บทที่ 70 นำของล้ำค่ามาถวาย
บทที่ 70 นำของล้ำค่ามาถวาย
ขนมมีทั้งหมด 7-8 อย่าง อย่างน้อยแต่ละอย่างมีประมาณสิบชิ้น ฟู่เฉินอันก็เริ่มกินโดยไม่เกรงใจ
"อันนี้อร่อย หวานแต่ไม่เลี่ยน"
"อืม... อันนี้รสเค็ม แต่ทำไมมีกลิ่นต้นหอมด้วย?" ขนมเค้กถั่วเขียวกลิ่นต้นหอม
"อันนี้เหม็นนิดหน่อย..." เอ่อ... อันนี้กลิ่นทุเรียน
เสี่ยวอิงชุนหยิบขนมถุงนั้นขึ้นมา "ขนมแบบนี้ที่พวกคุณไม่มี หลายคนก็ไม่ชอบกิน อย่าเอาให้แม่ครัวเลยนะ"
ขนมถุงนี้เสี่ยวอิงชุนซื้อไว้ให้ตัวเอง ตอนแรกดันลืมหยิบออกมา
ฟู่เฉินอัน พยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นให้ฉันกินแทนละกัน มันเหม็นหน่อย ๆ แต่กินแล้วก็... รสชาติเฉพาะตัวดี"
เสี่ยวอิงชุน "…ก็ตามใจ"
เมื่อฟู่เฉินอัน กินขนมแต่ละอย่างเหลือไว้แค่อย่างละสองชิ้น ก็ผูกถุงใหม่วางไว้ข้าง ๆ
เสี่ยวอิงชุนยื่นน้ำขวดหนึ่งให้พอดี "ดื่มน้ำหน่อย ของพวกนี้กินแล้วฝืดคอ"
ฟู่เฉินอัน ดื่มน้ำเสร็จ เสี่ยวอิงชุนก็เลื่อนกล่องไข่มุกใบหนึ่งให้เขา "นี่ไง ของที่สั่งไว้มาแล้ว"
ฟู่เฉินอัน มองกล่องไข่มุกที่อยู่ตรงหน้า ตกใจเล็กน้อย
แม้เขาจะมีพื้นเพเป็นคนขายหมู แต่ช่วงหลายปีมานี้ในฐานะบุตรชายของท่านแม่ทัพ เขาได้เข้าร่วมงานสังคมของตระกูลใหญ่ จึงรู้ว่าถ้าเอาไข่มุกพวกนี้ไปขายในโลกของเขา ราคาจะเป็นอย่างไร
ไข่มุกพวกนี้ถึงแม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ที่โดดเด่นคือรูปทรง สี และขนาดที่สม่ำเสมอ!
สร้อยคอไข่มุกที่เรียงตัวกันได้สวยขนาดนี้ ราคาถูก ๆ ก็ต้องเริ่มที่หนึ่งร้อยตำลึงเงิน!
ส่วนไข่มุกสีชมพู สีม่วง สีดำ พวกนี้ยิ่งราคาหลายร้อยตำลึงก็ยังถือว่าน้อย
สำหรับไข่มุกขนาดใหญ่สีละสิบเม็ดที่เท่ากับหัวแม่มือ แค่นำออกมาหนึ่งเม็ดก็มีค่าดั่งทองคำพันตำลึง!
ถึงขนาดที่ถ้าฮ่องเต้ได้เห็นยังต้องอิจฉา...
ฟู่เฉินอัน รู้สึกกังวล "ของพวกนี้ถ้านำไปที่โลกของฉัน พวกเขาคงตาค้างกันแน่ ๆ"
เขาไม่กล้าที่จะเก็บของพวกนี้ไว้ในบ้านตัวเอง เพราะกลัวว่าจะถูกโจรขึ้นบ้าน
"ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดพวกนี้ ฉันก็ไม่กล้าจะขาย..." ฟู่เฉินอัน พูดออกมาแล้วก็หัวเราะแห้ง ๆ
เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความไม่เข้าใจของเสี่ยวอิงชุน เขาจึงลูบไปที่ไข่มุกเม็ดใหญ่เม็ดหนึ่ง "ในโลกของเรา ของที่ดีที่สุดต้องถวายให้ฮ่องเต้"
"ของที่ฝ่าบาทยังไม่มี ชาวบ้านจะกล้าครอบครองได้อย่างไร?"
เสี่ยวอิงชุนเข้าใจในทันที
ยุคสมัยที่เสื่อมทรามนี่นะ!
"ถ้าอย่างนั้นคุณยังจะเอาไข่มุกพวกนี้ไปไหม?" เสี่ยวอิงชุนชี้ไปที่กล่องไข่มุก
ฟู่เฉินอัน คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบไข่มุกสีขาวเม็ดใหญ่ออกมาสองเม็ด "สองเม็ดนี้ ฉันจะบอกว่าคุณซีสส์ให้ฉันมา ของล้ำค่าแบบนี้ฉันไม่กล้ารับไว้ จะนำไปถวายให้ฮ่องเต้"
เผื่อไว้เพื่อความปลอดภัย
นอกจากนี้ยังนับเป็นการประกาศต่อเหล่าตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงว่า: ตอนนี้ฉันกำลังจะขายไข่มุกแล้ว
เสี่ยวอิงชุนยิ้มและสนับสนุน "เรื่องทางฝั่งคุณ คุณย่อมรู้ดีกว่าฉัน ตัดสินใจได้เลย"
"ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ฉันจะเข้าไปในวังก่อน เดี๋ยวจะกลับมาพร้อมกับข้าวเย็นให้คุณ..."
ฟู่เฉินอันเป็นคนที่บอกว่าจะไปก็ไปได้ทันที เขาหยิบถุงไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดให้เสี่ยวอิงชุน ก่อนจะอุ้มกล่องไว้และออกจากประตูหลังไป
ตอนเที่ยง ขณะที่บรรดาขุนนางที่ถูกฮ่องเต้เรียกประชุมกำลังเตรียมตัวกลับออกจากวังเป็นกลุ่ม ๆ พวกเขาก็เห็นฟู่เฉินอัน ถือกล่องใบเล็กมุ่งหน้าไปยังห้องทรงอักษร
พ่อค้าหมูมาอีกแล้วหรือ?
เวลานี้เขามาหาฝ่าบาททำอะไร?
ฮ่องเต้เองก็สงสัย: เขามาทำอะไรอีก?
ด้วยความที่คราวก่อนเขานำกระจกและสบู่มาถวาย ฮ่องเต้จึงตัดสินใจพบฟู่เฉินอัน
ตอนที่ฟู่เฉินอัน เข้าไปในห้องทรงอักษร เหลือเพียงขุนนางสองคนกับฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
ฮ่องเต้ยิ้มเหมือนจะล้อเลียน "ครั้งนี้ฟู่ชิงมาอีก มีเรื่องอะไรหรือ?"
ฟู่เฉินอันชูมือทั้งสองขึ้นสูง ยื่นกล่องผ้าไหมถวาย
"ฝ่าบาท กระหม่อมส่งพ่อค้าชาวตะวันตกคุณซีสส์ออกไปในวันนี้ คุณซีสส์ได้ขายไข่มุกกล่องหนึ่งให้กระหม่อม นี่คือไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดสองเม็ด เขาบอกว่าให้ขายให้กระหม่อมในราคาถูก"
"กระหม่อมไม่เคยเห็นไข่มุกใหญ่ขนาดนี้ ไม่กล้าใช้ เลยอยากนำมาถวายฝ่าบาท..."
ฮ่องเต้เลิกคิ้ว แสดงความสนใจขึ้นมาทันที "โอ้?"
ขันทีที่ยืนอยู่ด้านหน้าก้าวขึ้นมาเปิดกล่องและตรวจดูข้างใน แล้วก็ต้องตกใจ: เป็นไข่มุกคู่ที่มีขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือ!
ไข่มุกที่มีขนาดใหญ่เท่านี้เพียงเม็ดเดียวก็ยังพอเคยเห็นในวัง แต่สองเม็ดที่ขนาดเท่ากัน กลมเกลี้ยง และมีประกายเหมือนกันแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
ขันทียกกล่องผ้าไหมขึ้นถวายฮ่องเต้ และฮ่องเต้เองก็ตกใจเช่นกัน
ไข่มุกที่มีขนาดใหญ่เป็นคู่แบบนี้ แม้แต่ในวังก็ยังไม่เคยเห็น
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฟู่เฉินอันถึงไม่กล้าขายไข่มุกพวกนี้
เขาคงกลัวว่าถ้าขายไปจริง ๆ จะโดนประหารสินะ?
ฮ่องเต้มองฟู่เฉินอันอย่างยิ้ม ๆ: ยังรู้จักกลัวตายสินะ!
"ของล้ำค่าเช่นนี้ เจ้าถวายให้เรา ไม่ขาดทุนหรือ?"
ฟู่เฉินอันพูดโกหกแบบไม่สะทกสะท้าน "ฝ่าบาทประทานทุนให้กระหม่อมเปิดร้าน กระหม่อมมีของดีอะไรก็ต้องนึกถึงการถวายฝ่าบาทเป็นคนแรกอยู่แล้ว..."
ฮ่องเต้ฟังคำโกหกของเขา ไม่รู้คิดถึงอะไร จู่ ๆ สีหน้าก็ผ่อนคลายลง
"ฟู่ชิงนำของดีเช่นนี้มาถวายให้เรา อยากได้สิ่งใดก็ขอมาได้เลย"
ฟู่เฉินอันพูดอย่างมั่นใจและซาบซึ้ง "ตอนนี้กระหม่อมสุขสบายดีแล้ว และสามารถหาเงินได้ ยังไม่ได้นึกอยากได้สิ่งใด"
"เจ้าช่างมีจิตใจที่ซื่อสัตย์ยิ่งนัก... ไป๋ลู่ เจ้าไปหยิบชุดเครื่องเขียนของเรามามอบให้ฟู่ชิงเป็นรางวัล" ฮ่องเต้พึงพอใจในความรู้จักประมาณตนของฟู่เฉินอัน จึงตกรางวัลให้
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!" ฟู่เฉินอันทำความเคารพรับรางวัลแล้วเตรียมตัวจะกลับ
ในขณะนั้น ทหารยามก็เข้ามารายงานว่า: ฮองเฮาและพระสนมทั้งสองจากวังหลังได้ยินว่าฟู่เฉินอันเข้าวัง จึงอยากจะมอบรางวัลให้ฟู่เฉินอันเป็นผ้าไหมสองผืนและแจกันคู่หนึ่ง เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับชุดเครื่องสำอางที่ฟู่เฉินอันนำมาครั้งก่อน
ฟู่เฉินอันขอบพระทัยอีกครั้ง จึงออกจากวังไป และนำอาหารเย็นกลับไปกินกับเสี่ยวอิงชุน...
ขุนนางทั้งสองที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เมื่อกลับไปแล้ว ข่าวใหม่ก็เริ่มแพร่กระจายไปยังบรรดาตระกูลที่สนิทสนมกันอย่างเงียบ ๆ
พ่อค้าตะวันตกขายไข่มุกกล่องหนึ่งให้ท่านแม่ทัพฟู่ สองเม็ดที่ใหญ่ที่สุดถูกถวายให้ฮ่องเต้แล้ว
ร้านเถาเถาจี้กำลังจะขายไข่มุกแล้ว!
ไข่มุกถือเป็นของหายากในแคว้นต้าเหลียงที่เป็นประเทศที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่
มีเพียงตระกูลใหญ่บางตระกูลเท่านั้นที่มีทรัพย์สินพอจะนำไข่มุกไปประดับบนเครื่องประดับของสตรี ส่วนคนธรรมดาทั่วไปไม่มีโอกาสได้เห็นด้วยซ้ำ
ตอนนี้สามารถซื้อไข่มุกได้ที่ร้านเถาเถาจี้ ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร?
ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น หน้าร้านเถาเถ้าจีก็มีเหล่าภรรยาและคุณหนูจากตระกูลใหญ่หลายคนมายืนรอเพื่อดูไข่มุก
เมื่อ รู่ยี้ ได้ยินว่าพวกเธอมาเพื่อดูไข่มุก ก็ยิ้มออกมา
"รอสักครู่นะคะ ของล้ำค่านี้เราไม่ได้วางไว้ในเคาน์เตอร์ มีไว้ให้ลูกค้าที่มีฐานะเท่านั้นค่ะ"
บรรดาสตรีทั้งหลายรู้สึกเป็นเกียรติขึ้นมาทันที: เราคือคนมีฐานะ!
รู่อี้ค่อย ๆ หยิบกล่องกำมะหยี่ที่บรรจุอย่างประณีตออกมาจากกล่อง วางไว้บนเคาน์เตอร์แก้ว
เมื่อเปิดกล่องขึ้นมา สร้อยไข่มุกที่มีสีสันกลมกลืนและปราศจากตำหนิก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าบรรดาสตรีเหล่านั้น