ตอนที่ 16 มองหาสถานที่สำหรับสร้างค่ายก แกนวิญญาณระดับ 3
ตอนที่ 16 มองหาสถานที่สำหรับสร้างค่ายก แกนวิญญาณระดับ 3
งานเลี้ยงนองเลือดเกิดขึ้นในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งอย่างรวมเร็ว เสี่ยวหู่ เสี่ยวเป้า และหมาป่าวิญญาณมีพลังในการปราบปรามคนธรรมดาได้อย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านไปที่ไหนก็เกิดเหตุนองเลือดขึ้นตรงนั้น เสียงกรีดร้องไม่มีที่สิ้นสุด
ในตอนนั้นฉู่เสวียนก็เหมือนจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้.....จ้าวหงเคยกล่าวถึง "ซอมบี้ระดับสูง"
จากข้อมูลที่ได้มาจากจ้าวหง ซอมบี้นั้นถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ ซอมบี้ระดับสูง ก็คือซอมบี้ขั้นที่7,8,9 เหนือซอมบี้ธรรมดา จะมีซอมบี้ระดับหนึ่ง ซึ่งพลังวิญญาณจะถูกควบแน่นเป็นแกนพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งนั้นเทียบเท่ากับผู้อยู่เหนือธรรมชาติขั้นที่หนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีซอมบี้ระดับสอง ซึ่งเทียบเท่ากับผู้อยู่เหนือธรรมชาติขั้นที่สอง อย่างไรก็ตามจ้าวหงยังเคยเห็นซอมบี้ระดับหนึ่งแค่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ยังไม่เคยเห็นซอมบี้ระดับสองเลย
“แกนพลังวิญญาณ หากว่าเปรียบเทียบกับโลกที่ข้ามา เจ้าคงจะหมายถึงแกนลมปราณ และแก่นปราณทองคำใช่ไหม?”
“แกนปราณทองคำสามารถควบแน่นได้โดยผู้บำเพ็ญช่วงสร้างแกนลมปราณเท่านั้น หากว่าเป็นศพ ก็จะต้องอยู่ในขั้นจอมพลศพ ถึงจะสร้างแก่นปราณทองคำขึ้นมาได้”
“ขนาดศพหยินสองตัวของข้ายังห่างไกลจากเขตแดนสร้างแก่นลมปราณอยู่มาก ตามระบบพิเศษของที่นี่ พวกมันจะต้องเป็นซอมบี้ระดับไหนกัน?” ฉู่เสวียนหัวเราะเบา ๆ ออกมาสองสามครั้ง จากนั้นก็ละทิ้งความคิดนี้ไป
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่ใช่ระบบเดียวกัน และไม่สามารถสรุปได้ หลังจากนั้นไม่นานเสี่ยวหู่ก็ขึ้นมายังบนดาดฟ้าพร้อมกับชายที่แข็งแกร่งหกคน ทั้งหกคนนี้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว มีคนหนึ่งถึงกับเป้าเปียกเพราะตกใจมากจนฉี่ราดกางเกง
“โฮ่ โฮ!” นิ้วคนยังติดอยู่ที่มุมปากของเสี่ยวหู่ มันรีบกลืนลงไปทันที จากนั้นก็คำรามออกมาสองสามครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่างานสำเร็จแล้ว
ฉู่เสวียนพยักหน้าเล็กน้อย เขาใช้เวลาว่างที่ผ่านมาเตรียมของเหลวกลั่นศพไว้แล้ว เขาจึงโบกมือสั่งให้เสี่ยวหู่โยนทั้งหกคนลงในอ่างอาบน้ำเพื่อทำการกลั่นศพทันที
จากนั้นเขาก็ควบคุมอาวุธเวทย์มนตร์บินได้และเริ่มมองหาสถานที่ที่มีซอมบี้มารวมตัวกัน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่โรงแรมห่าวไท่แห่งนี้ เขาไม่เคยลืมจุดประสงค์ของเขาที่มาในครั้งนี้ นั่นก็คือการสร้างวางมหาค่ายกลแปลงโลหิตเพื่อสังเวยเลือดซอมบี้จำนวนมาก!
โห่!
ฉู่เสวียนควบคุมดาบบังเหินให้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า หากไม่มีอุตสาหกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ท้องฟ้าของดาวเคราะห์ไห่หลันชิงก็สดใสไม่น้อย ฉู่เสวียนมองลงไปและเห็นสถานที่รกร้าง ที่มีเถาวัลย์สีเขียวจำนวนมากปกคลุมอาคารสูง
เขาไม่รู้ว่าเถาวัลย์เหล่านี้สามารถเลื่อยขึ้นตึกสูงหลายร้อยเมตรเช่นนี้ได้อย่างไร หรือบางทีพืชก็เหมือนกับสัตว์ที่อาจได้รับผลกระทบจากพลังงานทางจิตวิญญาณและมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ฉู่เสวียนบินไปรอบ ๆ สำรวจสถานการณ์ด้านล่างเป็นครั้งคราวและส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่พอใจอย่างมาก ซอมบี้อยู่กระจายอยู่กระจัดกระจายในหลายแห่ง หากจะใช้มหาค่ายกลแปลงโลหิตในสถานการณ์เช่นนี้ก็ถือว่าไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยท้ายที่สุดแล้ว จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณเพื่อกระตุ้นให้มหาค่ายกลแปลงโลหิตเปิดใช้งาน!
และหินวิญญาณที่มีอยู่ในมือของเขาตอนนี้ ก็สามารถรองรับการเปิดใช้งานของมหาค่ายกลแปลงโลหิตได้ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
"หืม? เยี่ยมไปเลย" ดวงตาของฉู่เสวียนเป็นประกาย
ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่ามีซอมบี้นับพันรวมตัวกันอยู่ในอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนซอมบี้ที่นี่ยังมีแนวโน้มว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังดึงดูดพวกมันอยู่
ฉู่เสวียนรีบบังคับดาบบังเหินให้บินลงไปทันที
สถานการณ์ในอาคารสูงที่ยังสร้างไม่เสร็จ ชายที่แข็งแกร่งสองคนในชุดลำลองสีดำได้ปกป้องชายชราคนหนึ่งเอาไว้ พวกเขากำลังวิ่งหนีซอมบี้ขึ้นมาบนดาดฟ้าของตึก ในอ้อมแขนยังกอดกล่องใบใหญ่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเลย
สักพักพวกเขาก็มาถึงดาดฟ้า ชายชุดดำสองคนหยิบวิทยุสื่อสารออกมาและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป พวกเขาย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่พบและปิดกั้นประตูเล็กๆ บนดาดฟ้าเพื่อชะลอไม่ให้ซอมบี้พุ่งเข้ามาทำร้าย
ชายชราล้มลงกับพื้นทันทีเพราะหายใจไม่ออก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “คุณสองคนรีบหนีไปเถอะ ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ดีกว่าเอาฉันไปเป็นตัวถ่วง ไม่งั้นพวกคุณก็คงจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปเหมือนกัน ฉันจะฝากแก่นวิญญาณขั้นที่สามนี้ไว้กับพวกคุณ ช่วยรักษามันให้ดี แล้วทิ้งฉันไว้ที่นี่ซะ งานนี้เป็นงานใหญ่ หากฉันต้องสละชีวิตเพื่อแลกกับชีวิตมนุษย์ที่เหลือ ฉันก็ยอม” ขณะที่เขาพูด เขาก็ยื่นกล่องใบใหญ่ในอ้อมแขนของเขาให้ชายชุดดำ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ชายชุดดำสองคนส่ายหัวทันที หนึ่งในนั้นชื่อจ้วงเฉียง เขาได้พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ศาสตราจารย์เจิ้ง คุณเป็นหัวหน้าของสถาบันวิทยาศาสตร์ชีวภาพประจำมณฑลหลินเจียง ชีวิตของคุณมีค่ามากกว่าพวกเรามาก แม้ว่าเราจะตาย อย่างน้อยก็ขอให้คุณมีชีวิตรอด”
อีกคนหนึ่งชื่อซุนเหมิง เขาได้กล่าวปลอบใจชายชราขึ้นมาทันที “ไม่ต้องห่วง เราได้ติดต่อกับบริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงก่อนที่จะมาที่นี่แล้วครับ อีกเดี๋ยวพวกเขาคงจะส่งเฮลิคอปเตอร์มารับเรา”
“สัญญาณกู้ภัยถูกส่งออกไปแล้ว พวกเขาคงจะกำลังดำเนินการอยู่ ตราบใดที่เราสามารถถ่วงเวลาซอมบี้พวกนั้นได้ เราก็จะรอดไปได้”
ศาสตราจารย์เจิ้งถอนหายใจเบา ๆ "โลกนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ฉันเกรงว่าเราไม่สามารถวางใจใครได้เลย พวกเขา..."
ไม่กี่นาทีต่อมา
ปังปัง!
ทันใดนั้นเสียงข่วนและเสียงคำรามของซอมบี้ก็ดังขึ้น
เห็นได้ชัดว่าซอมบี้ที่ไล่ล่าได้กลิ่นของมนุษย์และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะผลักประตูเข้ามา แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ก็ยังขยับ
การแสดงออกของจ้วงเฉียงและซุนเหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบวิ่งไปและใช้กำลังทั้งหมดของตัวเองดันเฟอร์นิเจอร์ไว้
อย่างไรก็ตาม แรงของคนสองคนจะสู้กับซอมบี้นับพันได้อย่างไร? แค่ได้ยินเสียงดัง ปัง เฟอร์นิเจอร์ก็กระเด็นออกไปอย่างรุนแรง ซอมบี้จำนวนมากพุ่งออกมา
ในตอนนั้นจ้วงเฉียง ซุนเหมิง และศาสตราจารย์เจิ้ง ก็ทำได้เพียงมองหน้ากัน มีซอมบี้อยู่รอบตัวมากมายแบบนี้ พวกเขาคงไม่รอดแน่นอน
เชี้ยง!
ทว่าในขณะนั้นก็มีเสียงดาบดังขึ้นบนท้องฟ้า ครู่ต่อมา ร่างเล็กร่างหนึ่งก็ทะยานลงมาจากท้องฟ้า เสื้อแขนยาวที่เขาสวมอยู่ถูกพับขึ้นไป ลมรอบตัวของพวกเขาเริ่มพัดแรง จากนั้นทั้งสามคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ซอมบี้เหล่านี้ก็หยุดนิ่งไปราวกับหุ่นกระบอก
แม้ว่าจะมีคนยืนอยู่ตรงหน้าพวกมัน แต่เหล่าซอมบี้ก็ไม่สามารถมองเห็นหรือดมกลิ่นได้
จากนั้นชายหนุ่มก็สะบัดนิ้ว พ้นลมหายใจออกมา เมื่อลมพัดไปที่ทางเดิน ซอมบี้ก็เป็นเหมือนหมาป่าหิวโหย พอได้กลิ่นนั้น พวกมันก็รีบวิ่งเข้าหาทันที
ซอมบี้ทั้งหมดรีบวิ่งเข้าไปในทางเดินทันที เมื่อชายหนุ่มโบกมืออีกครั้งประตูเล็กบนดาดฟ้าก็ปิดลงทันที เขาก้าวเข้าไป หยิบกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมาแล้วติดมันไว้ที่ประตู เหมือนกับยันต์ที่กันซอมบี้ไม่ให้เข้ามาอีก
หลังจากทำเช่นนี้ ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาหาทั้งสามคน พร้อมทั้งเอามือไพล่ไว้ข้างหลัง
ดวงตาของชายชุดดำทั้งสองเบิกกว้าง รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเหมือนเทพเจ้าที่ลงมายังโลก ศาสตราจารย์เจิ้งเองก็มองสำรวจชายหนุ่มอย่างละเอียด การแต่งกายของชายหนุ่มตรงหน้าเขาดูคล้ายกับผู้บ่มเพาะในนวนิยายย้อนยุค เขานึกไม่ถึงเลยว่าคนแบบนี้จะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาจริงๆ
“ฉะ..ฉะ..ฉันขอถามได้ไหม เมื่อกี้คุณทำอะไรลงไป? ทำไมซอมบี้ถึงไม่โจมตีเราอีก?” จ้วงเฉียงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ฉู่เสวียนพูดอย่างสบายๆ "มันเป็นเพียงแค่คาถาง่ายๆ เท่านั้น แค่เทคนิคการกลั้นลมหายใจ "
เทคนิคการกลั้นลมหายใจ เป็นวิชาระดับต่ำของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณ ใช้ระงับลมหายใจได้อย่างสมบูรณ์ ซอมบี้มีสายตาที่ไม่ดีและอาศัยประสาทรับกลิ่นเพื่อโจมตีสิ่งมีชีวิต ตอนนี้เขาใช้เทคนิคการกลั้นหายใจเพื่อซ่อนรัศมีของผู้คนหลายคนอย่างสมบูรณ์
ซอมบี้เหล่านี้กลายเป็นแมลงวันหัวขาดโดยธรรมชาติ จากนั้นเมื่อเขาพ่นลมหายใจออกมา ซอมบี้ก็ไล่ตามกลิ่นนั้นไป
จ้วงเฉียงยังคงอยากถามต่อ แต่ประตูเล็ก ๆ บนดาดฟ้าก็ถูกกระแทกอีกครั้ง จากนั้นก็มีเสียงคำรามของซอมบี้จำนวนมากดังมา
ทั้งสามคนเกร็งขึ้นทันทีและถอยกลับไปโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ พวกเขาก็พบว่าประตูเล็กนั้นแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม ต่อให้มีซอมบี้นับพันช่วยกันผลัก ก็ไม่สามารถเปิดออกได้
“ไม่ต้องกังวล ข้าใส่ยันต์หินไว้ พวกมันพังประตูนี้เข้ามาไม่ได้หรอก” ฉู่เสวียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ยันต์หินเป็นยันต์ระดับต่ำของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณ สามารถเสริมความแข็งแกร่งได้โดยการติดไว้บนเครื่องใช้ต่างๆ ไม่เพียงแต่สามารถเสริมความแข็ง แต่ยังทำให้มีความทนทานอีกด้วย ด้วยพลังของซอมบี้ธรรมดาเหล่านี้ ต่อให้มีเป็นพันตัว ก็ไม่สามารถบุกทะลวงเข้ามาได้
ยิ่งในพื้นที่ขนาดเล็กเช่นนี้ มีเพียงซอมบี้สิบกว่าตัวเท่านั้นที่สามารถโจมตีในเวลาเดียวกันได้
ดังนั้นแค่แปะยันต์หินก็พอแล้ว
พวกเขาทั้งสามรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ยันต์หิน? คืออะไร
ทว่าฉู่เสวียนก็ไม่ได้ตอบ เขามองไปที่ทั้งสามคนและในที่สุดก็นั่งลงบนกล่องที่ชายชราถือขึ้นมา
“มีอะไรอยู่ในนี้ ซอมบี้ถึงได้ไล่ตามพวกเจ้ามาเยอะขนาดนี้” เขาชี้ไปที่กล่องแล้วถามขึ้น