บทที่ 141 ภาระงานที่เพิ่มขึ้นของดาวไท่อิน
ณ แคว้นหยุนโจว ท่ามกลางเทือกเขาอันสลับซับซ้อน
ศิษย์นับสิบจากนิกายศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นหยุนโจวนั่งฟังผู้อาวุโสลำดับสามบอกเล่าเรื่องราวความรุ่งโรจน์และความเสื่อมถอยของนิกาย สีหน้าของพวกเขาดูไม่สู้ดีนัก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปที่จางฮั่น พวกเขาได้เห็นกับตาว่าเขาสามารถสร้างค่ายกลได้ด้วยความคิดเพียงแวบเดียว อีกทั้งยังมีพลังอันน่าสะพรึงกลัว นี่คือวิธีการสร้างค่ายกลที่ล้ำสมัยอย่างแท้จริง
หากเขายินยอมเป็นประมุขนิกาย พวกเขาก็จะตอบตกลงทันที แต่น่าเสียดายที่เขากลับไม่เต็มใจ
ทุกคนมองดูจางฮั่นที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ต่างพากันเงียบกริบ รอคอยคำตอบจากเขาว่าจะรับเป็นประมุขนิกายหรือไม่
เวลาผ่านไปราวสองธูปก็ยังไม่เห็นจางฮั่นตื่นจากภวังค์ หญิงชราทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากถาม
"สหายเต๋า ท่านกำลังพิจารณาว่าจะรับเป็นประมุขนิกายหรือไม่หรือ?"
"อย่าคิดว่านิกายเป็นของเสียหายแล้วไม่อยากรับนะ แม้ตอนนี้นิกายจะบอบช้ำ แต่รากฐานยังอยู่ครบ ขอเพียงมีท่านคอยดูแล รับรองว่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติในเร็ววัน"
"ลองคิดดูสิ! รากฐานของนิกายศักดิ์สิทธิ์นี่! หากท่านเป็นประมุข ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของท่าน!"
หญิงชราพยายามโน้มน้าวสุดความสามารถ
"หา? อะไรนะ?" จางฮั่นที่กำลังครุ่นคิดสะดุ้งตื่น หันไปมองหญิงชรา
"อ๊ะ? ท่านไม่ได้กำลังคิดว่าจะรับเป็นประมุขนิกายหรือ?" หญิงชราชะงักงัน
"ไม่ใช่ เจ้าคิดมากไปแล้ว" จางฮั่นกลอกตา
เขาไหนเลยจะคิดเรื่องเป็นประมุขนิกายที่ไหน แท้จริงแล้วเขากำลังคิดว่า ดูเหมือนคนแซ่เย่จะมีโชคชะตาพิเศษ ลูกหลานของเขาในอนาคต จะให้รับพี่ใหญ่เป็นบิดาบุญธรรมดีไหม จะได้ใช้แซ่เย่อย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรม
ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนี้กลับคิดจะให้เขาเป็นประมุขนิกาย...
จางฮั่นอยากจะพูดเพียงประโยคเดียวว่า
ข้าไม่อยากเป็นประมุขนิกายจริงๆ นะ!
"สหายเต๋า ท่านไม่อยากเป็นประมุขนิกายจริงๆ หรือ?" หญิงชราถามอย่างจนปัญญา
"ไม่อยากหรอก พอเถอะ ข้ายังมีธุระต้องทำอีก ขอตัวก่อนละ"
"อย่าเพิ่งไป สหายเต๋า ท่านไม่ลองพิจารณาอีกสักหน่อยหรือ?"
"ไม่พิจารณาแล้ว นิกายของพวกเจ้าอาจถูกเย่ฉินจับตาอยู่ก็ได้ ถ้าข้าเป็นประมุขนิกายแล้วถูกเย่ฉินจับตาจะทำอย่างไร? ดังนั้นอย่ามารบกวนข้าอีกเลย"
"ไม่เป็นไรๆ นับแต่ประมุขนิกายศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นหยุนโจวสิ้นชีพ สหพันธ์ผู้ฝึกตนได้ออกประกันอุบัติเหตุชีวิตเซียน ท่านสามารถซื้อได้..."
"...ลาก่อน!"
"สหายเต๋า โปรดรอก่อน!!"
จางฮั่นทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงรีบสร้างค่ายกลลอยขึ้นฟ้า พร้อมกับเรียกดาวไท่อินที่ยังอีกสองชั่วยามจึงจะขึ้นเวรมาสร้างค่ายกลกักขังเพื่อสกัดกั้นกลุ่มคนเหล่านี้ จากนั้นก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว กลัวว่าพวกเขาจะไล่ตามมาอีก
กลุ่มคนที่ถูกค่ายกลไท่อินกักขังเห็นจางฮั่นเด็ดขาดและเก่งกาจเช่นนั้น ต่างก็ร้อนใจ
"สหายเต๋า โปรดรอก่อน!"
"มา มา มา ทุกคนช่วยกันทำลายค่ายกลนี้..."
"ค่ายกลนี้น่าจะเป็นค่ายกลไท่อิน เพียงแค่หาจุดศูนย์กลางแล้วทำลาย ก็สามารถทำลายค่ายกลได้ง่ายๆ!"
"ข้าเจอแล้ว จุดศูนย์กลางอยู่บนฟ้า บนดาวไท่อินนั่น!!"
"เอ่อ?? งั้นเจ้าขึ้นไปทำลายดาวไท่อินสิ??"
ทุกคนต่างพากันเอ่ยปาก
ในที่สุดพวกเขาก็พบว่าไม่มีทางเอาชนะค่ายกลนี้ได้เลย
การทำลายค่ายกลด้วยกำลัง พวกเขาทำไม่ได้ ด้วยพลังของพวกเขาไม่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ในครั้งเดียว
เปลี่ยนวิธีเป็นค่อยๆ สึกกร่อนพลังของค่ายกล พวกเขาก็พบว่าค่ายกลนี้รับพลังงานจากดาวไท่อิน
เว้นแต่พวกเขาจะสามารถทำให้ดาวไท่อินหมดพลัง
ไม่เช่นนั้นก็อย่าคิดที่จะทำลายค่ายกล
แต่การทำให้ดาวไท่อินหมดพลัง...
ให้เวลาสามหมื่นปีก็ยังไม่พอ...
ทุกคนคิดแล้วก็รู้สึกสิ้นหวังทันที
"ไม่ต้องกังวลไป สหายเต๋าท่านนั้นคงมีการคำนวณแล้ว ค่ายกลนี้น่าจะคลายตัวเองภายในสองชั่วยาม ฮึ วิธีการสร้างค่ายกลของสหายเต๋าท่านนั้นช่างแข็งแกร่งจริงๆ ถ้าเขามาเป็นประมุขนิกายศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นหยุนโจวของพวกเราคงจะดีเหลือเกิน"
หญิงชราก้าวออกมาปลอบใจทุกคนเบาๆ
นางเงยหน้ามองทิศทางที่จางฮั่นจากไป
แม้จางฮั่นจะปฏิเสธนางมาตลอด แต่ไม่รู้ทำไม นางมีลางสังหรณ์
จางฮั่นจะต้องมาที่นิกายของพวกเขา และเป็นประมุขนิกายอย่างแน่นอน
นี่เป็นเพียงลางสังหรณ์
แต่กลับทำให้หญิงชรารู้สึกว่า สิ่งนี้จะต้องเป็นจริงแน่นอน
หญิงชรายิ้มน้อยๆ ชั่วขณะนั้นก็ไม่สนใจว่าตัวเองติดอยู่ในค่ายกล
...
อีกด้านหนึ่ง
จางฮั่นบินไปสองชั่วยาม เมื่อแน่ใจว่าสลัดกลุ่มคนเหล่านั้นหลุดแล้ว ในที่สุดก็ถอนหายใจโล่งอก
คนพวกนี้ช่างยากเย็นเหลือเกิน
จุ๊ๆ
พูดออกไปคงไม่มีใครเชื่อ
ลูกศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์มากมายคุกเข่าขอร้องให้เขาเป็นประมุขนิกาย แต่กลับถูกเขาปฏิเสธ
ถ้าอนาคตเขาไม่ใช่ประมุขนิกายอู๋เต้า ก็คงไม่เป็นไร บางทีเขาอาจจะตอบตกลง
แต่กลับกลายเป็นว่า อนาคตเขาคือประมุขนิกายเร้นลับอู๋เต้า!
หนึ่งคือนิกายที่สืบทอดมาสามล้านปี อีกหนึ่งคือนิกายที่อายุไม่ถึงห้าพันปี
มีแต่คนไม่มีสมองเท่านั้นที่จะเลือกไปเป็นประมุขนิกายศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรเสีย จางฮั่นก็ไม่มีทางไปเป็นประมุขนิกายศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
ถ้าเขาสามารถไปเป็นประมุขนิกายศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาจะกินวัสดุสร้างค่ายกลทั้งหมดในแคว้นตงโจวรวมถึงแคว้นหยุนโจวให้หมดเกลี้ยง!! ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว!!
"ว่าแต่ ถึงเวลาถอนค่ายกลแล้ว"
จางฮั่นพึมพำ จิตใจสั่งการ ถอนค่ายกล
พร้อมกันนั้นก็ตัดการเชื่อมต่อระหว่างตัวเองกับดาวไท่อิน
หลังจางฮั่นตัดการเชื่อมต่อ เงยหน้าขึ้นมองเเห็นดาวไท่อินยังคงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า รู้สึกสงสัยว่าทำไมดาวไท่อินไม่หายไป
คิดดูอีกที ก็ตบหน้าผากตัวเอง
สองชั่วยามผ่านไปแล้ว
ดาวไท่อินถึงเวลาขึ้นเวรพอดี
นี่ก็ดีนะ
ช่วยประหยัดเส้นทางให้ดาวไท่อิน ไม่ต้องกลับไปแล้วกลับมาอีก
ดาวไท่อินที่ขยันขันแข็งช่างน่าชื่นชมจริงๆ
จางฮั่นอุทานชื่นชม
นับตั้งแต่ถูกพี่ใหญ่ใช้วิชาปิดผนึกสวรรค์พิภพหนึ่งกระบวนท่า ทำลายวิธีสร้างค่ายกลโดยอาศัยพลังฟ้าดินของเขา
จางฮั่นก็ครุ่นคิดหาวิธีรับมือ
หลังจากศึกษาอยู่พักหนึ่ง วิธีเดียวที่เขาคิดได้
ก็คือต้องสร้างความคุ้นเคยกับฟ้าดินที่จะยืมพลัง
เพียงแค่ความคุ้นเคยระหว่างกันสูงพอ ก็จะสามารถทำลายการปิดผนึกสวรรค์พิภพแบบนี้ได้
แล้วความคุ้นเคยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร...
ก็ต้องยืมพลังบ่อยๆ สิ
ดังนั้น จางฮั่นจึงเริ่มยืมพลังจากดาวไท่อินทั้งวันทั้งคืน มีเรื่องไม่มีเรื่องก็ยืมสักหน่อย
ดาวไท่อินที่ทำงานหกชั่วยามทุกวัน ถูกจางฮั่นบังคับให้ทำงานแปดเก้าชั่วยามอย่างโหดร้าย...
โชคดีที่ดาวไท่อินด่าคนไม่เป็น
ไม่งั้นจางฮั่นคงแย่แน่
แต่จางฮั่นก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
ตอนนี้ สายตาของเขาทอดมองไปยังเมืองที่อยู่เบื้องหน้า
ตั้งใจจะเข้าไปพักผ่อนในเมือง สืบข่าวเกี่ยวกับตำแหน่งและสถานการณ์ของราชันมังกรนั่น แล้วค่อยไปพบราชันมังกรที่ถูกอาจารย์ของเขาเอาชนะ...