ตอนที่แล้วบทที่ 1 เด็กหนุ่มแห่งย่านการค้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 แยกชิ้นส่วนสมบัติวิเศษ?

บทที่ 2 ร้านฮั่วอวิ๋น


บทที่ 2 ร้านฮั่วอวิ๋น

ซูหมิงอายุแค่สิบหกปี เขายังไม่อยากตาย!

เขาสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป

ซูหมิงมองไปที่แร่สีดำขนาดเท่าเล็บมือบนโต๊ะ

เขาเอื้อมมือหยิบแร่ขนาดเท่าเล็บมือขึ้นมา แร่นี้มีชื่อว่าเถี่ยจิ้ง(เหล็กบริสุทธิ์) เป็นวัสดุยอดนิยมที่ใช้ในการหลอมสมบัติวิเศษระดับหนึ่ง

เถี่ยจิ้งขนาดเท่าเล็บมือนี้ หนักเพียงหนึ่งชั่ง ราคาประมาณ 100 เศษหินวิญญาณ

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา นอกจากหินวิญญาณ 10 ชิ้นที่ซูหมิงจ่ายค่าเช่าเมื่อปีที่แล้วแล้ว หินวิญญาณที่เหลืออีก 40 ชิ้น ส่วนใหญ่ถูกนำไปซื้อเถี่ยจิ้งทั้งสิ้น

รวมกับหินวิญญาณที่ใช้เช่าห้องเพลิงปฐพี ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซูหมิงได้หลอมสมบัติวิเศษทั้งหมด 25 ครั้ง

น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว!

ซูหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบเถี่ยจิ้งออกมาจากห่อผ้า นับเศษหินวิญญาณ 50 ชิ้น แล้วนำเศษหินวิญญาณที่เหลือกับหยกสองชิ้นใส่กลับเข้าไปในช่องลับหลังชั้นวางหนังสือ

จากนั้น เขาก็หาถุงผ้าใบเล็กๆ ในห้อง ใส่เศษหินวิญญาณ 50 ชิ้นกับเถี่ยจิ้งเข้าไป แล้วเหน็บไว้ที่เอว

หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ซูหมิงก็หยิบสมุดบันทึกเล่มหนาออกมาจากชั้นวางหนังสือ

สมุดบันทึกเล่มนี้ บันทึกประสบการณ์การหลอมสมบัติวิเศษทั้งหมดของซูหมิงในช่วงสองปีที่ผ่านมา

เนื่องจากมีหินวิญญาณจำกัดและไม่มีใครสอน ซูหมิงจึงให้ความสำคัญกับโอกาสในการหลอมสมบัติวิเศษทุกครั้ง

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เขาหลอมสมบัติวิเศษล้มเหลว เขาจะทบทวนปัญหาทั้งหมดที่พบระหว่างการหลอม และคิดหาวิธีแก้ไขให้ชัดเจน ก่อนที่จะเริ่มหลอมครั้งต่อไป

ด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่เช่นนี้ ซูหมิงจึงสามารถฝ่าฟันอุปสรรคสามประการในการหลอมสมบัติวิเศษระดับหนึ่งได้ในเวลาเพียงสองปี นั่นคือ การสกัด การหลอมรวม และการขึ้นรูป

ตอนนี้ สิ่งที่ขวางหน้าซูหมิงก็คืออุปสรรคสุดท้าย การแกะสลักอักขระ!

นี่เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดในสี่ขั้นตอนของการหลอมสมบัติวิเศษ

จนถึงตอนนี้ ซูหมิงล้มเหลวมาแล้วสิบสามครั้ง

แม้ว่าเขาจะสรุปสาเหตุของความล้มเหลวทุกครั้ง แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นความหวังที่จะหลอมกระบี่ชิงกวง(กระบี่แสงคราม) สมบัติวิเศษระดับหนึ่งขั้นต่ำสำเร็จเลย

ซูหมิงนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วอ่านบันทึกที่เขาเขียนด้วยภาษาจีนอย่างละเอียด

ตัวอักษรแบบนี้มีเฉพาะในโลกนี้เท่านั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าจะรั่วไหลออกไป

ผ่านไปนาน ซูหมิงก็ปิดสมุดบันทึกเล่มหนา แล้วถอนหายใจ "กระบี่ชิงกวงมีอักขระอยู่สี่ชั้น แต่ข้าแกะสลักได้แค่สองชั้น ถ้าข้าฝึกฝนจนถึงขอบเขตขัดเกลาปราณขั้นสี่ได้ก็คงจะดี

ถ้ามีพลังจิตสัมผัสช่วย คงจะหลอมสมบัติวิเศษได้ง่ายขึ้น"

เขาส่ายหน้า ไล่ความคิดที่ไม่สมจริงออกไป ดวงตาของซูหมิงก็เฉียบคมขึ้น

"การหลอมครั้งสุดท้าย ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองดู!"

