ตอนที่แล้วบทที่ 131 ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านช่างไร้คุณธรรม!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 133 ต้องรีบช่วยให้ศิษย์น้องเติบโตขึ้น

บทที่ 132 ความวุ่นวายในแคว้นหยุนโจวมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์หรือ?


เหนือแคว้นตงโจว

บนยอดเขาหลักของเทือกเขาเสวี่ยนซงเจ็ดสิบสองลูก นิกายกระบี่ไท่อี๋

เมฆดำทะมึนปกคลุม สายฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะ เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว

ตึง! ตึง! ตึง!

คลื่นพลังมหาศาลแผ่ขยายออกจากยอดเขาหลัก กระจายไปทั่วทั้งนิกายกระบี่ไท่อี๋

โชคดีที่นิกายกระบี่ไท่อี๋มีค่ายกลปกป้องอยู่ จึงช่วยลดทอนคลื่นพลังลงได้

มิฉะนั้นอาคารที่กำลังก่อสร้างในนิกายคงพังทลายไปหมดแล้ว

บนยอดเขาหลัก

เย่หลัวลอยอยู่เหนือนภา ยืนบนกระบี่บิน สูงส่งเหนือผู้ใด ดวงตาถูกปกคลุมด้วยแสงสีดำ ที่หน้าผากมีตราสีทองเปล่งประกาย รอบกายมีหมอกทองพร่างพราย

มองแต่ไกล ราวกับเทพเจ้าที่กำลังมองลงมายังโลกมนุษย์ บารมีอันน่าเกรงขามสั่นสะเทือนทุกสรรพสิ่ง

ในยามนี้ เย่หลัวจ้องมองไปยังเบื้องล่างของยอดเขา ท่ามกลางซากต้นไม้ที่ล้มระเนระนาด

หรือพูดให้ถูกก็คือ กำลังจ้องน้องรองของเขาอยู่

ที่เชิงเขา จางฮั่นล้มกองอยู่กับพื้น ทั้งหัวทั้งหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น ไอโขลกๆ มองพี่ชายใหญ่บนฟ้าด้วยสายตาขุ่นเคือง

พี่ใหญ่คนนี้ ช่างไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย...

ลงมือเต็มกำลังตั้งแต่แรก กดเขาลงกับพื้นแล้วถูไปมา ไม่ให้โอกาสเขาได้ตั้งค่ายกลด้วยซ้ำ...

ช่างไม่เห็นคนเป็นคนจริงๆ

"เป็นไง น้องชาย ยังจะประลองต่อไหม?" เย่หลัวยืนอยู่บนกระบี่บิน ถามด้วยรอยยิ้มบาง

"ประลอง! พี่ใหญ่ ขอให้น้องตั้งค่ายกลก่อน! รอน้องหน่อย!" จางฮั่นกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น

"ได้ พี่รอเจ้า" เย่หลัวตอบรับด้วยรอยยิ้ม

เห็นดังนั้น จางฮั่นไม่ลังเลอีก หลับตาลง เรียกใช้หัวใจค่ายกล พร้อมกับนึกภาพดาวไท่อิน

เตรียมยืมพลังของดาวไท่อินมาต่อสู้ ในสมองของเขา ภาพดาวไท่อินปรากฏขึ้น

"ดาวไท่อิน มา!!!" จางฮั่นชี้นิ้วขึ้นฟ้า

อักขระโบราณมากมายปรากฏขึ้นจากหัวใจค่ายกล ลอยวนเวียนอยู่ในอากาศ รอคอยพลังจากดาวไท่อินลงมา เพื่อรวมตัวเป็นค่ายกล

แต่ดาวไท่อินกลับไม่ปรากฏสักที

จางฮั่นรู้สึกหนาวเยือกในใจ ดาวไท่อินทำไมถึงได้ทอดทิ้งเขาในยามนี้??

ทั้งๆ ที่สนิทสนมกันขนาดนี้แล้ว ดาวไท่อินยังจะมาเล่นตัวอีกหรือ?

"น้องชาย อย่าคิดมากเลย ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ฟ้าดินอยู่ในการควบคุมของพี่ ดาวไท่อินของเจ้าไม่มีทางปรากฏที่นี่หรอก"

เย่หลัวกล่าวพลางยิ้ม มือไพล่หลัง

จางฮั่น "..."

ท่านจำเป็นต้องโหดร้ายขนาดนี้เลยหรือ??

ถึงกับควบคุมทั้งฟ้าดินไว้หมด...

อย่างไรก็ตาม จางฮั่นก็เข้าใจแล้วว่าจุดอ่อนที่สุดของเขาอยู่ตรงไหน

ฟ้าดิน!

หากมีคนควบคุมพลังฟ้าดินในบริเวณเล็กๆ ได้ เขาก็จะไม่สามารถยืมพลังจากดาวไท่อินหรือดวงอาทิตย์มาตั้งค่ายกลได้

นี่คือจุดอ่อนร้ายแรงของเขา

"พี่ใหญ่ วันนี้อากาศไม่ค่อยดีเลย ไว้พรุ่งนี้ค่อยประลองกันดีไหมขอรับ?" จางฮั่นมองเย่หลัวที่พร้อมจะลงมือบนฟ้า พูดอย่างสบายๆ

เมื่อไม่มีพลังค่ายกล เขาก็แค่แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นหลอมจิตทั่วไปเล็กน้อยเท่านั้น

คงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเย่หลัวได้แน่

"อืม... น้องชาย คราวนี้เจ้าลงจากเขามา เป็นคำสั่งของอาจารย์ให้มาทำธุระหรือ?" เย่หลัวถามไม่ตรงประเด็น

"ไม่ใช่หรอกขอรับ อาจารย์แค่ให้น้องลงเขามาหาประสบการณ์เท่านั้น" จางฮั่นงุนงง ตอบไปโดยไม่ทันคิด

พอได้ยินคำตอบ เย่หลัวก็ยิ้ม

ยิ้มอย่างสดใส

แต่รอยยิ้มนั้นในสายตาของจางฮั่น กลับเหมือนรอยยิ้มของปีศาจ

"งั้นก็ดี วันนี้พี่จะสอนบทเรียนให้เจ้า ให้เจ้าเข้าใจว่าอะไรคือความเลวร้ายของมนุษย์" เย่หลัวค่อยๆ เอ่ยปาก

"พี่ขอรับ ไม่ต้องหรอก? เรามาคุยกันดีๆ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไม่ดีกว่าหรือ?" จางฮั่นยิ้มตอบ ค่อยๆ ถอยหลังอย่างไม่ให้สังเกตเห็น

"ไม่เป็นไร พอเจ้านอนอยู่บนเตียง เราก็คุยกันได้" เย่หลัวยิ้มอีกครั้ง

"พี่ขอรับ อย่าเลยขอรับ! จริงๆ นะ อย่าเลย!!"

จางฮั่นเห็นเย่หลัวค่อยๆ บีบเข้ามาใกล้ กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทิ้งภาพลักษณ์สุภาพบัณฑิตไปหมด โบกมือไปมา หวังให้เย่หลัวอย่าเข้ามาใกล้

เขาเสียใจที่มาพบเย่หลัว...

ไปหาประสบการณ์เลยไม่ดีกว่าหรือ?!

เสียใจจริงๆ!!!

...

หลังจากเสียงอึกทึกครึกโครมที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน

ยอดเขาหลักก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

เย่หลัวมองจางฮั่นที่สลบอยู่บนพื้น ส่ายหน้า

ทำไมถึงได้ทนไม่ไหวขนาดนี้

ก็แค่ตีวิญญาณสองที แล้วตีร่างกายเพิ่มอีกทีเท่านั้นเอง

แค่นี้ก็สลบไปแล้ว น้องชายคนนี้ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่

เย่หลัวยืดเส้นยืดสาย

ต้องบอกว่า ตีจางฮั่นนี่มันสบายใจจริงๆ

ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่ได้ตีไอ้หมอนี่ที เย่หลัวก็รู้สึกสดชื่น โล่งอกโล่งใจ สบายตัวไปหมด

"พอเถอะ น้องชาย ลุกขึ้นมาได้แล้ว" เย่หลัวโบกมือ ใช้พลังวิเศษปลุกจางฮั่นให้ฟื้น

จางฮั่นที่สลบอยู่ถูกปลุกให้ตื่น งัวเงียลุกขึ้นยืน

ทันใดนั้น ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและวิญญาณก็ทำให้เขาสะดุ้งตื่นในทันที สูดลมหายใจเฮือกใหญ่

ฮือก...

จางฮั่นแทบจะสลบไปอีกรอบ

"พอแล้วน่า น้องชาย แค่นี้เอง ดูท่าทางสิ อย่างน้อยเจ้าก็เป็นประมุขนิกายอู๋เต้าในอนาคต ทำตัวเข้มแข็งหน่อยสิ ถึงจะเจ็บก็อย่าแสดงออกมา" เย่หลัวพูดเย้าแหย่อย่างไม่ใส่ใจ

ได้ยินคำพูดนี้ จางฮั่นโกรธจนแทบจะกระอักเลือด

คนโดนตีก็ไม่ใช่ท่าน ท่านพูดโดยไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหนน่ะสิ

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนี้ ก็ทำให้จางฮั่นเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองมากขึ้น

การควบคุมฟ้าดินของเขายังอ่อนเกินไป หากถูกผู้อื่นควบคุมฟ้าดินในบริเวณเล็กๆ เขาก็จะสูญเสียพลังไปครึ่งหนึ่งทันที

อีกอย่างอีกอย่างหนึ่งคือร่างกายและวิญญาณของเขายังอ่อนแอเกินไป เมื่อถูกโจมตีระยะประชิด เขาแทบไม่มีพลังต่อต้านเลย

"ต้องขอบคุณพี่ใหญ่ที่สั่งสอนจริงๆ ขอรับ!" จางฮั่นกัดฟันพูด

"ไม่เป็นไร พี่น้องกันต้องช่วยเหลือกัน เป็นเรื่องปกติ อ้อ น้องชาย เจ้าบอกว่าจะลงเขาไปหาประสบการณ์ ตั้งใจจะไปที่ไหนล่ะ?" เย่หลัวถามขึ้น

"ไปแคว้นหยุนโจว!" จางฮั่นตอบอย่างไม่พอใจ

เมื่อเทียบกับแคว้นตงโจว แคว้นหยุนโจวที่อยู่ติดกันนั้นเจริญกว่า และมีนิกายที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลมากกว่า

สำหรับเขาแล้ว การไปหาประสบการณ์ที่แคว้นหยุนโจวย่อมดีกว่าแน่นอน

"แคว้นหยุนโจวช่วงนี้กำลังวุ่นวาย เจ้าจะไปหาประสบการณ์ที่นั่น ต้องระวังหน่อยนะ" เย่หลัวพูดเรียบๆ

"แคว้นหยุนโจววุ่นวาย? เกิดอะไรขึ้น? เรื่องสัตว์อสูรนั่นยังไม่จบอีกหรือ?" จางฮั่นงุนงง ถาม

"ไม่ใช่เรื่องสัตว์อสูรหรอก แต่เป็นเผ่ามารกับวงการผู้ฝึกตนของแคว้นหยุนโจวที่ต่อสู้กัน เรื่องนี้พูดไปแล้วก็เกี่ยวข้องกับอาจารย์ด้วยนะ" เย่หลัวอธิบาย

จางฮั่นได้ยินแล้วก็งงไปชั่วขณะ

เรื่องของแคว้นหยุนโจว ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับอาจารย์ด้วยล่ะ?

เย่หลัวเห็นท่าทางของจางฮั่นแล้วก็เล่าต่อไป

"ได้ยินข่าวลือในแคว้นตงโจวช่วงนี้ว่า อาจารย์ไปซัดราชันมังกรของแคว้นหยุนโจวเข้าให้ไม่รู้ตอนไหน แล้วไม่รู้ใครไปแพร่ข่าวว่าอาจารย์กำจัดเผ่ามารทั้งหมดในแคว้นหยุนโจว..."

"สหพันธ์ผู้ฝึกตนแคว้นหยุนโจวดูเหมือนจะแฝงสายลับไว้ในสหพันธ์ผู้ฝึกตนแคว้นตงโจว พอรู้เรื่องนี้เข้า ไม่รู้ว่าเพราะคึกคะนองหรืออะไร คิดว่าสามารถกำจัดเผ่ามารที่เหลือในแคว้นหยุนโจวได้ เลยนำผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งไปปราบมาร"

"แล้วก็ก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา ตอนนี้แคว้นหยุนโจววุ่นวายมาก"

เย่หลัวเล่าไปก็อดขำไม่ได้ ไม่เคยเห็นเรื่องตลกแบบนี้มาก่อนเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด