ตอนที่แล้วตอนที่ 239 ของขวัญจากลู่เซียวเซียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 241 หลี่ซวน

ตอนที่ 240 สติหลุดลอย (ฟรี)


ตอนที่ 240 สติหลุดลอย

เมื่อทุกคนยังคงตกตะลึง และไม่สามารถฟื้นคืนสติได้เป็นเวลานาน ขณะนั้น ชายวัยกลางคนๆ หนึ่งก็เดินออกจากจวนด้านหลัง

“องค์รัชทายาท งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้วขอรับ” ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปหาฉินเฉิงเย่และกล่าวด้วยความเคารพ

ชายวัยกลางคนๆ นี้เป็นพ่อบ้านของฉินเฉิงเย่ เขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสวรรค์ลวง รับผิดชอบในการปกป้องความปลอดภัย และถือได้ว่าเป็นคนสนิทของฉินเฉิงเย่

“ท่านป้า ท่านลุง น้องสาว รีบเข้าไปกันเถอะ อย่าปล่อยให้คนที่อยู่ข้างในรอ” หลังจากที่ฉินเฉิงเย่ได้สติ เขาก็รีบพูดกับทุกคนด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย

พกวเขาคุยกันจนลืมไปว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเขา

ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ฉินเฉิงเย่ก็คือไท่จื่อแห่งจักรวรรดิต้าเฉียน และเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของจักรวรรดิ เขาจึงดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วน

ตัวเขาเองก็ชอบคบหาสหาย เขามีเพื่อนอยู่มากมาย รวมถึงขุนนางใหญ่หลายคนที่มีความสนิทสนม ที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ด้วย

ขุนนางส่วนใหญ่จากหกกรม เช่นเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์อิสระ และคนสำคัญบางคนจากสำนักใหญ่บางแห่ง

นอกจากนี้ ยังมีคนจากศาลต้าหลี่ คนจากกรมกลาโหม รวมถึงขุนนางใหญ่หลายคนที่มีอำนาจก็มาร่วมงาน

รวมถึงคนจากสามกอง ที่จักรพรรดิต้าเฉียนก่อตั้งขึ้นมาหลังจากครองบัลลังก์ได้แก่ กองปราบมาร กองปราบอสูร และกองดับอมตะ

อำนาจของทั้งสามกองนี้ยิ่งใหญ่มาก ในจักรวรรดิต้าเฉียน พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดิเท่านั้น ไม่รับคำสั่งจากใครอื่น

แม้แต่ตัวเขา ฉินเฉิงเย่ก็ยังไม่สามารถสั่งการทั้งสามกองนี้ได้!

โดยปกติแล้วมักจะได้เห็นคนจากกองปราบมาร กองปราบอสูร แต่กองดับอมตะนั้นลึกลับอย่างยิ่ง และมีน้อยคนที่รู้ว่ามีอยู่จริง

สำหรบเรื่องนี้ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง หลายคนคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวโคมลอย และกองดับอมตะไม่เคยมีอยู่จริง!

กองปราบอสูรนั้นรับผิดชอบในการจัดการกับอสูร และสัตว์อสูรในโลก และได้สังหารศัตรูไปมากมาย

ส่วนกองปราบมารมีหน้าที่ปราบปรามปีศาจที่สร้างปัญหา รวมถึงจ้าวปีศาจหลายตนที่ยากจะสังหาร และทำได้เพียงผนึกพวกเขาเอาไว้เท่านั้น

นอกจากนี้ กองปราบมารยังมีหน้าที่สังหารผู้ฝึกยุทธ์มารที่เข่นฆ่าผู้คน รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อจักรวรรดิ อ๋องเซียวเหยาผู้โด่งดังก็เคยเป็นหัวหน้ากองปราบมาร!

สำหรับกองดับอมตะ พวกเขาลึกลับเกินไป มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นการมีอยู่ของพวกเขา ได้ยินมาว่าพวกเขามีความสามารถในการสังหารอมตะจริงๆ ดังนั้นพวกมันจึงถูกตั้งชื่อตามสิ่งนี้!

แต่คนส่วนใหญ่เยาะเย้ยเกี่ยวกับข่าวลือนี้ แต่ก็ยังมีบางคนที่เก็บความลับเกี่ยวกับกองดับอมตะอมตะ และดูเหมือนจะรู้ข้อมูลวงในมากมาย

เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของฉินเฉิงเย่ แม้แต่รองหัวหน้ากองปราบมาร และรองหัวหน้ากองปราบอสูรก็มาเยือนด้วยตนเอง และนำของขวัญมามอบให้

ตำแหน่งขุนนางอย่างเป็นทางการของทั้งสองคนนี้เทียบเท่ากับขุนนางขั้นสองของจักรวรรดิต้าเฉียน และอำนาจของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่มาก แม้แต่ขุนนางขั้นหนึ่งก็ยังกลัวพวกเขาไม่น้อย

การที่รองหัวหน้ากองทั้งสองมาร่วมงานเลี้ยง มันก็ทำให้แขกคนอื่นๆ ตกใจไม่น้อย

ฉินเฉิงเย่ และองค์หญิงหยุนเซียงไม่ได้เข้าไปในจวนทันที แต่มาที่รถม้าคันที่สองก่อน

“งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว พวกท่านลงมาเถิด” องค์หญิงหยุนเซียงกล่าวด้วยความเคารพ

ในไม่ช้า ร่างสองร่างก็ค่อยๆ เดินออกจากรถม้า

คนแรกที่ออกมาคือ ชายชราผมสีขาวครึ่งหัว และมีท่าทางเหมือนอมตะ ใบหน้าของเขาไม่แก่มากนัก มันจึงทำให้เขาดูเหมือนเด็กผมหงอกขาว

ใครก็ตามที่เห็นลู่ไห่คงจะคิดว่าเขาเป็นปรมาจารย์ของสำนักเต๋า!

จากนั้น ร่างของลู่เหยาก็ค่อยๆ ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

เมื่อฉินเฉิงเย่เห็น ลมหายใจของเขาก็ขาดช่วง และเขาก็จ้องไปที่ร่างนั้นโดยไม่กะพริบตา

ผู้หญิงที่งดงามแบบนี้หาได้ยากยิ่งในโลกจริงๆ

ขณะที่ฉินเฉิงเย่เฝ้าดู เขาก็อดไม่ได้ที่จะหมกมุ่นอยู่กับมัน เขายืนนิ่ง ดวงตาของเขาแทบไม่ได้มองสิ่งใดเลยนอกจากร่างที่งดงามนั้น

เมื่อลู่เหยาเห็นสิ่งนี้ เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจ้องมองไปที่ฉินเฉิงเย่

ฉินเฉิงเย่ยังคงจมอยู่ในโลกของตัวเอง และไม่ได้ใส่ใจกับความไม่พอใจของเธอ แต่เขากลับคิดว่าสายตาของลู่เหยานั้นน่ารัก และติดตราตรึงใจมาก ซึ่งทำให้เขายิ่งหมกมุ่นกับมันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“แคะ!” เกาเจี๋ยรู้สึกว่าท่าทีของฉินเฉิงเย่น่าอายเกินไป เขาจึงพยายามเรียกสติ

ฉินเฉิงเย่ยังคงทำเป็นหูหนวก เขายืนอยู่ที่นั่นมองตรงไป ราวกับไม่ได้ยินเสียงของเกาเจี๋ยเลย

“แคะ แคะ!” เกาเจี๋ยพยายามเตือนอีกครั้ง เขายังยื่นมือออกมาเพื่อดึงร่างของฉินเฉิงเย่ หวังว่าอีกฝ่ายจะรักษาเกียรติในฐานะไท่จื่อหน่อย

ในที่สุด ฉินเฉิงเย่ก็กลับมารู้สึกตัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเขินอาย เขาไม่กล้ามองลู่เหยาอีก และก้มหน้าลงเล็กน้อย

ไท่จื่อผู้สง่างามของจักวรรดิต้าเฉียน ในตอนนี้ทำตัวขี้อายพอๆ กับเด็กสาวแรกรุ่น

“คูณหนูลู่ ต้องขอโทษแทนหลานชายของข้าด้วย เขาทุ่มเทให้กับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเทพธิดาที่งดงามอย่างเจ้า ดังนั้นเขาจึงเสียมารยาทไปหน่อย” หลังจากที่องค์หญิงหยุนเซียงเห็นเช่นนี้ เธอก็ก้าวออกมาแล้วพูดขึ้น

ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกพูดไม่ออกเกี่ยวกับหลานชายของตน ที่ทำตัวเหมือนกับว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!

แม้ว่าลู่เหยาจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็ไม่ต้องการหักหน้าองค์หญิงหยุนเซียง ดังนั้นเธอจึงต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ใส่ใจอะไร

“ข้าขอถามชื่อของเจ้าได้หรือไม่?” หลังจากที่ฉินเฉิงเย่ลังเลอยู่นาน เขาก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วถามลู่เหยา

“ลู่เหยาคารวะไท่จื่อ” ลู่เหยาทักทายฉินเฉิงเย่ น้ำเสียงของเธอค่อนข้างเฉยเมย ราวกับว่าเธอกำลังขีดเส้นกั้นห่างไกลนับพันลี้

“ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะอะไรเช่นนี้!” ฉินเฉิงเย่พูดด้วยความชื่นชมหลังจากได้ยินคำตอบของลู่เหยา

"..." ลู่เหยาขี้เกียจจะสนใจชายตรงหน้า และเธอก็หันหน้าหนีอย่างเงียบๆ

นั่นทำให้บรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง และ ฉินเฉิงเย่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดร

ในขณะนี้เอง ลู่ซุนที่เบื่อก็ลงจากรถม้าเช่นกัน และบังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้พอดี

ในไม่ช้า ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

“บรรพบุรุษ!” ลู่เหยา และลู่ไห่ก็กล่าวด้วยความเคารพต่อลู่ซุน

“ผู้อาวุโสลู่!” องค์หญิงหยุนเซียง และเกาเจี๋ยก็รีบก้มหัวลงแล้วพูดด้วยความเคารพ

“บรรพบุรุษ!” ลู่เซียวเซียวก็ส่งเสียง และกระโดดไปอยู่ข้างลู่ซุนเช่นกัน

“บรรพ…บรรพบุรุษ?”

แม้ว่าฉินเฉิงเย่จะเตรียมใจไว้แล้ว เขารู้ว่าตัวตนของลู่ซุนต้องไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงจะไม่สามารถนั่งในรถม้าคันแรกได้

แต่เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นตัวตนระดับบรรพบุรุษจริงๆ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด