ตอนที่แล้วบทที่ 18 ปะ… ปั้นคนขึ้นมา?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 ข้าเคยพูดคุยกับเถ้าแก่

บทที่ 19 วุ้นเย็นรสกุหลาบพันปี


บทที่ 19 วุ้นเย็นรสกุหลาบพันปี

เฟิงหยวนหนิงนึกขึ้นได้ว่าคำพูดเมื่อกี้อาจทำให้เข้าใจผิด จึงหันกลับไปมองไป๋ฮ่าวเกอแล้วอธิบายเพิ่มเติมว่า “อย่างไรก็ตาม นางไม่ใช่คนจริง ๆ เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น”

“หุ่นเชิดหรือ?” ไป๋ฮ่าวเกอคิดตาม แล้วตัดสินใจที่จะไม่ถามอะไรต่อ “เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณเถ้าแก่ที่ชี้แนะข้อสงสัยให้กระจ่าง”

เขามองออกว่า เถ้าแก่ไม่อยากจะอธิบายอะไรมากไปกว่านี้

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่กล้าถามอะไรต่อ เพราะเกรงว่าจะทำให้เถ้าแก่ต้องขุ่นเคืองใจ

ไม่ว่าเถ้าแก่จะสร้างหญิงสาวขึ้นมาเป็นคนจริง ๆ หรือว่าหุ่นเชิด มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากนัก

ทั้งสองกรณีล้วนเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า เถ้าแก่มีพลังอำนาจที่วิเศษมาก

ก่อนหน้านี้เขาประเมินความสามารถของเถ้าแก่ต่ำเกินไปมา ไม่คาดคิดเลยว่านางจะสร้างคนขึ้นมาได้ เฉกเช่นเดียวกับเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ในตำนาน

เขาแอบเตือนตัวเองว่า ไม่ว่าเขาจะระมัดระวังแค่ไหนต่อหน้าเถ้าแก่ผู้นี้ มันก็ไม่เคยเพียงพอเลย

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เถ้าแก่จะชอบทำตัวเป็นคนธรรมดาที่มาทำธุรกิจ และยังมาต้อนรับลูกค้าเองด้วยตัวเอง ในฐานะลูกค้า เขาควรจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และไม่ควรทำอะไรที่ไปขัดขวางความเพลิดเพลินของเถ้าแก่

ซ่งอวี้หลวนเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เถ้าแก่เจ้าคะ แล้วพวกเราควรเรียกสตรีนางนั้นว่าอย่างไรดี?”

ในบรรดาทุกคนที่นี่ ซ่งอวี้หลวนเป็นคนที่ใจเย็นที่สุด

เพียงแค่เชื่อตั้งแต่แรกว่าเถ้าแก่มีพลังอำนาจทำได้ทุกสิ่งอย่าง ก็จะสามารถยอมรับความจริงได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์

“เรียกนางว่าซิ่วเอ๋อร์เหมือนกับข้าก็ได้” เฟิงหยวนหนิงตอบ

“เจ้าค่ะ” ซ่งอวี้หลวนพยักหน้ารับ

เธอคิดว่าชื่อ “ซิ่วเอ๋อร์” นี่ดูจะมักง่ายเกินไปหรือเปล่า? แต่จะให้เธอไปบอกต่อหน้าเฟิงหยวนหนิงว่าชื่อนี้ไม่ดีได้อย่างไร? แน่นอนว่าทำไม่ได้

ถึงแม้จะมีสิ่งที่อยากพูดมากมาย เธอก็ได้แต่เก็บไว้ในใจเงียบงัน

ไป๋ฮ่าวเกอหยิบเมนูขึ้นมา แล้วเริ่มสังเกตดูอย่างละเอียด

สิ่งแรกที่เห็นคือหน้าปกสีดำประดับด้วยทองคำเล็ก ๆ นอกจากลวดลายเรียบง่ายแล้ว ด้านบนยังมีตัวหนังสือสีทองเขียนว่า “โรงแรมเซียนหยวน” และด้านล่างมีคำว่า “เมนู” ซึ่งเขียนด้วยสีทองเช่นกัน

