บทที่ 11 ไม่เห็นอยากได้แล้ว
หยานหงพยักหน้าและพูดกับหยานเชียนอี้ว่า “ลูกพ่อ พ่อมีเรื่องต้องไปจัดการนิดหน่อย”
“ค่ะ”
หยานเชียนอี้มองไปรอบ ๆ ภายในห้อง
ห้องของเธอแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อสองปีที่แล้ว นอกจากสิ่งของบางอย่างที่เพิ่มขึ้น
ดูเหมือนว่าหานรู่ยีจะเพลิดเพลินกับการใช้ของของเธอไม่น้อย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่หานรู่ยีแย่งชิงไป เธอจะเอาคืนทั้งหมด แน่นอนว่าไม่รวมถึงฉู่หยาง
และของบางอย่างที่หานรู่ยีเคยแตะไปแล้ว แม้เธอจะไม่ต้องการ ก็จะไม่มีทางยกให้หานรู่ยีง่ายๆ
คิดได้ดังนั้นหยานเชียนอี้จึงสั่งแม่นมซวี “แม่นมซวี เอาของในห้องแต่งตัวออกไปให้คนรับใช้แบ่งกันใช้ ส่วนของที่เหลือไม่ต้องการก็เอาไปบริจาค อีกอย่างให้ห้างสรรพสินค้าส่งชุดตามขนาดของฉันมาให้สักสองชุดก็พอ”
“คุณหนู จะไม่เก็บอะไรไว้เลยเหรอคะ”
“อืม”
“แต่เสื้อผ้าและกระเป๋าบางชิ้นเป็นของที่คุณนายซื้อให้คุณหนูนะคะ บางชิ้นเป็นของขวัญจากสมเด็จพระราชินีมอริส ตอนนี้บางอย่างเป็นของที่หาไม่ได้แล้ว คุณหนูเคยชอบมันมาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นแค่ของนอกกาย แถมมันก็ล้าสมัยไปแล้ว ตอนนี้หนูไม่ได้ชอบมันอีกต่อไปแล้ว” เหมือนกับฉู่หยาง ที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว และเธอก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป
แม่นมซวีพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับบรรดาคนรับใช้ในห้องว่า “ทุกคนได้ยินแล้วนะ ขอบคุณคุณหนูสิ รีบเอาของไปแบ่งกันเถอะ”
“ขอบคุณคุณหนูค่ะ!”
“คุณหนูนี่ใจดีจริงๆ ไม่เหมือนกับคนนั้น…”
“แค่กๆ!”
คนรับใช้ต่างดีใจจนเกือบหลุดปากพูดไม่ดีออกมา
แม่นมซวีรู้สึกไม่สบายใจที่จะให้หยานเชียนอี้อยู่ในความมืดบอดแบบนี้
เมื่อไล่คนรับใช้ออกไปและปิดประตูแล้ว เธอจึงบอกความจริงกับหยานเชียนอี้
หยานเชียนอี้ฟังแล้วไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เธอเพียงยืนมองออกไปนอกหน้าต่างนิ่ง ๆ
แม่นมซวีคิดว่าเธอคงเศร้าใจมาก จึงพูดด้วยความเป็นห่วง “คุณหนู ถ้าเสียใจก็ร้องไห้ออกมาเถอะค่ะ ไม่ต้องเก็บไว้ในใจ”
หยานเชียนอี้ยิ้มเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ “ร้องไห้ไม่ได้ช่วยอะไรค่ะ น้ำตาคือของคนอ่อนแอ”
คนฉลาด จะใช้น้ำตาเป็นอาวุธต่างหาก
แม่นมซวีถึงกับอึ้งไป
คุณหนูของเธอเคยเป็นเด็กขี้แง โดนนิดหน่อยก็ร้องไห้แล้ว
เมื่อก่อน คุณผู้ชายและคุณนายไม่เคยกล้าดุเธอแรงๆด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ คุณหนูตรงหน้าของเธอกลับดูเหมือนเติบโตขึ้นอย่างกะทันหัน ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ทำให้แม่นมซวียิ่งรู้สึกห่วงใยและสงสาร
แม่นมซวีย่อมไม่รู้ว่า แม้ในโลกนี้ หยานเชียนอี้จะหลับไปเพียงสองปี แต่จิตวิญญาณของเธอได้ใช้ชีวิตในอีกโลกหนึ่งมาทั้งชีวิตแล้ว เธอไม่ใช่เด็กสาวใสซื่อคนนั้นอีกต่อไป
“คุณหนู ถ้าคุณหนูรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องอยู่บ้านนี้ คุณไปอยู่กับคุณชายน่าจะดีกว่า”
แม่นมซวีรู้สึกกังวลใจ เพราะบ้านตระกูลหยานในตอนนี้มีคุณผู้หญิงคนใหม่แล้ว และเธอเกรงว่าคุณหนูจะต้องเจอกับความลำบาก
“ที่นี่คือบ้านของเซียนอี้ และจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” คนที่ต้องออกไป คือผู้บุกรุกสองคนนั้นต่างหาก
“เฮ้อ...” แม่นมซวีถอนหายใจ “เมื่อก่อน คุณหนูเคยพาหานรู่ยีมาบ้านนี้เล่นอยู่บ่อยๆ คุณนายก็ดูแลเธออย่างดี ใครจะคิดว่าเธอเป็นลูกนอกสมรสของคุณผู้ชาย รู้สึกสงสารและเจ็บปวดแทนคุณนายเหลือเกิน”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นมซวี หยานเชียนอี้รู้สึกผิดอย่างมากในใจ
เธอเคยพาหานรู่ยี ลูกนอกสมรสของพ่อ ผู้เป็นความอับอายของครอบครัว มาต่อหน้าคุณแม่ของเธอเอง
หยานเชียนอี้กำมือแน่น กดเล็บลงบนฝ่ามือตัวเองเพื่อระบายความรู้สึก แล้วพูดว่า “แม่นมซวีออกไปก่อนเถอะค่ะ ห้องก็เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว เซียนอี้จะพักผ่อนสักหน่อย” แม่นมซวีเปิดประตูเตรียมจะออกไป แต่ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงพูดคุยของคนรับใช้ที่ดังมาจากนอกห้อง
“พวกเธอว่า บ้านหลังนี้จะมีคุณหนูสองคน ต่อไปพวกเราควรฟังคำสั่งของใครกันแน่”