ซูหมิงคิดในใจ

"เอี๊ยด!"

ประตูร้านค้าเลขที่ 19 บนเขตติ้งเปิดออก

ซูหมิงในชุดผ้าไหมยาว รูปร่างผอมบาง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เดินออกจากประตู

"โอ้… นี่ไม่ใช่สะใภ้ตัวน้อยตระกูลซูหรอกเหรอ? ทำไม เจ้าออกจากอยู่เดือนแล้วเหรอ?"

ทันทีที่ออกจากประตู เสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้นข้างหู

ซูหมิงเงยหน้าขึ้น ผู้ฝึกตนวัยกลางคนรูปร่างสูงผอม ใบหน้าเรียว กำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านค้าของตระกูลซู

ข้างเท้าของผู้ฝึกตนรูปร่างสูงผอม มีตะกร้าข้าววิญญาณที่ดูเหมือนไข่มุกสีทองวางอยู่ นี่คือข้าวไข่มุกทอง เหมาะสำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตขัดเกลาปราณมากที่สุด

ผู้ฝึกตนรูปร่างสูงผอมทำธุรกิจเหมือนกับตระกูลซูในอดีต คือเปิดร้านขายของเบ็ดเตล็ด ที่ขายข้าววิญญาณเป็นหลัก

เนื่องจากร้านค้าทั้งสองอยู่ตรงข้ามกัน จึงมักมีปากเสียงกัน

แต่บิดาของซูหมิงมีขอบเขตขัดเกลาขั้นเจ็ด สูงกว่าผู้ฝึกตนรูปร่างสูงผอมคนนี้สองขั้น ดังนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน ตระกูลซูจึงมักจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ

นี่ทำให้ผู้ฝึกตนรูปร่างสูงผอมเกลียดชังตระกูลซูเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อซูหมิงได้ยินเสียงเยาะเย้ย เขาก็มองไปที่หยางเหล่าลิ่ว(เฒ่าหกแซ่หยาง) เพียงแวบเดียว แล้วก็ก้มหน้าลง ปิดประตู แล้วเดินไปตามถนน

เมื่อหยางเหล่าลิ่วเห็นว่าซูหมิงไม่สนใจเขา ความโกรธในใจก็พุ่งขึ้นมา คำพูดของเขาก็ยิ่งหยาบคายขึ้น "นังหนูตระกูลซู เจ้าช่างใจร้ายยิ่งนัก บิดาเจ้าตายอยู่นอกย่านการค้าชิงสุ่ย เจ้าไม่แม้แต่จะไปเก็บศพให้เจ้าเลยงั้นเหรอ? จุ๊ๆๆ… ไม่ดี ไม่ดีเลย"

หยางเหล่าลิ่วกอดอก เยาะเย้ย "โอ้ ข้าลืมไป บิดาเจ้าถูกสัตว์อสูรกิน ไม่มีศพให้เจ้าเก็บสินะ? ฮ่าๆๆ"

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซูหมิงก็หยุดเดิน

ความโกรธที่ไม่อาจระงับได้พุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ซูหมิงหันกลับมาอย่างช้าๆ จ้องมองหยางเหล่าลิ่วตาเขม็ง แต่ไม่พูดอะไร

เมื่อหยางเหล่าลิ่วเห็นท่าทางเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อของซูหมิง เขาก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็โกรธขึ้นมา

ไอ้เด็กสารเลว!

หยางเหล่าลิ่วกำลังจะด่าต่อ เสียงไอหนึ่งก็ขัดจังหวะเขา

"แค่กแค่ก หยางเหล่าลิ่ว พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ด้วย ทำแค่ธุรกิจอย่างเดียวไม่ได้แล้วเหรอ?"

คนที่พูดครั้งนี้คือชายชราผอมแห้ง อายุมากกว่าหกสิบปี ต่างจากชายชราทั่วไป ตรงที่ดวงตาของเขายังคงสดใสและดูมีพลัง

ข้างๆ ชายชรามีเด็กหญิงอายุประมาณสิบขวบ เด็กหญิงถักเปียสองข้าง สวมชุดยาวสีแดง ใส่กระโปรงสีแดง กระโดดโลดเต้น ดูไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวา

"ท่านผู้เฒ่ากง!"

เมื่อเห็นชายชรา หยางเหล่าลิ่วที่กำลังกร่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบโค้งคำนับชายชรา

ชายชราแซ่กงพยักหน้า แล้วมองไปที่ซูหมิง "เสี่ยวซู ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกปู่กงได้นะ เจ้าอย่าแบกรับไว้คนเดียวล่ะ"

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของซูหมิงก็อบอุ่นขึ้น

ท่านปู่กงกับหลานสาว เป็นคนดีไม่กี่คนที่เขาพบหลังจากทะลุมิติมา

เสี่ยวไฉ หลานสาวของท่านปู่กง โผล่หัวออกมาจากข้างๆ ท่านปู่ นางเอียงคอพูดว่า "พี่ซูหมิง คืนนี้มากินข้าวที่บ้านข้าสิ คืนนี้บ้านข้ามีปลาหนวดวิญญาณตุ๋น อร่อยมากเลยนะ!"

เมื่อได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนและหวังดีของเสี่ยวไฉ ซูหมิงก็รู้สึกอบอุ่นในใจ แต่เขาก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ "ท่านปู่กง เสี่ยวไฉ คืนนี้ข้ามีธุระ ไว้คราวหน้าแล้วกันนะขอรับ"

พูดจบ ซูหมิงก็เดินโซเซออกจากเขตติ้ง มุ่งหน้าไปยังเขตตะวันออก

ย่านการค้าชิงสุ่ยถูกสร้างขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน โดยโม่อวิ๋นซั่งเหรินที่สังหารเจียวทมิฬที่อาศัยอยู่บนยอดเขาฉื่ออวิ๋น

(上人 ซั่งเหรินเป็นคำยกย่อง ใช้เรียกนักบวชหรือผู้บำเพ็ญเพียรขั้นสูง ส่วนเจียว เป็นงูที่คล้ายมังกรแต่ยังไม่ได้เป็นมังกร)

ซูหมิงเงยหน้ามองยอดเขาฉื่ออวิ๋นที่สูงตระหง่านทางทิศตะวันออก

ย่านการค้าชิงสุ่ยตั้งอยู่เชิงเขาฉื่ออวิ๋น ย่านการค้าทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยค่ายกลที่โม่อวิ๋นซั่งเหรินสร้างขึ้น ป้องกันไม่ให้ถูกสิ่งชั่วร้ายรุกราน

ด้วยการสนับสนุนจากโม่อวิ๋นซั่งเหริน ย่านการค้าชิงสุ่ยจึงเจริญรุ่งเรืองในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา

ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนอิสระในเขตปกครองซ่างหยางเท่านั้น แม้แต่ผู้ฝึกตนอิสระและผู้ฝึกตนจากตระกูลต่างๆ ในเขตปกครองอื่นๆ ก็มักจะมาซื้อขายสินค้าที่ย่านการค้าชิงสุ่ยทั้งสิ้น

ที่นี่ได้กลายเป็นเมืองการค้าขนาดเล็กสำหรับผู้ฝึกตน

ด้วยเหตุนี้ การเช่าร้านค้าในย่านการค้าชิงสุ่ย จึงเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่โม่อวิ๋นซั่งเหรินเป็นคนที่รักษาคำพูด เขาได้ออกกฤษฎีกาว่า ผู้ฝึกตนกลุ่มแรกที่เปิดร้านค้าในย่านการค้าชิงสุ่ยพร้อมกับเขา และลูกหลานของพวกเขา จะมีสิทธิ์เช่าร้านค้านั้นๆ ก่อนเป็นอันดับแรกตลอดไป

บิดาของซูหมิงเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนกลุ่มแรก ที่เปิดร้านขายของเบ็ดเตล็ดในย่านการค้าชิงสุ่ย

ตอนนี้บิดาของเขาตายไปแล้ว สิทธิ์ในการเช่าร้านค้าก่อนเป็นอันดับแรกจึงตกเป็นของซูหมิงโดยธรรมชาติ

เขตตะวันออกอยู่ห่างจากเขตตะวันตกที่ซูหมิงอาศัยอยู่ประมาณสิบกว่าลี้ ด้วยความเร็วของซูหมิง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็มาถึง

เมื่อซูหมิงมาถึงเขตตะวันออก เขาไม่ได้สนใจถนนที่มีร้านค้ามากมาย แต่เดินตรงไปยังโรงงานที่ให้เช่าห้องเพลิงปฐพีอย่างคุ้นเคย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด