ตอนที่ 130 กลับสู่เมืองไป๋หลิน! (ฟรี)
ตอนที่ 130 กลับสู่เมืองไป๋หลิน!
หลังจากที่ฟังไป๋จื่ออันพูดจบ ไป๋จิ้งฉงก็คิดที่จะชวนไป๋จื่ออันล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำสัญญากับลิงยางตัวน้อย
เพราะศักยภาพในการเติบโตของลิงยางนั้นต่ำมาก มันไม่เหมาะกับไป๋จื่ออัน
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนสัตว์วิญญาณในอนาคต ทำไมไม่ล้มเลิกความตั้งใจตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ?
นี่คือสิ่งที่ไป๋จิ้งฉงคิด
“คุณปู่ ผมเลือกที่จะทำสัญญากับลิงยางตัวน้อยก็เพราะว่าผมคิดมาดีแล้วครับ”
“ลิงยางตัวน้อยตัวนั้นมันพิเศษมาก มันมีพรสวรรค์หลายอย่าง”
“ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้น มันอยู่ในสมุดบันทึกเล่มนี้ คุณปู่ลองดูสิครับ”
พูดตามตรง ไป๋จื่ออันคาดการณ์ปฏิกิริยาของไป๋จิ้งฉงเอาไว้แล้ว
ไป๋จิ้งฉงคาดหวังในตัวเขาไว้สูง เขาคงจะไม่อยากให้ไป๋จื่ออันทำสัญญากับสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติต่ำหรอก
ดังนั้นไป๋จื่ออันจึงเตรียมบันทึกการทดลองของเอี๋ยนเฟยเฉินเอาไว้ เขาเอามันส่งให้ไป๋จิ้งฉง
ถึงแม้ว่าไป๋จิ้งฉงจะรู้สึกสงสัย แต่เขาก็ยังรับสมุดบันทึกมาดู
เมื่อไป๋จิ้งฉงเปิดสมุดบันทึกดู สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“ไอ้สารเลวเอี๋ยนเฟยเฉิน กล้าดียังไงมาทำเรื่องแบบนั้นกัน?”
หลังจากที่ไป๋จิ้งฉงรู้เรื่องการทดลองที่บันทึกเอาไว้ในสมุดบันทึกเล่มนั้นแล้ว เขาก็โกรธมาก
เอี๋ยนเฟยเฉิน ไอ้สารเลวนั่น มันกล้าดียังไงมาทดลองกับสัตว์วิญญาณ แถมยังเป็นการทดลองที่โหดร้ายขนาดนี้อีก
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงในป่ากล้วยมรกตถึงได้ก่อคลื่นสัตว์ร้ายขึ้น
ตอนนี้ไป๋จิ้งฉงถึงได้เข้าใจสาเหตุของคลื่นสัตว์ร้าย
ไป๋จิ้งฉงสาบานในใจว่าจะต้องเอาคืนเอี๋ยนเฟยเฉินให้ได้
ไม่นานไป๋จิ้งฉงก็สงบสติอารมณ์ลง เขามองไป๋จื่ออันอีกครั้ง
“เสี่ยวอัน ขอปู่ดูลิงยางตัวน้อยของหลานหน่อย”
ไป๋จิ้งฉงบอก
เขาได้รู้เรื่องของลิงยางตัวน้อยจากสมุดบันทึกแล้ว
ไป๋จิ้งฉงไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาแค่อยากเห็นลิงยางตัวน้อยเท่านั้น
ไป๋จื่ออันไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาเปิดมิติสัตว์วิญญาณก่อนจะเรียกลิงยางตัวน้อยออกมา
ทันทีที่ลิงยางตัวน้อยออกมา มันก็เห็นไป๋จิ้งฉงที่ยืนอยู่ข้างๆ ไป๋จื่ออัน มันมองไป๋จิ้งฉงด้วยสายตาหวาดระแวง
ถึงแม้ว่าไป๋จื่ออันจะทำหลายๆ อย่างเพื่อเอาชนะใจมัน จนทำให้มันเชื่อใจเขาแล้วก็จริง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะเชื่อใจมนุษย์ทุกคน
ไป๋จื่ออันทำอะไรไม่ได้ เขาได้แต่ปล่อยให้มันทำความรู้จักกับมนุษย์อย่างช้าๆ
“เอาล่ะ เก็บมันกลับไปเถอะ”
ไป๋จิ้งฉงไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาแค่มองลิงยางตัวน้อยครู่หนึ่ง ก่อนจะให้ไป๋จื่ออันเก็บมันกลับไป
ไป๋จื่ออันส่งลิงยางตัวน้อยกลับไปยังมิติสัตว์วิญญาณ
“เรื่องลิงยางตัวน้อยตัวนี้ ปู่จะไม่พูดอะไรมาก แต่ปู่หวังว่าหลานจะคิดให้ดีๆ ก็แล้วกัน”
ไป๋จิ้งฉงพูดกับไป๋จื่ออัน
พูดตามตรง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้เรื่องของลิงยางตัวน้อยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เห็นด้วยที่ไป๋จื่ออันจะทำสัญญากับมัน
ถึงแม้ว่าลิงยางตัวน้อยจะมีพรสวรรค์หลายอย่างก็จริง
แต่ดูจากสภาพร่างกายของมันแล้ว มันคงอยู่ได้อีกไม่นาน
นี่คือเหตุผลที่ไป๋จิ้งฉงไม่เห็นด้วย
แต่ถ้าไป๋จื่ออันตัดสินใจแล้ว เขาก็จะไม่ขัดขวาง
ยังไงซะลิงยางตัวน้อยก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน
ถ้าลิงยางตัวน้อยตายไป ไป๋จื่ออันก็ยังสามารถทำสัญญากับสัตว์วิญญาณตัวใหม่ได้อยู่ดี
ดังนั้น การใช้โอกาสนี้ให้ไป๋จื่ออันได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง ก็ถือว่าไม่เลว
ด้วยเหตุนี้ ไป๋จิ้งฉงจึงไม่ได้พูดอะไรมากมาย
แต่ไป๋จิ้งฉงไม่รู้ว่าไป๋จื่ออันมีวิธีแก้ไขแล้ว
เรื่องที่เขากังวลนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเห็นพ้องต้องกัน
ดังนั้นไป๋จิ้งฉงกับไป๋จื่ออันจึงเลิกพูดเรื่องลิงยางตัวน้อย พวกเขาตรงไปที่คุกใต้ดินเพื่อดูเอี๋ยนเฟยเฉิน
“ขอคารวะท่านเจ้าเมือง”
เมื่อเห็นไป๋จิ้งฉงเดินทางมาถึง ไป๋จื่อกับคนอื่นๆ ก็รีบคารวะ
ไป๋จิ้งฉงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปยังรูปปั้นน้ำแข็งของเอี๋ยนเฟยเฉิน
“ไอ้แก่เอี๋ยนเฟยเฉิน ไม่คิดเลยว่ามันจะโดนเสี่ยวอันจัดการได้”
เมื่อเห็นเอี๋ยนเฟยเฉินที่อยู่ในรูปปั้นน้ำแข็ง ไป๋จิ้งฉงก็ยิ้มออกมา
พูดตามตรง เอี๋ยนเฟยเฉินคือศัตรูตัวฉกาจของเขา มันมักจะหาเรื่องเมืองไป๋หลิน
ไม่คิดเลยว่าไอ้แก่นั่นจะมาแพ้ให้กับไป๋จื่ออัน
เรื่องนี้ทำให้ไป๋จิ้งฉงรู้สึกภูมิใจมาก
หลานชายของเขาเก่งที่สุด
“พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้พวกเราจะกลับเมืองไป๋หลินกัน”
ไป๋จิ้งฉงพูดกับไป๋จื่ออันและคนอื่นๆ
การฝึกฝนของไป๋จื่ออันจบลงแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋จิ้งฉงยังเตรียมที่จะพาเอี๋ยนเฟยเฉินกลับไปที่เมืองไป๋หลิน
ดังนั้นไป๋จื่ออันกับคนอื่นๆ จึงสามารถใช้โอกาสนี้กลับไปที่เมืองไป๋หลินได้
ไป๋จื่ออันไม่มีความเห็นอะไร
ยังไงซะ การติดตามไป๋จิ้งฉงกลับไปที่เมืองไป๋หลินจะช่วยประหยัดเวลา แถมยังปลอดภัยกว่าด้วย
และแล้วไป๋จื่ออันกับคนอื่นๆ ก็พักผ่อนกันอย่างเต็มที่
เช้าวันต่อมา ไป๋จิ้งฉงก็พาไป๋จื่ออัน ไป๋จื่อ ไป๋เส้า และเฉียวกู่ไป๋ ออกเดินทางจากเมืองเจียหลิน
ไป๋จื่อกับไป๋เส้าเป็นผู้คุ้มกันของไป๋จื่ออัน พวกเธอต้องติดตามเขาไปทุกที่
ส่วนเฉียวกู่ไป๋นั้น สถานการณ์ของเธอค่อนข้างพิเศษ ไป๋จื่ออันจึงเป็นห่วงเธอ
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋จื่ออันก็ตัดสินใจพาเธอไปด้วย เขาไม่อยากให้เธอต้องนั่งรถไฟตะขาบพันคม
ส่วนทีมสนับสนุนนั้น พวกเขาต้องนั่งรถไฟตะขาบพันคมกลับไปที่เมืองไป๋หลิน
ไป๋จิ้งฉงไม่ได้พูดอะไรมากมาย
เพราะมันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันกับคนอื่นๆ ก็ออกเดินทางทันที
ระหว่างทาง ไป๋จื่ออันกับคนอื่นๆ ไม่ได้เจอปัญหาอะไร
ถึงแม้ว่าเฉียวกู่ไป๋จะมีโชคที่พิเศษ แต่มันก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้
แต่คราวนี้ โชคของเฉียวกู่ไป๋ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับพวกเขา
นี่เป็นเรื่องดี
ไม่นาน ไป๋จื่ออันกับคนอื่นๆ ก็มาถึงประตูเมืองไป๋หลิน
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ไม่คิดเลยว่าการฝึกฝนในครั้งนี้จะใช้เวลานานถึงสองเดือน”
ไป๋จื่ออันรู้สึกทึ่งเมื่อเห็นประตูเมืองไป๋หลินที่คุ้นเคย
ใช่แล้ว การฝึกฝนในครั้งนี้ใช้เวลาทั้งหมดสองเดือน
ถึงแม้ว่าในตอนแรกมันจะไม่ได้ใช้เวลามากก็จริง
แต่เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ทำให้เขาต้องใช้เวลามากขึ้น
เรื่องของกลุ่มนักผจญภัยลิงแดง เรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉิน และเรื่องของคลื่นสัตว์ร้าย
บวกกับเรื่องจุกจิกอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เขาต้องใช้เวลามากกว่าที่คิด
คำนวนคร่าวๆ แล้ว มันก็ประมาณสองเดือน
สองเดือนก็คือครึ่งเทอม
เทอมแรกของชั้นมัธยมปลายผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งเทอมนี้ ไป๋จื่ออันจะไปโรงเรียนแค่ครั้งเดียวก็จริง
แต่เวลามันก็ผ่านไปแล้วจริงๆ
เรื่องนี้ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกทึ่ง
แต่โชคดีที่การฝึกฝนในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มามากมาย
ไม่เพียงแต่จะเลื่อนขั้นเป็นระดับทองแดงเท่านั้น แต่เขายังหาวัสดุวิวัฒนาการหลักของอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์เจอ แถมยังได้สัตว์วิญญาณตัวใหม่มาอีกด้วย
ผลประโยชน์ที่เขาได้รับนั้นมากมายเกินกว่าจะนับ
พูดได้เลยว่าการฝึกฝนในครั้งนี้ประสบความสำเร็จมาก
“เสี่ยวอัน หลานกลับไปที่จวนเจ้าเมืองก่อนเถอะ”
“ต่อไปปู่คงต้องไปจัดการกับเอี๋ยนเฟยเฉิน”
ไป๋จิ้งฉงพูดกับไป๋จื่ออัน
เขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปส่งไป๋จื่ออันที่จวนเจ้าเมือง
เพราะต่อไปเขามีเรื่องต้องทำมากมาย
นั่นก็คือการจัดการกับเอี๋ยนเฟยเฉิน เขาอยากจะเค้นความลับของลัทธิแมงมุมปีศาจออกมาจากปากของมัน
“คุณปู่ ผมไปดูด้วยได้มั้ยครับ?”
ไป๋จื่ออันถามไป๋จิ้งฉงด้วยดวงตาเป็นประกาย
เขาสนใจเรื่องนี้
ที่สำคัญที่สุดก็คือไป๋จื่ออันสนใจเป้าหมายของลัทธิแมงมุมปีศาจ
รู้มั้ยว่าแผ่นดินไหวที่เกิดจากการหลอมรวมของทั้งสองโลกนั้นเกี่ยวข้องกับลัทธิแมงมุมปีศาจ
ยิ่งไปกว่านั้น ลัทธิแมงมุมปีศาจยังมีสมบัติล้ำค่าอย่างลูกแก้วหลอมรวมอยู่ในครอบครอง
ไป๋จื่ออันสนใจเรื่องนี้มาก
เขาอยากรู้ว่าลัทธิแมงมุมปีศาจคิดจะทำอะไรกันแน่
ที่สำคัญที่สุดก็คือไป๋จื่ออันสนใจลูกแก้วหลอมรวม
เพราะลูกแก้วหลอมรวมเป็นสมบัติล้ำค่า มันมีประโยชน์มากสำหรับแผนการหลอมรวมพรสวรรค์ของลิงยางตัวน้อย
ถ้าเขาหาวิธีที่จะได้ลูกแก้วหลอมรวมมาจากลัทธิแมงมุมปีศาจได้ล่ะก็
การหลอมรวมของลิงยางตัวน้อยก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
นี่คือแผนการของไป๋จื่ออัน
“เรื่องนี้... เอาล่ะ ถึงเวลาที่หลานจะได้เห็นด้านมืดของโลกแล้วล่ะ”
ไป๋จิ้งฉงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ
พูดตามตรง การที่เมืองไป๋หลินสอบสวนเอี๋ยนเฟยเฉินนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่อ่อนโยน พวกเขาอาจจะต้องใช้วิธีที่โหดร้าย
ถ้าเอี๋ยนเฟยเฉินไม่ยอมปริปากพูด พวกเขาก็คงต้องใช้วิธีพิเศษในการดึงส่วนที่เกี่ยวข้องกับลัทธิแมงมุมปีศาจออกมาจากความทรงจำของมัน
ใช่แล้ว ในโลกใบนี้มีวิธีในการดึงความทรงจำออกมา แถมยังมีมากกว่าหนึ่งวิธี
สัตว์วิญญาณสามารถใช้ทักษะจิตวิญญาณสะกดจิตศัตรู ทำให้ศัตรูยอมบอกความลับออกมา
บางทีอาจจะมีสัตว์วิญญาณบางตัวที่สามารถบุกรุกเข้าไปในสมองของศัตรูเพื่อที่จะได้รับข้อมูลที่ต้องการก็ได้
นี่เป็นสาเหตุที่ไป๋จื่ออันไม่เคยเปิดเผยความลับของเขา
ถ้าเขาเปิดเผยพรสวรรค์ระดับตำนานของเขาให้ศัตรูรู้ มันคงจะวุ่นวายน่าดู
แน่นอนว่ายิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็จะยิ่งมีพลังในการปกป้องตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
แต่ครอบครัวของเขาไม่มีพลังแบบนั้น
ถ้าพวกมันใช้ครอบครัวของเขาเป็นเครื่องมือในการเค้นความลับของเขา มันคงจะวุ่นวายน่าดู
ไม่ว่าจะเป็นสำหรับไป๋จื่ออันหรือครอบครัวของเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องดี
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไป๋จื่ออันก็จะไม่เปิดเผยพรสวรรค์ระดับตำนานของเขาให้ใครรู้เด็ดขาด
แม้แต่ปู่ที่สนิทกับเขามากที่สุด ไป๋จื่ออันก็ไม่บอก
เพราะแบบนี้ถึงจะปลอดภัย
ดังนั้น ไป๋จื่ออันจึงปิดบังเรื่องนี้มาโดยตลอด
ในเมืองไป๋หลินเองก็มีวิธีในการดึงความทรงจำออกมา และมันก็อยู่ในมือของไป๋จิ้งฉง
แต่นี่คือวิธีที่ใช้กับศัตรู
ขั้นตอนการสอบสวนนั้นโหดร้ายมาก ไป๋จิ้งฉงไม่อยากให้ไป๋จื่ออันเห็น
แต่พอคิดดูดีๆ แล้ว ตอนนี้ไป๋จื่ออันก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป เขาได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้ใช้สัตว์วิญญาณอย่างเป็นทางการแล้ว แถมยังเป็นถึงผู้ใช้สัตว์วิญญาณระดับทองแดงอีกด้วย
ดังนั้นการที่เขาได้เห็นด้านมืดของโลกก็คงจะไม่ใช่เรื่องแย่
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย ไป๋จิ้งฉงก็ตอบตกลง