้นมา
สิ่งมีชีวิตที่โดนมลทินหลายพันหลายหมื่นตัวไหลบ่าเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ก่อตัวเป็นคลื่นสีดำที่ไม่อาจต้านทานได้
ด้วยจำนวนที่เหนือกว่า ทำให้พวกมันดูเหมือนสัตว์ร้ายสีดำขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุดหย่อน
อ้าปากกว้างพร้อมจะกลืนกิน เย่เหริน
"อืม..."
เย่เหริน หยุดเดิน มองไปยังฝูงสิ่งมีชีวิตที่โดนมลทินที่รายล้อมเข้ามา
"มลทินเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว ไม่สามารถชำระล้างได้งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องฆ่าทิ้งซะแล้ว"
วิธีเดียวที่จะปลดปล่อยพวกมันได้ คือการปลิดชีพสัตว์เหล่านี้ที่ถูกมลทินครอบงำ
ทันใดนั้น การโจมตีระลอกแรกก็มาถึง!
พวกสุนัขจิ้งจอกเป็นพวกแรกที่กระโจนเข้าใส่ พยายามจะใช้กรงเล็บที่แหลมคมฉีกกระชากเขา
จากนั้น ฝูงกวางก็พุ่งเข้าชนด้วยฝีเท้าอันหนักหน่วง ทำให้แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น
นกที่โดนมลทินบนท้องฟ้าก็ไม่ยอมน้อยหน้า พวกมันบินโฉบลงมาเป็นฝูง ทิ้งขนนกกระจัดกระจายไว้กลางอากาศ
"เหอะๆ..."
เย่เหริน ยื่นมือไปด้านหลัง ค่อยๆกำมือเข้าหากัน
ในพริบตาที่ดาบโลหิตปรากฏขึ้น มลทินแห่งความหวาดกลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมา ราวกับว่าเวลาและห้วงมิติหยุดนิ่งในชั่วขณะนั้น
หมอกสีแดงเข้ม พวยพุ่งออกมาจากด้านหลังของ เย่เหริน ดุจโลหิตที่เดือดพล่าน กระจายไปทั่วทั้งสนามรบอย่างรวดเร็ว
"กรี๊ดดด (ΩДΩ)?!"
ถึงแม้ว่าสติปัญญาของสัตว์ประหลาดเหล่านี้จะลดลงอย่างมากหลังจากถูกมลทินครอบงำ
แต่ในตอนนี้ แม้แต่คนโง่ก็ยังสามารถเข้าใจได้!
สิ่งมีชีวิตที่โดนมลทินล้วนคิดในใจแบบเดียวกัน "สถานการณ์โคตรเลวร้าย..."