เมื่อสัมผัสดูจะรู้สึกเหมือนผ้าไหมที่เรียบลื่น ทว่ายังมีความแข็งกว่ากระดาษทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋ฮ่าวเกอได้เห็นหนังสือที่ทำขึ้นอย่างประณีตขนาดนี้ แต่กลับนำมาใช้เป็นแค่เมนูอาหาร มันช่างน่าเสียดายเหลือเกิน

เมื่อเขาเปิดไปที่หน้าแรก ก็ต้องตกใจกับภาพเสมือนจริง ภาพนั้นแสดงให้เห็นถึงเนื้อย่างที่ตกแต่งด้วยผัก ผลไม้ และบะหมี่ไข่เจียว

ด้านข้างภาพมีชื่ออาหารเขียนว่า: สเต๊กเนื้อสันใน

และมีราคาเขียนไว้อยู่ด้านข้างชื่อ: ราคาพิเศษ 160 เหวิน

นอกจากชื่ออาหารและราคาแล้ว ด้านล่างยังมีตัวอักษรบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับอาหารจานนี้อย่างละเอียด

เขาจ้องมองภาพที่สีสันสดใสและเหมือนจริงอยู่นาน ขณะครุ่นคิดว่ามันเป็นภาพที่คนวาดขึ้นมาได้จริง ๆ เหรอ?

หรือว่าเถ้าแก่จะใช้เวทมนตร์เก็บภาพจริงไว้ในกระดาษนี้?

ตัวอักษรเล็ก ๆ บนกระดาษดูไม่เหมือนอักษรที่คนเราจะเขียนได้

สมกับเป็นสิ่งที่เทพเซียนสร้างขึ้นมาจริง ๆ

ไป๋ฮ่าวเกอพลิกไปอีกหน้า แล้วก็เห็นเมนูอื่น ๆ เช่น ข้าวผัดสับปะรด (ราคาพิเศษ 65 เหวิน) กุ้งมังกรน้ำจืดผัดซอสหมาล่า (ราคาพิเศษ 95 เหวิน) ยำสามมิตร (ราคาพิเศษ 45 เหวิน) ปลาต้มพริก (ราคาพิเศษ 100 เหวิน) วุ้นเย็นรสกุหลาบพันปี (ราคาพิเศษ 20 เหวิน)

แต่ละเมนูจะอยู่คนละหน้า และมีภาพประกอบที่แสดงให้เห็นถึงหน้าตาของอาหารนั้น ๆ อย่างชัดเจน

ราคาอาหารเหล่านี้ไม่ได้แพงมากนัก ภัตตาคารในตัวอำเภอก็มีราคาประมาณนี้ แต่หากเทียบกับภัตตาคารที่ดีที่สุดในเมืองหลวงแล้ว ราคาอาหารของโรงแรมแห่งนี้ถือว่าถูกมาก

ในความคิดของไป๋ฮ่าวเกอ โรงแรมแห่งนี้ดีกว่าภัตตาคารที่ดีที่สุดในเมืองหลวงเสียอีก แต่ราคาอาหารกลับถูกมาก ซึ่งมันดูไม่สมเหตุสมผล

หากเถ้าแก่อยากให้คนธรรมดาได้ลิ้มลองอาหารในร้าน ราคาปัจจุบันก็ยังสูงเกินไปสำหรับคนทั่วไป ดังนั้นจึงมีเหตุผลเดียวคือ เถ้าแก่ต้องการโปรโมทโรงแรมให้เร็วที่สุด จึงยอมลดราคาลงมา

และคำว่า “ราคาพิเศษ” ที่อยู่ข้างราคาก็แสดงให้เห็นว่า ราคานี้เป็นเพียงราคาชั่วคราวเท่านั้น อีกสักพักคงจะปรับราคาให้เหมาะสม

ดูเหมือนว่าเขาอาจจะพอช่วยเหลืออะไรได้บ้าง หากมีทางการมาสนับสนุนโรงแรมแห่งนี้ ก็คงจะทำให้คนอื่น ๆ กล้าที่จะมาใช้บริการมากขึ้น

ไม่นานเขาก็ปิดเมนูลง “เถ้าแก่ ขอสั่งอาหารทุกเมนูอย่างละหนึ่งจานได้ไหมขอรับ?”

เฟิงหยวนหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ย่อมได้แน่นอน ตราบใดที่พวกท่านทานหมด แล้วต้องการเนื้อสเต๊กสุกระดับไหน?”

เนื่องจากต้องทำภารกิจ เธอจึงจำเป็นต้องตั้งราคาตามที่ระบบแนะนำ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุด แต่เพื่อประโยชน์ในอนาคต เธอจึงระบุโดยเฉพาะว่าราคาปัจจุบันเป็นเพียงราคาพิเศษเท่านั้น

เธอตั้งใจว่าเมื่อทำภารกิจเสร็จแล้ว จะปรับราคาเป็น 10 เท่าของราคาเดิม

เงินก็ต้องหาเก็บสิ ไม่หาเงินมาเก็บไว้ ต่อไปอาจไม่มีเงินสำหรับอัปเกรดโรงแรม เกมบริหารโรงแรมนี้คงจะพังไม่เป็นท่า

“สุกเต็มที่ขอรับ” ไป๋ฮ่าวเกอไม่สามารถจินตนาการได้ว่าการกินเนื้อดิบ ๆ จะเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าเถ้าแก่จะเป็นผู้รับรองอาหารจานนี้ เขาก็ยังอยากได้เนื้อสัตว์ปรุงสุกอยู่ดี

อีกด้านหนึ่ง ซ่งอวี้หลวนยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “พวกเราขอสั่งอาหารอย่างหนึ่งเหมือนกันเจ้าค่ะ ขอเนื้อสเต๊กสุกเต็มที่”

“ได้เลย” เฟิงหยวนหนิงหันหลังเดินเข้าครัว สุกเต็มที่ก็สุกเต็มที่ เธอไม่อยากจะไปเปลี่ยนความคิดของพวกเขา

ในครัวมีเครื่องมือมากมาย บางเครื่องใช้สำหรับล้างผักผลไม้ บ้างก็ใช้สำหรับบด สกัดน้ำผลไม้ ทอด ต้ม นึ่ง และบางเครื่องก็ใช้สำหรับแช่แข็งหรือละลายน้ำแข็ง

เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังได้รับการเสริมพลังด้วยเวทมนตร์ ทำให้การเตรียมวัตถุดิบเป็นไปอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ บางเครื่องใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองวินาทีก็เสร็จแล้ว

แน่นอนว่าในห้องครัวก็ยังมีอุปกรณ์ทำอาหารทั่วไป เช่น หม้อต่าง ๆ กระทะ ตะหลิว เป็นต้น

นอกจากอุปกรณ์ทำอาหารเหล่านี้แล้ว ในห้องครัวขนาดใหญ่นี้ยังมีตู้สำหรับขายวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ด้วย

ไม่ว่าจะต้องการวัตถุดิบหรือเครื่องปรุงรสอะไร เพียงแค่พิมพ์ชื่อและจำนวนลงบนหน้าจอ LCD ก็จะได้รับวัตถุดิบเหล่านั้นจากตู้ได้อย่างรวดเร็ว

ว่ากันว่าวัตถุดิบเหล่านี้มาจากโลกของการฝึกฝนความเป็นอมตะ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตกเกรดที่มีพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย ทำให้ราคาไม่แพง แต่ค่าขนส่งค่อนข้างสูง ถ้าซื้อเยอะก็จะได้ส่วนลดค่าขนส่งจนถึงขั้นส่งฟรี

ตอนนี้ ร้านอาหารยังไม่แน่ว่าจะรับลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน จึงต้องยอมจ่ายค่าขนส่งที่แพงเพื่อซื้อวัตถุดิบในปริมาณน้อย

ก่อนจะออกไปข้างนอก เธอได้สั่งให้ซิ่วเอ๋อร์เตรียมวัตถุดิบสำหรับแต่ละเมนูเพียง 10 ที่เท่านั้น เนื่องจากเฟิงหยวนหนิงก็ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้หมดหรือไม่

เฟิงหยวนหนิงกล่าว “ซิ่วเอ็อร์ ทำอาหารทุกเมนูอย่างละ 2 จานนะ สเต๊กขอระดับสุกเต็มที่ทุกจาน”

ซิ่วเอ๋อร์ใส่เครื่องปรุงลงวุ้นเย็นแล้วนำมาเสิร์ฟ “เจ้าค่ะนายหญิง วุ้นเย็นรสกุหลาบพันปีเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องจักร วุ้นเย็นจึงทำเสร็จอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่ไม่ด้อยกว่าวุ้นเย็นทำมือ มันยังมีพลังวิญญาณอยู่เล็กน้อย ซึ่งดีต่อสุขภาพมาก

เฟิงหยวนหนิงรับวุ้นเย็นมาดู พบว่าหน้าตาดีมาก น้ำเชื่อมสีน้ำตาลแดง เครื่องปรุงต่าง ๆ ดูหลากสีสัน เหมือนกับงานศิลปะบนน้ำแข็ง

เธอสูดดมเบา ๆ และได้กลิ่นหอมของกุหลาบอ่อน ๆ

“พยายามเร่งมือหน่อยนะ อย่าให้แขกรอนาน” เฟิงหยวนหนิงสั่งซิ่วเอ๋อร์ แล้วจึงถือถ้วยเดินออกจากห้องครัวไป

“เจ้าค่ะนายหญิง” ซิ่วเอ๋อร์เริ่มกลับไปทำงานต่อ

เฟิงหยวนหนิงถือถ้วยเซรามิกเย็น ๆ เดินออกจากห้องครัวมาอย่างมีความสุข เธอเลือกโต๊ะนั่งลง แล้วเริ่มตักวุ้นเย็นกินทีละคำ

ความเย็นชื่นใจกำลังพอดี มีเครื่องปรุงทั้งถั่วแดง ลูกเกด ฮอว์ธอร์น ถั่วลิสงบด มะพร้าว งา และกลีบกุหลาบ รสชาติหวานนุ่มละมุนลิ้น ชื่นใจและคลายร้อนได้อย่างดี

ซ่งอวี้หลวนและคนอื่น ๆ ต่างมองมาที่เธอ เมื่อเห็นเธอทานอย่างมีความสุข ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายสอ อยากจะแย่งถ้วยวุ้นเย็นจากเถ้าแก่มากินเสียเอง!

โชคดีที่ไม่นานนัก ซิ่วเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับวุ้นเย็นอีกสองถ้วย แล้วนำไปเสิร์ฟให้โต๊ะทั้งสองของแขก

ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องจักร ทำให้เธอทำอาหารได้รวดเร็วมาก แม้อาจจะสู้การทำด้วยมือไม่ได้ แต่รสชาติก็ไม่ด้อยกว่ามาตรฐานทั่วไป

เมื่อวางถ้วยวุ้นเย็นลงบนโต๊ะ ซ่งอวี้หลวนก็ได้รับข้อความเกี่ยวกับส่วนผสมและวิธีการทานวุ้นเย็นตรงหน้า

เธอไม่รอช้ารีบหยิบช้อนขึ้นมา แล้วตักกินหนึ่งคำ

เธอรู้สึกว่าวุ้นเย็นนุ่มละมุนลิ้นกว่าเต้าหู้ ถั่วแดงรสหวาน น้ำเชื่อมก็หวานฉ่ำ วุ้นแทบจะละลายในปากในทันที ทั้งยังมีความเย็นชื่นใจ

นี่เป็นของหวานคลายร้อนที่ดีเยี่ยมไม่แพ้เยลลี่เลย และเธอยังรู้สึกว่าวุ้นเย็นหวาน ๆ ถ้วยนี้อร่อยกว่าเยลลี่เสียอีก

หลิงจิ่งที่นั่งตรงข้ามมองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาอยากลองชิมบ้าง จึงพูดว่า “ศิษย์น้องหญิง ทานน้อย ๆ หน่อยสิ ยังมีอาหารอีกหลายจาน หากทานเยอะตั้งแต่ตอนนี้ ประเดี๋ยวทานอย่างอื่นไม่ลงจะทำอย่างไร?”

ซ่งอวี้หลวนไม่สนใจ เธอตักกินอีกหลายคำ ก่อนจะใจอ่อนยอมให้เขา “เอาล่ะ ส่วนที่เหลือเจ้ากินเถิด”

เธอควรจะทานน้อย ๆ ลงหน่อย หากกินอิ่มเสียตอนนี้ แล้วทานอย่างอื่นไม่ลง คงจะเสียดายแย่

เพื่อที่จะได้ลองชิมอาหารอร่อย ๆ อีก เธอต้องฝึกควบคุมตัวเองให้ได้ เพราะวุ้นเย็นยังอร่อยขนาดนี้ แล้วอาหารอย่างอื่นจะอร่อยขนาดไหน?

ไป๋ฮ่าวเกอเช่นกัน เขาทำเหมือนกับซ่งอวี้หลวน คือไม่ได้ทานเยอะเกินไป หลังจากลองชิมวุ้นเย็นรสกุหลาบพันปีแล้ว เขาก็ยกให้เหมายี่ทานต่อด้วยความไม่เต็มใจ

ในเวลานี้ซิ่วเอ๋อร์ถือจานสเต๊กเนื้อสันในมาพอดิบพอดี ไป๋ฮ่าวเกอรีบมองไปที่จานสเต๊ก

กลิ่นเนื้อหอมเย้ายวนของสเต๊กชวนให้น้ำลายสอ

ไป๋ฮ่าวเกอสูดดมกลิ่นหอมนั้น ก่อนหยิบมีดขึ้นมาหั่นเนื้อเป็นชิ้น ๆ แล้วจึงใช้ตะเกียบคีบเนื้อใส่เข้าไปในปาก

เขาไม่ได้ตั้งใจจะกินสเต๊กตามวิธีที่ได้รับมา

การกินอาหารจะต้องมีกฎเกณฑ์อะไรมากมายนักหรือ? เขารู้สึกว่าใช้ตะเกียบสะดวกกว่า ไม่อยากจะถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ เถ้าแก่คงจะไม่มาตำหนิที่เขากินผิดวิธีใช่ไหม?

เขาพบว่า เถ้าแก่ดูเหมือนจะชื่นชอบเนื้อวัวเป็นพิเศษ เนื่องจากมีเนื้อวัวเป็นส่วนผสมในอาหารหลายอย่าง

และเนื้อวัวก็อร่อยมากจริง ๆ เมื่อเทียบกับเนื้อชนิดอื่น เนื้อวัวจะมีความเหนียวหนึบมากกว่า

เมื่อนำมาทำเป็นสเต๊กแล้ว นอกจากจะมีความเหนียวหนึบ ก็ยังมีความหอมหวานและนุ่มลิ้น ยิ่งทานคู่กับซอสพริกไทยดำ รสชาติของมันแสนโอชะจนลืมไม่ลง

นอกจากซอสพริกไทยดำแล้ว ยังมีซอสอื่น ๆ ที่ทานคู่กับสเต๊กได้ เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสเห็ด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีรสชาติที่แตกต่างกัน

ไป๋ฮ่าวเกอทานสเต๊กคู่กับซอสชนิดต่าง ๆ สลับกันไปมา จนเขาหยุดทานไม่ได้

ที่จริงแล้ว ปกติเขาแทบจะไม่มีโอกาสได้ทานเนื้อวัวเลย

วัวถูกนำมาใช้ในการไถนา และทางการมีกฎหมายห้ามฆ่าวัว ซึ่งมีเพียงวัวที่ป่วยหนักเท่านั้นจึงจะสามารถฆ่าเพื่อนำเนื้อมาบริโภคได้

อืม ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งข้อที่จะมาที่ร้านนี้บ่อย ๆ

อาจจะมีเพียงแต่ร้านของเซียนเท่านั้นที่สามารถเสิร์ฟเนื้อวัวได้อย่างอิสระ เพราะเซียนไม่จำเป็นต้องใช้วัวมาไถนา

ขณะที่ทุกคนทานสเต๊กไปสักพัก ซิ่วเอ๋อร์ก็ยกกุ้งมังกรน้ำจืดผัดซอสหมาล่ามาเสิร์ฟอีกสองจาน

ตอนนี้เฟิงหยวนหนิงเพิ่งทานวุ้นเย็นรสกุหลาบพันปีเสร็จ พอได้กลิ่นอาหารนานาชนิดในร้าน เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากอาหาร

ก่อนจะเดินทางข้ามมายังโลกนี้ เธอทำงานหนักตลอดเวลา ทั้งสเต๊กและกุ้งมังกรน้ำจืด เธอไม่ได้ทานมานานมากแล้ว

เธอแสร้งทำเป็นลุกขึ้นเดินเล่น แล้วเดินไปยังโต๊ะของซ่งอวี้หลวนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “กุ้งมังกรน้ำจืดรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง? ชอบหรือไม่?”

ซ่งอวี้หลวนแกะกุ้งมังกรน้ำจืดตัวแรกแล้วใส่เข้าปาก ทันใดนั้น ลิ้นก็รับรู้ถึงรสชาติชาและเผ็ดร้อน

เนื้อกุ้งมังกรน้ำจืดทั้งสดและอร่อย เมื่อทานคู่กับน้ำซุปรสเผ็ด มันยิ่งอร่อยเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด

เธอพยักหน้าชมไม่หยุดว่า “อร่อยมาก! ทั้งชาทั้งเผ็ด! เป็นความเผ็ดถึงใจ อร่อยยิ่งนัก!”

รสชาติเผ็ดร้อนแบบนี้มันช่างตราตรึงใจจริง ๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ลิ้มลองรสชาติอร่อยขนาดนี้เป็นคนแรก

ถูกต้องแล้ว เธอเป็นคนแรกที่ได้ชิม ไป๋ฮ่าวเกอที่นั่งอยู่อีกโต๊ะช้ากว่าเธอเล็กน้อย เพราะเขายังทานสเต๊กอยู่ และยังไม่ได้เริ่มทานกุ้งมังกรน้ำจืด

“โอ้ จริงหรือ? งั้นขอข้าชิมดูหน่อยนะ” เฟิงหยวนหนิงเอื้อมมือไปหยิบกุ้งมังกรน้ำจืดมาหนึ่งตัว แกะเปลือกแล้วใส่เข้าปาก

อืม อาจจะเป็นเพราะใช้เครื่องจักรในการปรุงมากเกินไป รสชาติเลยดูขาดความพิเศษไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เนื่องจากเป็นกุ้งมังกรน้ำจืดที่มีพลังวิญญาณอยู่ วัตถุดิบก็มีคุณภาพดีอยู่แล้ว จึงชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้ รสชาตินั้นถือว่าอร่อยมาก

ซ่งอวี้หลวนทานกุ้งมังกรน้ำจืดไปด้วย ในขณะเดียวกันก็พยายามทำความสนิทกับเฟิงหยวนหนิง เธอส่งสายตาที่แสดงถึงความคาดหวังอย่างจริงใจไปว่า “เถ้าแก่ ท่านมานั่งทานด้วยกันสิเจ้าคะ พอดีเราสั่งอาหารมาเยอะ เพียงพอให้คนสามคนทาน”

“อืม เช่นนั้นก็ได้” เฟิงหยวนหนิงพยักหน้ารับอย่างอ่อนโยน

พอดีเธอก็อยากจะลองชิมอาหารเหล่านี้ดูบ้าง จะเรียกว่าแอบกินอาหารของลูกค้าได้ยังไงกันล่ะ? เธอกำลังช่วยลูกค้าชิมอาหารอยู่ต่างหาก

ไป๋ฮ่าวเกอ “…”

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เถ้าแก่เพิ่งสร้างหญิงสาวรูปลักษณ์งดงาม และตอนนี้ก็มาพูดคุยกับหญิงสาวอีกคนอย่างสนิทสนม ไม่แน่ว่านางอาจจะอคติกับบุรุษก็เป็นได้?

หากต้องเลือกระหว่างเขากับซ่งอวี้หลวน เมื่อพิจารณาจากทัศนคติของเถ้าแก่แล้ว นางคงจะเอนเอียงไปทางซ่งอวี้หลวนมากกว่าสินะ?

เช่นนี้แล้ว เขาจะยังมีหวังได้รับความเมตตาจากเถ้าแก่ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ยืนยาวเยี่ยงคนปกติได้หรือเปล่า?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด