ตอนที่ 38 : ความโปรดปรานของทวยเทพ
.
"วัตถุสังเวย?!"
.
ผู้คุมกฎสองคนที่อยู่ถัดไปเห็นฉากนี้ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
เมื่อกระดูกนิ้วมือเปิดออกมาสัมผัสอากาศ ความร้อนที่อธิบายไม่ได้ก็แพร่กระจายจากภายในสู่ภายนอกคฤหาสน์ หิมะที่ปลิวก็ถูกแยกออกจากลานบ้าน ราวกับมีอาณาเขตที่มองไม่เห็นได้เปิดออก
เฉียนฝานถือกระดูกนิ้วมือไว้ในมือ และมองไปที่ร่างสีแดงซึ่งกำลังเข่นฆ่าผู้คนในระยะไกล เจตนาฆ่าของเขาฉายชัดในแววดวงตา
วัตถุสังเวยชิ้นนี้ เขาซื้อในตลาดมืดที่เขตห้าเมื่อสองปีก่อน เขาจ่ายมันด้วยราคาเกินครึ่งของเงินเดือนเขา ว่ากันว่ามันเป็นชิ้นส่วนที่มาจากศพของผู้พิทักษ์ซึ่งปนเปื้อนโลกสีเทา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ของสิ่งนี้ถือเป็นไพ่ตายของเขา เขาจึงไม่เคยใช้มันมาก่อน
แต่คราวนี้เขาไม่มีทางเลือก
"จับเขาไว้!!" เฉียนฝานคำราม แทงนิ้วกระดูกนั่นไปบนฝ่ามือตนเอง
เมื่อเลือดสัมผัสกับกระดูกนิ้วมือก็เหมือนว่ามันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันกำลังกลืนกินเลือดเนื้อของเฉียนฝานอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันก็มีเงาวาบผ่านผิวของกระดูกนิ้ว
ในลานบ้าน จู่ๆ พื้นดินที่ถูกหิมะปกคลุมก็สั่นสะเทือน!
ดวงตาของเฉินหลิงพลันพร่ามัว ทันใดนั้นหิมะที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็ระเบิด หนามสีซีดเหมือนซี่โครงยักษ์พุ่งออกมาจากพื้น มันแทงไหล่ของเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้า!
แม้ว่าเฉินหลิงจะมองเห็นทิศทางของกระดูกซี่โครงได้อย่างคลุมเครือ แต่การปรากฏตัวของมันกะทันหันเกินไป จึงไม่มีเวลาจะตอบสนอง ด้วยความสิ้นหวัง เฉินหลิงจึงเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ เพื่อเลี่ยงจุดสำคัญ
ความเจ็บปวดรุนแรงจากการถูกแทงบริเวณไหล่ ทำให้การเคลื่อนไหวของเฉินหลิงหยุดนิ่ง จากนั้นกระดูกซี่โครงอันสองและสามก็ผุดออกมาจากพื้นทีละอัน!
ร่างกายของเฉินหลิงถูกซี่โครงอันแรกกักไว้ เขาแทบไม่มีที่ให้หลบได้เลย ทำได้แค่ขยับร่างกายเพื่อหลบเลี่ยง แต่ด้วยวิธีนี้ การเคลื่อนไหวของเขาจึงถูกจำกัดขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อซี่โครงอันที่ห้าปรากฏขึ้น เฉินหลิงก็ถูกล็อกให้อยู่กับที่เหมือนนักโทษในกรงโครงกระดูก ไม่สามารถขยับได้
“นี่คืออะไร…” เฉินหลิงมองไปที่กระดูกนิ้วในมือของเฉียนฝาน ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ขณะที่กระดูกนิ้วมือกำลังกลืนกินเลือดเนื้อของเฉียนฝาน ร่างกายเขาก็หดลง เขาดูซูบผอมไม่ต่างจากคนเก็บขยะที่ขาดสารอาหาร แต่เมื่อกระดูกซี่โครงหยุดการเคลื่อนไหว ร่างกายของเขาก็หยุดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
เมื่อเฉียนฝานเห็นดังนั้น เขาก็ดึงกระดูกนิ้วมือออกจากฝ่ามือตนเองทันที แล้วรีบยัดมันกลับเข้าไปในกระดาษน้ำมันอีกครั้งอย่างสั่นๆ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ซีดเซียวของเขา
เมื่อพิจารณาจากผลกระทบแล้ว เงินก็ถูกใช้ไปอย่างดี...ซึ่งเทียบเท่ากับพลังทำลายล้างของเส้นทางเทพเจ้าแล้วก็น่าจะอยู่ระดับสอง
เมื่อเห็นเฉียนฝานจัดการเฉินหลิงได้อย่างง่ายดาย ผู้คุมกฎอีกสองคนก็แอบตกตะลึง ภายใต้สายตาชื่นชมและหวาดกลัวของพวกเขา เฉียนฝานค่อยๆ ขยับร่างกายเดินเข้าไปในลานบ้าน
“เป็นยังไงล่ะ?” เฉียนฝานหัวเราะเยาะ “เมื่อกี้นายรู้สึกดีกับการฆ่าหรือเปล่า?”
ศพนอนกระจัดกระจายอยู่บนหิมะในลานบ้าน และเลือดไหลนองย้อมพื้นเป็นสีแดงเข้ม…
เฉินหลิงถูกขังอยู่ในกรงโครงกระดูก เขามองไปที่เฉียนฝานด้วยความเย็นชา โดยไม่มีร่องรอยของอารมณ์อื่นบนใบหน้าเปื้อนเลือด
“คนที่ได้รับความโปรดปรานจากทวยเทพก็ไม่เท่าไหร่นี่?”
“ถึงแม้ว่านายจะเป็นผู้พิทักษ์แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายไม่ใช่ว่าตอนนี้ก็มาตกอยู่ในกำมือฉันเหรอ?”
"เด็กน้อย ฉันไม่สนใจหรอกนะ ว่านายมีปัญหาอะไรกับคนถนนปิงฉวนพวกนั้น...แต่นายรู้มั้ย ว่านายได้ทำลายผลประโยชน์ของคนไปกี่คนแล้ว?”
เฉียนฝานค่อยๆ หยิบปืนออกมา แล้วเล็งปากกระบอกปืนไปที่หน้าผากของเฉินหลิงในขณะที่พูดใบหน้าซูบผอมของเขาแลดูอิ่มเอิบขึ้น
“แย่แล้ว เราจะปล่อยให้เขาฆ่าเฉินหลิงไม่ได้!'
เมื่อเห็นฉากนี้ บุรุษเงาที่เฝ้าดูอยู่นอกคฤหาสน์สีหน้าจริงจังขึ้น เขากำลังจะลงมือ
“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ ฉู่มู่อวิ๋นก็พูดขึ้น ดวงตาของเขาส่องประกายแปลกๆ "มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…"
บุรุษเงาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "หมายถึงอะไร?"
.
.........
.
ภายในคฤหาสน์
.
เมื่อปืนเล็งไปที่หัว เฉินหลิงยังคงไม่ไหวติง ดวงตาของเขาดูสงบลุ่มลึกราวกับเหวไร้ก้น
ขณะที่เฉียนฝานกำลังจะเหนี่ยวไก จู่ๆ ดวงดาวสองดวงบนท้องฟ้าก็ส่องแสงเจิดจ้า แสงศักดิ์สิทธิ์อันงดงามทะลุผ่านม่านหิมะราวกับเสาขนาดยักษ์ที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมเฉินหลิงที่อยู่ในกรงกระดูก!
.
บูม——!
.
รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พลุ่งพล่านกลายเป็นระลอกคลื่นในความว่างเปล่า บังคับให้เฉียนฝานถอยหลังไปสองสามก้าว เขาเดินโซเซแล้วล้มลงกับพื้น
เฉียนฝานมองดูเสาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่ตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ!
"ความโปรดปรานของทวยเทพ! เป็นไปได้ยังไง? เขายังไม่ได้ยอมรับเป็นสาวกเทพเจ้างั้นเหรอ!"
"อันสีดำนั่นคือ 'เส้นทางการทหาร' อันสีม่วงคือ...'เส้นทางพ่อมด'?” ผู้คุมกฎอีกสองคนก็ตกใจเช่นเดียวกัน
“ได้รับข้อเสนอจากเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ถึงสององค์ในเวลาเดียวกัน เจ้าเด็กคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน?”
ในสายตาที่ประหลาดใจของทั้งสามคน เฉินหลิงผู้เต็มไปด้วยเลือดเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดูดาวสองดวงเหนือศีรษะซึ่งทอดยาวราวกับริบบิ้นสุกใส ความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา...
เขาพร้อมที่จะตายอีกครั้งแล้ว ท้ายที่สุดแล้ว [ค่าความคาดหวัง] ของเขายังมีมากอยู่ แม้เขาจะตาย แต่มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง....แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าตนเองจะกระตุ้นความสนใจของทวยเทพ
ยิ่งกว่านั้นยังมีถึงสององค์
เมื่อพูดถึงตอนที่เขาฆ่ากู่เตา ตอนนั้นเขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองได้ มันไม่ใช่ความสุขหรือความรังเกียจ แต่เป็นความรู้สึก...ราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้
ตามที่ฉู่มู่อวิ๋นเคยพูดก่อนหน้านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าใครสักคนและได้รับความสนใจจาก 'เส้นทางการทหาร' เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้บน 'เส้นทางการทหาร'
แต่เฉินหลิงไม่เข้าใจ ดาวสีม่วงดวงที่สอง นั่นคืออะไร?
เมื่อเฉินหลิงสับสน ดาวดวงที่สามก็ค่อยๆ สว่างขึ้นบนท้องฟ้า!
มันเป็นดาวสีแดงซึ่งประดับอยู่บนท้องฟ้า มันใสและแวววาวเหมือนคริสตัล ท่ามกลางความว่างเปล่าปรากฏบันไดเหมือนริบบิ้นมีรัศมีศักดิ์สิทธิ์ ปกคลุมร่างเฉินหลิงไว้เหมือนกับดวงดาวสองดวงก่อนหน้า
เฉินหลิงตกตะลึง
“ยังมีอีกเส้นทางเหรอ?”
“เทพเจ้าทั้งสามองค์ให้ความสนใจเขาพร้อมๆ กัน เป็นไปได้ยังไง!”
“เดี๋ยวก่อน ดาวดวงนี้เป็นตัวแทนของเส้นทางไหน ทำไมรู้สึกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน....?”
เฉียนฝานและคนอื่นๆ สับสนไปหมด
ในเวลาเดียวกัน คนสองคนนอกคฤหาสน์ก็อดแปลกใจไม่ได้เช่นกัน
“สีเหมือนชาด ลักษณะเหมือนแก้ว...ไม่ผิดแน่ นี่คือ 'เส้นทางการละคร'” บุรุษเงาครุ่นคิด
“'เส้นทางการละคร' ค่อนข้างหายาก” ฉู่มู่อวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่เขาเกี่ยวข้องยังไงกับเส้นทางนี้ล่ะ?”
"เท่าที่ฉันรู้ บางที...อาจเป็นเพราะน้องชายในจินตนาการของเขาก็ได้"
"เทพทั้งสามองค์ให้ความสนใจพร้อมๆ กัน ถ้าเกิดขึ้นในสถานการณ์ปกติเขาจะกลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะแน่นอน น่าเสียดาย..." บุรุษเงาส่ายหัว
"น่าเสียดายที่เขาเป็นคนหลอมรวม ถูกลิขิตให้เดินบนเส้นทางเทพเจ้าไม่ได้"
"เส้นทางทั้งสามปรากฏพร้อมๆ กัน คนในเมืองออโรร่าคงสังเกตเห็นแล้วต้องส่งคนแน่นอน"
"ไม่จำเป็นต้องรอเมืองออโรร่า…”
บุรุษเงาค่อยๆ หันศีรษะไปมองหิมะ ในทิศทางหนึ่ง “มีผู้พิทักษ์กำลังเข้ามาใกล้ที่นี่แล้ว”
"ปล่อยให้เขาขัดขวางเรื่องนี้ไม่ได้ ผมจะหยุดเขา" ฉู่มู่อวิ๋นหันหลังกลับกำลังจะจากไป
"ไม่ต้อง"
"ทำไม?"
"...มีคนหยุดเขาแล้ว"
.
.