บทที่ 138 ข้าคุยโม้ เจ้ากลับเชื่อจริงๆ
ที่นอกครัว นิกายอู๋เต้า
ชูหยวนนั่งฟังศิษย์คนที่สามของตนโอ้อวดอย่างเงียบๆ
หมัดเดียวถึงระดับขั้นหลอมจิต แบบนี้เรียกว่าอ่อนแอ...
ศิษย์คนนี้กำลังเยาะเย้ยว่าเขาแย่กว่าขยะสินะ
ถ้าตอนนี้เขาสามารถเอาชนะศิษย์คนนี้ได้
เขาจะแขวนศิษย์ไว้บนต้นไม้ แล้วเฆี่ยนมันทีละที ทีละที
น่าเสียดายที่พลังของเขาไม่อำนวย
แต่...
แม้พลังจะไม่อำนวย แต่ปากยังใช้ได้นี่ กล้ามาโอ้อวดต่อหน้าเขา ดูสิ เขาจะไม่หลอกให้ขาเป๋ไปเลย
คิดถึงตรงนี้ ชูหยวนก็เผยรอยยิ้มสดใส
เจ้าติดขัดอยู่ใช่ไหม งั้นข้าจะให้วิธีทะลายขีดจำกัดแก่เจ้า
ชูหยวนค่อยๆ เอ่ยปาก "เฉียนหยวน เจ้ายึดติดเกินไปแล้ว"
เสียงราบเรียบดั่งสายน้ำ
ดังเข้าหูซูเฉียนหยวน ทำให้ซูเฉียนหยวนงุนงงไปชั่วขณะ
"อาจารย์ ศิษย์... ศิษย์ยึดติดตรงไหนหรือขอรับ?" ซูเฉียนหยวนถามอย่างสับสน
"ช่างเถอะ อาจารย์จะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียด"
ชูหยวนลุกขึ้นยืน ทำท่าทาง หันหลังให้ซูเฉียนหยวน ทำเป็นท่าทางของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
เขาคิดบทพูดในใจสักครู่ แล้วจึงเอ่ยปาก
"อาจารย์ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เจ้าไม่สามารถพัฒนาต่อได้ก่อน จะพูดถึงเรื่องที่เจ้าบอกว่าความเร็วช้าเกินไป เจ้าช้า แน่นอนว่าเจ้าคงกังวลว่าตัวเองจะทำร้ายคนไม่ได้ใช่ไหม?"
"จริงๆ แล้วเรื่องนี้ง่ายมาก วิถีการฝึกร่างกาย อาจารย์เคยบอกเจ้าแล้ว ใช้ร่างกายทำลายวิชาทั้งปวง เจ้าช้า ทำไมต้องไปแสวงหาความเร็ว? ไม่สู้แสวงหาพลังที่สุดขีด ภายใต้พลังอันยิ่งใหญ่ มิติย่อมพังทลาย ความเร็วมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์?"
ชูหยวนพูดด้วยน้ำเสียงแฝงรอยยิ้มบางๆ
"อาจารย์ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมขอรับ?" ซูเฉียนหยวนถามอย่างตกตะลึง
แสวงหาพลังที่สุดขีด ทำให้มิติพังทลาย ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าความเร็วจะมากแค่ไหนก็หนีการโจมตีของเขาไม่พ้น...
มันฟังดูมีเหตุผล แต่มันจะทำได้จริงหรือ?
ทำให้มิติพังทลาย เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีที่หลบหนี
นี่ไม่ใช่แค่ทำให้มิติพังทลายเพียงเล็กน้อย อย่างน้อยต้องทำให้มิติพังทลายเป็นบริเวณกว้างถึงจะได้ผล
แล้วการทำให้มิติพังทลายเป็นบริเวณกว้าง...
นี่เป็นสิ่งที่มนุษย์จะทำได้หรือ?
เทียบกับความตกตะลึงของซูเฉียนหยวน ชูหยวนที่อยู่ข้างๆ กลับดูสงบนิ่ง
โม้ไปก็ไม่เสียตังค์ จะมีอะไรให้ต้องตกตะลึงกัน
"นี่มันเรื่องอะไรกัน ก็แค่ใช้พลังทำให้มิติพังทลายเท่านั้นเอง นั่นไม่ใช่เรื่องที่ใครมีมือก็ทำได้หรอกหรือ? มีอะไรให้ต้องแปลกใจ"
"เฉียนหยวน เจ้าแค่ได้ยินคำว่ามิติพังทลายก็แสดงสีหน้าตกตะลึงแบบนี้ นี่เป็นข้อห้ามอย่างหนึ่งในการบำเพ็ญของเจ้า เจ้าคิดเล็กคิดน้อยเกินไปแล้ว"
ชูหยวนพูดอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เขาทำได้อย่างง่ายดาย
และในขณะที่เสียงของเขาเงียบลง
สายลมเย็นพัดมา ชุดคลุมของชูหยวนพลิ้วไหว ส่งเสียงดังสวบสาบ เส้นผมยาวสะบัดไปตามสายลม บรรยากาศอันน่าเกรงขามก็พลันปรากฏขึ้น
นี่ทำให้ชูหยวนแทบจะคุกเข่าลงให้กับสายลมนั้น
ช่างเข้ากับบรรยากาศเหลือเกิน เมื่อกี้ยังคิดว่าการหลอกคงไม่ง่ายขนาดนั้น
แต่พอสายลมนี้พัดมา ความน่าเชื่อถือก็พุ่งสูงขึ้นในทันที
ทำให้คนเชื่อถือมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่ง ซูเฉียนหยวนที่ได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้ายังคงมีความตกตะลึงที่ปิดบังไม่อยู่
เขาคิดเล็กคิดน้อยเกินไป??
ทำให้มิติพังทลาย ใครมีมือก็ทำได้??
ซูเฉียนหยวนมองดูมือทั้งสองข้างของตนเงียบๆ
นี่มัน... ของปลอมหรือ?
"อาจารย์ ศิษย์... พลังของศิษย์ในตอนนี้ ไม่สามารถทำให้มิติพังทลายเป็นบริเวณกว้างได้ ศิษย์ทำให้อาจารย์ผิดหวังแล้ว"
ซูเฉียนหยวนก้มหน้า พูดด้วยความละอายเล็กน้อย
"เฮ้อ พรสวรรค์ของเจ้ายังด้อยเกินไป... เดี๋ยวก่อน เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าบอกว่าไม่สามารถทำให้มิติพังทลายเป็นบริเวณกว้างได้?"
ชูหยวนพลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงถามขึ้น
"ขอรับ อาจารย์ ตอนนี้ศิษย์ใช้พลังทั้งหมด ทำได้แค่ให้มิติพังทลายเป็นพื้นที่เล็กๆ เท่ากับโต๊ะตัวที่อยู่ตรงหน้าอาจารย์ประมาณสี่เท่า"
ซูเฉียนหยวนตอบอย่างซื่อๆ
ชูหยวน "..."
ข้าแค่โม้เท่านั้นเอง แต่เจ้าทำให้มิติพังทลายได้จริงๆ หรือ???
นี่เป็นกรณีที่ข้าโม้แล้วเจ้าเชื่อจริงๆ เลยหรือ?!