บทที่ 135 กระดานหมากแห่งโลก
ภายในกระดานหมากล้อม ในโลกใบหนึ่ง
ถันไถลั่วเสวียและร่างเลือนรางนั้นต่างวางหมากไปมา
บนพื้นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลเบื้องล่าง หมากของพวกเขากระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง อัจฉริยะผู้เลอเลิศและอสูรยิ่งใหญ่ปรากฏตัวขึ้นมากมาย
ทั้งสองฝ่ายยังคงวางหมาก
ไม่มีใครเริ่มโจมตีก่อน ราวกับกำลังเตรียมการบางอย่าง
การต่อสู้ครั้งใหญ่!
ในที่สุด หลังจากเตรียมการมากมาย
ถันไถลั่วเสวียเริ่มโจมตีก่อน วางหมากดำลงกลางแถวหมากขาวที่เรียงตัวเป็นมังกร พยายามตัดมังกรขาวให้ขาดสะบั้น
บนพื้นดิน ตามการวางหมากของถันไถลั่วเสวีย
ยอดฝีมือผู้เลิศล้ำคนหนึ่งราวกับมองเห็นจังหวะ นำผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนบุกเข้าโจมตีภูเขาอสูรแห่งหนึ่งอย่างดุเดือด
ร่างเลือนรางบนฟ้าที่กำลังเล่นหมากกับถันไถลั่วเสวียดูเฉยเมยต่อการโจมตีนี้ ยื่นมือวางหมากขาว
ต้องการใช้หางมังกรขาวกวาดไปทางถันไถลั่วเสวีย
พร้อมกันนั้น อสูรใหญ่นับไม่ถ้วนก็ออกโจมตี พยายามทำลายล้างมนุษยชาติทั้งหมด
ถันไถลั่วเสวียราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว ยิ้มบางๆ ไม่สนใจ ดูเหมือนจะยอมสละหมากบางตัว วางหมากต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ
ทั้งสองฝ่ายวางหมากต่อสู้กันอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ระมัดระวังทุกฝีก้าว เตรียมพร้อมเต็มที่
ตอนนี้ หมากทุกตัวของทั้งสองฝ่ายเต็มไปด้วยการโจมตี พยายามเอาชนะอีกฝ่าย
สภาพบนพื้นดินเปลี่ยนไป การฆ่าฟันอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเริ่มต้นขึ้น
แต่ฝ่ายของถันไถลั่วเสวียก็ตกเป็นรองอย่างรวดเร็ว ถูกมังกรขาวของร่างเลือนรางกวาดล้าง สูญเสียอย่างหนัก
แต่ถันไถลั่วเสวียยังคงวางหมากอย่างสงบนิ่ง ราวกับมองไม่เห็นความเสียเปรียบของตน
ร่างเลือนรางเหมือนหุ่นยนต์ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เห็นได้ถึงความได้เปรียบ ก็เกาะติดอย่างบ้าคลั่ง ต้องการจัดการถันไถลั่วเสวียให้จบในคราวเดียว
ถันไถลั่วเสวียทำเป็นไม่เห็น ยังคงวางหมากต่อไป
ความเร็วในการวางหมากของทั้งสองฝ่ายเร็วขึ้นเรื่อยๆ แทบไม่มีความลังเลใดๆ ราวกับไม่ต้องคิดเลย
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่
ร่างเลือนรางนั้นก็หยุดการวางหมากกะทันหัน หมากขาวที่หนีบระหว่างนิ้วค้างอยู่กลางอากาศ
เห็นได้ว่าบนกระดานเบื้องล่าง รอบๆ มังกรขาวที่กำลังโจมตีอย่างดุเดือดนั้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถูกหมากดำที่กระจัดกระจายล้อมไว้เสียแล้ว
ในขณะเดียวกัน ยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ก็ล้อมอสูรใหญ่ไว้หมดแล้ว กำลังทำการโจมตีครั้งสุดท้าย ซึ่งก็คือการโต้กลับ
หมากขาวแพ้แล้ว ฝ่ายอสูรพ่ายแพ้แล้ว...
ร่างเลือนรางมองออกถึงจุดนี้ จึงไม่เลือกที่จะวางหมากอีก
ในวินาถีต่อมา
ร่างเลือนรางกลายเป็นประกายทองคำหายวับไป
เสียงที่ฟังไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงดังเข้าหูถันไถลั่วเสวีย
"เจ้าชนะแล้ว"
ถันไถลั่วเสวียยิ้มอย่างเรียบเฉย
เธอก้มหน้าลง อยากจะมองให้ชัดถึงสภาพบนพื้นดินเบื้องล่าง
แต่เธอไม่มีโอกาสได้ก้มหน้ามองดูยอดฝีมือมากมายที่เธอใช้เป็นหมากบนพื้นดินอีกเลย
สมองสั่นสะเทือน
ถันไถลั่วเสวียรู้สึกเหมือนฟ้าดินหมุนคว้าง ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เธอกลับมาอยู่ในตำหนักอีกครั้ง กระดานหมากล้อมหินวางอยู่ตรงหน้าเธออย่างเงียบสงบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
"เมื่อครู่นี้..."
ดวงตาของถันไถลั่วเสวียฉายแววสับสน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภาพลวงตาอะไรแน่นอน การใช้โลกเป็นกระดาน ใช้สรรพชีวิตเป็นหมาก ทำให้เธอประทับใจอย่างลึกซึ้ง
เธอก้มมองกระดาน ยื่นมือออกไปจะสัมผัสอีกครั้ง
แสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกระดาน เข้าสู่หน้าผากของถันไถลั่วเสวีย
พลังงานบริสุทธิ์ไหลเข้าสู่จิตวิญญาณของถันไถลั่วเสวีย
ทำให้ในชั่วพริบตา จิตวิญญาณของถันไถลั่วเสวียแข็งแกร่งขึ้น กระแสลมที่มองไม่เห็นพัดวนรอบตัวเธอ ทำให้ข้าวของในตำหนักปลิวว่อน
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ความวุ่นวายในตำหนักจึงสงบลง
ถันไถลั่วเสวียนั่งขัดสมาธิบนพื้นตำหนัก เส้นผมงามสะบัดไหว ชุดคลุมสีฟ้าอ่อนพลิ้วไหวโดยไร้ลม ส่งเสียงดังสวบสาบ
เธอลืมตาขึ้น แสงสีคริสตัลวาบขึ้นในดวงตา
จากนั้นถันไถลั่วเสวียก็ก้มมองกระดานด้วยสีหน้าสดใส
เมื่อครู่นี้ เธอได้รับข้อมูลของกระดานแล้ว
กระดานนี้มีชื่อว่า 'กระดานโลก'
เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป ไม่ได้ระบุระดับที่แน่ชัด
รู้แต่เพียงว่ากระดานนี้มีความสามารถที่จะทำให้ถันไถลั่วเสวียแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ถันไถลั่วเสวียสามารถเอาชนะวิญญาณกระดานในด้านหมากล้อมได้ ก็จะได้รับรางวัล
และไม่จำกัดจำนวนครั้ง นั่นคือ ทุกครั้งที่ชนะ ก็จะได้รับรางวัล
แต่ทุกครั้งที่ชนะ ความยากในครั้งต่อไปก็จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด
เช่นครั้งนี้ ถันไถลั่วเสวียเอาชนะวิญญาณกระดานได้ ก็ได้รับรางวัล จิตวิญญาณยกระดับขึ้นถึงขั้นสร้างฐานช่วงปลายขั้นสูงสุดทันที
แต่มีจุดหนึ่งที่ทำให้ถันไถลั่วเสวียสงสัยอยู่บ้าง
ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ พลังงานรางวัลจากกระดานดูเหมือนจะช่วยยกระดับพลังวิเศษของเธอ แต่พอสัมผัสกับรากวิญญาณของเธอ ก็เปลี่ยนเป็นยกระดับจิตวิญญาณแทน
"ช่างเถอะ อาจจะเป็นเพราะกระดานก็ได้" ถันไถลั่วเสวียส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้สนใจมากนัก
เธอกำลังจะยื่นมือไปวางบนกระดานอีกครั้ง
ตอนที่นิ้วเรียวยาวของเธอกำลังจะแตะกระดาน ก็ชะงักกะทันหัน นิ้วค้างอยู่กลางอากาศ
ถันไถลั่วเสวียคิดสักครู่ แล้วดึงนิ้วกลับมา
ถ้าแค่เล่นหมาก เธอก็แข็งแกร่งขึ้นได้ มันง่ายเกินไปหรือเปล่า?
เธอชนะครั้งเดียว พลังจิตวิญญาณก็ขึ้นถึงขั้นสร้างฐานช่วงปลายขั้นสูงสุดแล้ว
ถ้าชนะมากๆ ไม่แปลว่าจะถึงขั้นแก่นทารกหรือขั้นหลอมจิตในพริบตาหรอกหรือ?
มันง่ายเกินไป
ง่ายจนเกินไป
อาจจะพูดได้ว่า แค่มีมือก็ทำได้
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมอาจารย์ต้องพูดกับเธอมากมายด้วย? ทำไมไม่แค่มอบกระดานนี้ให้เธอเลยล่ะ?
อาจารย์เคยบอกเธอว่า กระดานนี้เป็นแค่เบาะแสเท่านั้น
ตามความหมายของอาจารย์ ดูเหมือนท่านต้องการให้เธอบรรลุถึงวิถีของตัวเองเอง
ถ้าเธอพึ่งพากระดานเพื่อเพิ่มพลังอย่างเดียว คงไม่มีทางบรรลุถึงวิถีของตัวเองได้แน่
"ช่างเถอะ เรื่องเพิ่มพลังค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ควรจะเริ่มบรรลุวิถีก่อน เพราะอาจารย์บอกว่าสามารถใช้กระดานเป็นเบาะแสได้ ก็น่าจะได้ผลแน่นอน"
"อีกอย่าง บางทีที่อาจารย์ให้กระดานนี้กับฉัน อาจจะต้องการดูว่าฉันจะอดทนไม่เพิ่มพลัง แล้วเลือกที่จะสงบจิตใจเพื่อบรรลุวิถีได้หรือเปล่า?"
ถันไถลั่วเสวียพึมพำเบาๆ เธอคิดแล้วตาเป็นประกาย รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง
บางที อาจารย์อาจจะต้องการทดสอบเธอ ดูว่าความอดทนของเธอเป็นอย่างไร?
"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันก็ไม่อาจทำให้อาจารย์ผิดหวังได้"
ถันไถลั่วเสวียคิดดังนั้น ยิ้มน้อยๆ แล้วมองกระดานตรงหน้า เริ่มครุ่นคิดว่าควรจะเริ่มบรรลุวิถีจากตรงไหนดี...