บทที่ 26 เขาเหมือนกับลมกรด
หานหย่าหรงกับหานรู่ยี่สบตากันด้วยความยินดี พวกเธอคิดว่าเรื่องกำลังจะเข้มข้นแน่ๆ!
หยานโหลวฝูเหรินลุกขึ้นและเดินตรงไปหาหยานเชียนอี้และมู่หยุนเลี่ย
เธอเดินตรงไปหามู่หยุนเลี่ย และยกมือขึ้นอย่างช้าๆ เธอกำลังจะตีใครหรือเปล่า!?
หานหย่าหรงกับหานรู่ยี่ต่างก็มองด้วยตาไม่กะพริบ
แม้แต่หยานหงยังกลั้นหายใจ
เขารู้ดีว่าแม่ของเขาเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง แม้เขาจะอายุใกล้ห้าสิบแล้ว ก็ยังโดนตีบ่อยๆ
แต่หยานหงไม่เคยคาดคิดว่าแม่ของเขาจะโมโหขนาดที่จะตีหลานเขยในครั้งแรกที่เจอกัน
ทว่า...
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าคือ หยานโหลวฝูเหรินไม่ได้ตีมู่หยุนเลี่ย
แต่เธอกลับลูบแก้มของเขาเบาๆ ใช่! ลูบ
เธอลูบแก้มมู่หยุนเลี่ยเบาๆ ริมฝีปากของเธอสั่นไหวเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้
เพียงแต่ดวงตาของเธอเริ่มแดง น้ำตาคลอเบ้า
หยานเชียนอี้ก็ตกตะลึงเหมือนกัน หยานโหลวฝูเหรินเอ่ยเสียงเบา "เธอ... ชื่อมู่หยุนเลี่ยใช่ไหม"
มู่หยุนเลี่ยรู้สึกว่าไม่มีความเป็นศัตรูใดๆ จากคนชรา จึงยิ้มเบาๆและพยักหน้า
รอยยิ้มของเขาช่างงดงามราวกับดอกท้อที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ แสงสว่างเจิดจ้าที่ทำให้หยานโหลวฝูเหรินแทบจะเป็นลม
เมื่อเธอรู้สึกตัวว่าเริ่มเสียสมดุล หยานหงรีบเข้าไปช่วยประคองเธอ
แต่หยานโหลวฝูเหรินผลักเขาออก แล้วก็จ้องมองมู่หยุนเลี่ยต่อ "เหมือน... เหมือนมาก..."
"เหมือนอะไร" หยานเชียนอี้สงสัย
สายตาของหยานโหลวฝูเหรินที่มองมู่หยุนเลี่ยนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หยานเชียนอี้คิดในใจว่า หรือว่าอาเลี่ยจะหน้าตาเหมือนคุณปู่ตอนหนุ่มๆ
ปู่ของเธอจากไปตั้งแต่เธอยังไม่เกิด เธอไม่เคยเห็นปู่ตัวเป็นๆ แต่เคยเห็นรูปภาพ ซึ่งบอกตามตรงว่าหน้าตาของปู่นั้นธรรมดามาก
หยานหงถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจ
"เหมือนรักแรกของท่านย่าน่ะ คุณย่าชอบพูดว่าหนุ่มหล่อๆ นี่เหมือนรักแรกของท่านไปหมด"
หยานเชียนอี้: ...
หานหย่าหรง: ...
หานรู่ยี: ...
บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด
หยานหงพยายามจะพาหยานโหลวฝูเหรินกลับไปนั่ง
"แม่ครับ พอได้แล้ว แม่เคยบอกว่าฉู่หยางต่างหากที่เหมือน"
"ฉู่หยางน่ะเหรอ เหมือนกับลมกรด!" หยานโหลวฝูเหรินพูดอย่างเหยียดหยาม
พอได้เห็นมู่หยุนเลี่ยแล้ว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองคงจะตาบอดมาตลอดที่เคยคิดว่าฉู่หยางเหมือนกับคนที่เธอรักในอดีต
บรรยากาศเริ่มแปลกไปเล็กน้อย
หานหย่าหรงพยายามจะดึงทุกอย่างกลับสู่ความเป็นปกติ
"แม่คะ หน้าตาดีแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้เขากินอิ่มได้หรอกค่ะ หนุ่มคนนี้ไม่รู้จักมารยาทเลยสักนิด ไม่เอาของมาแถมยังไม่รู้จักทักทายคนแก่ แบบนี้คงไม่มีการอบรมมาเลยสิคะ"
"นี่มันยุคไหนแล้ว ใครเขาจะมาใส่ใจเรื่องพวกนี้ พวกที่ไม่ตามทันยุคก็ควรอ่านหนังสือบ้าง เล่นอินเทอร์เน็ตบ้าง อย่ามานั่งทำตัวขายหน้าที่นี่!"
หยานโหลวฝูเหรินแม้แต่จะมองหานหย่าหรงก็ไม่มอง
หานหย่าหรงรู้สึกขายหน้า หน้าเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วสลับเป็นขาว ยัยแก่คนนี้เป็นอะไรไป
"อาเลี่ยใช่ไหม มานั่งทานข้าวกันเถอะ" หยานโหลวฝูเหรินดึงมือของมู่หยุนเลี่ยเบาๆ แต่มู่หยุนเลี่ยยังคงจับมือหยานเชียนอี้ไว้แน่น
เดิมทีหานหย่าหรงนั่งอยู่ข้างๆหยานโหลวฝูเหรินตรงตำแหน่งที่หนึ่ง หานรู่ยีนั่งที่สอง
แต่เพื่อให้มู่หยุนเลี่ยนั่งข้างเธอ หยานโหลวฝูเหรินสั่งให้หานหย่าหรงกับหรูยี่ลุกออกจากที่นั่งไป
หานหย่าหรงโกรธมากในใจ ที่พวกเขาเรียกมู่หยุนเลี่ยกลับมาเนี่ย ก็เพื่อจะทำให้เขาเลิกกับหยานเชียนอี้โดยตรงไม่ใช่หรือ
แต่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้
หยานเชียนอี้เองก็ยังมึนๆอยู่ แต่เธอก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมเธอถึงเป็นคนที่ยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอกมาก
ที่แท้มันเป็นเรื่องที่ถ่ายทอดมาจากท่านย่านี่เอง
"อาเลี่ย ในบ้านเธอยังมีใครบ้าง" หยานโหลวฝูเหรินถามอย่างอ่อนโยนพลางคีบเนื้อให้มู่หยุนเลี่ย