บทที่ 1 เด็กหนุ่มแห่งย่านการค้า
บทที่ 1 เด็กหนุ่มแห่งย่านการค้า
ต้าเฉียน ปี 1276 เดือน 10
เขตปกครองซ่างหยาง ย่านการชิงสุ่ย(วารีกระจ่าง)
แสงอรุณทะลวงผ่านความมืด ร้านค้าต่างๆ ในเขตตะวันตกทยอยเปิดประตู ย่านการค้าที่เงียบสงัดค่อยๆ มีชีวิตชีวาขึ้น ยกเว้นร้านค้าเลขที่ 19 บนเขตติ้ง
ร้านค้านี้ปิดประตูแน่นหนา ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากร้านค้าอื่นๆ ในเขตตะวันตกที่เปิดทำการ เป็นร้านที่ดูโดดเด่นท่ามกลางร้านค้าอื่นๆ บนเขตติ้ง
รูปแบบอาคารของร้านค้าเลขที่ 19 บนเขตติ้ง คล้ายกับร้านค้าโดยรอบ ล้วนเป็นอาคารสองชั้นหลังคากระเบื้องสีเขียว ชั้นล่างขายของ ชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย
ณ ขณะนี้
ชั้นสองของร้านค้าเลขที่ 19 บนเขตติ้ง
เด็กหนุ่มสวมชุดผ้าไหมยาว กำลังนั่งขัดสมาธิบนเตียงไม้แกะสลักลายทอง ดวงตาปิดสนิท คิ้วขมวดเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ความเย็นยะเยือกก็พุ่งขึ้นมาจากจุดหย่งเฉวียนใต้ฝ่าเท้าของเขา
เมื่อรู้สึกถึง "ลมเย็น" ที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้า ซูหมิงไม่ตกใจกลับดีใจ รีบรวบรวมสมาธิ ใช้วิชาโฮ่วถู(ปฐพีหนา) แยกเส้นปราณจิตวิญญาณธาตุดินที่บางกว่าเส้นผมออกมาจากลมเย็นนี้
จากนั้น ปราณจิตวิญญาณธาตุดินนี้ก็ไหลไปยังจุดชีพจรฮุ่ยอิ๋น จากนั้นไหลขึ้นไปตามเส้นชีพจรชงม่ายตรงไปยังกระหม่อม
(เส้นชีพจรชงม่าย เริ่มต้นจาก: จุดฮุ่ยอิ๋น อยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่างทวารหนักและอวัยวะเพศ วิ่งขึ้นไปตามกึ่งกลางของหน้าท้องผ่านสะดือ ผ่านหน้าอก และไปสิ้นสุดที่บริเวณลำคอ)
หลังจากปราณจิตวิญญาณพุ่งขึ้นไปถึงศีรษะ มันก็ไหลเวียนไปตามเส้นชีพจรสามหยางสามหยิน และแปดเส้นชีพรพิเศษ จากนั้นค่อยๆ ไหลลงไปยังฝ่าเท้า
หลังจากไหลเวียนครบรอบใหญ่ ปราณจิตวิญญาณธาตุดินนี้ก็ถูกซูหมิงกลั่นเป็นปราณแก่นแท้ธาตุดินในที่สุด แล้วค่อยๆ เคลื่อนย้ายไปเก็บไว้ที่ตันเถียน
เมื่อรู้สึกถึงปราณแก่นแท้ในตันเถียนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซูหมิงก็ถอนหายใจยาวๆ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น
"สองปีแล้ว ยังห่างไกลจากขอบเขตขัดเกลาปราณขั้นสี่อีกไกล"
แววตาของซูหมิงเผยความสิ้นหวังออกมา
ซูหมิงมาถึงโลกนี้ได้สองปีแล้ว จากความทรงจำของร่างเดิม โลกที่เขาอยู่ตอนนี้เป็นโลกที่สามารถกลั่นพลังปราณ และบำเพ็ญเพียรเพื่อชีวิตอมตะได้
สิ่งที่ทำให้ซูหมิงตื่นเต้นยิ่งกว่าคือ ฐานะของร่างเดิมเป็นถึงลูกหลานเซียน
เพียงแต่ สถานการณ์ปัจจุบันของลูกหลานเซียนอย่างเขาดูจะไม่ค่อยดีนัก
เขาส่ายหน้าเล็กน้อย ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป จากนั้นซูหมิงหย่อนขาลงจากเตียงไม้แกะสลักลายทอง
ในสายตาของคนทั่วไป ห้องของซูหมิงตกแต่งอย่างหรูหรา
แต่ในสายตาของผู้ฝึกตน วัสดุตกแต่งที่ใช้ในห้องนี้ส่วนใหญ่เป็นวัสดุล้ำค่าในโลกมนุษย์ ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรมากกนัก
เขามองไปที่โต๊ะเขียนหนังสือที่ทำจากไม้แกะสลักลายทองเช่นกัน ด้านหลังโต๊ะเป็นชั้นวางไม้ที่เต็มไปด้วยหนังสือ
ซูหมิงเดินไปที่ชั้นวางหนังสือ เลื่อนหนังสือในแถวที่สองออก ก็พบกับกลไกที่ยื่นออกมา
ซูหมิงหมุนกลไกตามความทรงจำ ชั้นวางหนังสือก็เลื่อนออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นช่องลับด้านใน
ช่องลับนี้ไม่ได้ใหญ่มาก มีขนาดไม่ถึงครึ่งลูกบาศก์เมตร แต่กลับเป็นที่เก็บสมบัติทั้งหมดของซูหมิง
ไม่มีทางเลือก บิดาของร่างเดิมก่อนออกจากย่านการค้าชิงสุ่ย ได้นำถุงเก็บของเพียงใบเดียวของบ้านสกุลซูไปด้วย
ตอนนั้นซูหมิงอายุแค่สิบสี่ปี บิดาของเขามุ่งมั่นที่จะให้บุตรชายจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนวิชา
ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงสมบัติวิเศษอย่างถุงเก็บของ ก่อนที่ซูหมิงจะทะลุมิติมา ร่างเดิมของเขาไม่เคยเรียนรู้แม้แต่วิชาเดียว
เรียกได้ว่า นอกจากฝึกวิชาวิชาโฮ่วถูแล้ว เขาก็ไม่รู้อะไรเลย
จริงๆ แล้ว การกระทำของบิดาก็ไม่ได้ผิดอะไร สำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตขัดเกลาปราณ การฝึกฝนให้ถึงขัดเกลาปราขั้นเก้า และหาทางสร้างรากฐานให้เร็วที่สุด คือสิ่งสำคัญอันดับแรก
ส่วนผู้ฝึกตนที่ไม่สนใจฝึกฝนวิชาในขอบเขตขัดเกลาปราณ แต่กลับไปหมกมุ่นอยู่กับวิชาหรือทักษะการบำเพ็ญเพียรอื่นๆ ล้วนเป็นพวกที่ไม่เอาไหน
ในเรื่องนี้ บิดาของเขาก็ไม่ต่างจากพ่อแม่ที่หวังให้ลูกประสบความสำเร็จในชาติที่แล้วของซูหมิง
เขาเดินไปที่ช่องลับหลังชั้นวางหนังสือ
ซูหมิงหยิบห่อผ้าออกมา แล้วหมุนกลไกเลื่อนชั้นวางหนังสือกลับเข้าที่ และปิดช่องลับ
เขาวางห่อผ้าบนโต๊ะ แล้วค่อยๆ เปิดออก
สิ่งของสี่อย่างปรากฏขึ้นต่อหน้าซูหมิง
หยกสองชิ้น แร่สีดำสนิทขนาดเท่าเล็บมือ และกองหินวิญญาณที่ดูเหมือนเศษหิน
ซูหมิงมองไปที่กองหินวิญญาณที่ดูเหมือนเศษหินก่อน นี่คือเศษหินวิญญาณ เป็นเศษหินที่เหลือจากการขุดเหมืองหินวิญญาณของภูเขาหลิงเป่า มีทั้งหมดหนึ่งร้อยชิ้น
เศษหินวิญญาณหนึ่งร้อยชิ้นนี้คือสมบัติทั้งหมดของซูหมิง
จริงๆ แล้ว ตอนที่ซูหมิงเพิ่งทะลุมิติมาเมื่อสองปีก่อน เขารวยมากกว่านี้
แม้ว่าบิดาของเขาจะนำถุงเก็บของและหินวิญญาณจำนวนหนึ่งไปด้วยก่อนออกจากย่านการค้าชิงสุ่ย แต่เขาก็ทิ้งหินวิญญาณไว้ให้ซูหมิงห้าสิบชิ้น
ถ้าคิดเป็นเศษหินวิญญาณ ก็คือห้าพันเศษหินวิญญาณ
หินวิญญาณจำนวนนี้ ถือเป็นเงินก้อนโตสำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตขัดเกลาปราณขั้นสามทุกคน
แต่ในเวลาเพียงสองปี ซูหมิงก็ใช้ห้าพันเศษหินวิญญาณจนเหลือเพียงหนึ่งร้อยเศษหินวิญญาณ เรียกเขาว่าบุตรชายสุรุ่ยสุร่ายก็ไม่เกินจริงนัก
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ ซูหมิงก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ
ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่า ทางเลือกที่เขาทำในตอนนั้นถูกต้องหรือไม่?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูหมิงก็มองไปที่หยกชิ้นหนึ่งในสองชิ้นโดยไม่รู้ตัว
หยกสองชิ้นนี้ ชิ้นหนึ่งบันทึกวิชาโฮ่วถูที่ซูหมิงฝึกฝนเป็นหลัก และอีกชิ้นคือต้นเหตุที่ทำให้ซูหมิงใช้เงินจนเกือบหมดตัว นั่นคือ วิชาการหลอมเบื้องต้น
จริงๆ แล้ว ด้วยทรัพย์สินของซูหมิงเมื่อสองปีก่อน ถ้าเขาไม่เรียนวิชาการหลอม และนำหินวิญญาณทั้งหมดไปซื้อวัสดุที่ใช้ในการเรียนการหลอม รวมทั้งเช่าห้องเพลิงปฐพีละก็… เขาก็สามารถอยู่ในย่านการค้าชิงสุ่ยได้อย่างสบายๆ เป็นเวลาอย่างน้อยห้าปี!
เพราะค่าเช่าร้านค้าเลขที่ 19 บนเขตติ้งต่อปีเพียงแค่ 10 หินวิญญาณเท่านั้น
แต่ทว่า...บิดาของซูหมิงตายแล้ว
เมื่อซูหมิงที่เพิ่งทะลุมิติมารู้ข่าวร้ายนี้ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความมืดมน
เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาต้องคิดในแง่ร้ายที่สุดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเขา
แม้จะมีข่าวลือว่าบิดาของซูหมิงถูกสัตว์อสูรฆ่าตาย แต่ซูหมิงก็ไม่ค่อยเชื่อ
เพราะบิดาของซูหมิงออกจากย่านการค้าชิงสุ่ยไปเพื่อซื้อของ จะมีสัตว์อสูรโผล่ออกมาหาเรื่องบิดาของเขาได้อย่างไร ใช่ไหม?
มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่บางคนกำลังจ้องมองบิดาของเขาอยู่
ตอนนี้บิดาเขาก็ตายไปแล้ว และคนต่อไปก็คือเขา!
เมื่อซูหมิงนึกถึงร่างเดิมที่ดูเหมือนจะตายอย่างลึกลับ และทำให้เขาสามารถเข้ามาอยู่ในร่างนี้ได้ หัวใจของเขาก็ยิ่งเย็นชา
ส่วนฆาตกรที่ซ่อนอยู่ในเงามืดต้องการอะไรจากตระกูลซูนั้น ซูหมิงคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก สิ่งที่มีค่าที่สุดของตระกูลซูก็คือสิทธิ์การเช่าร้านค้าเลขที่ 19 บนเขตติ้งในย่านการค้าชิงสุ่ย
แค่สิทธิ์การเช่าร้านค้าก็ฆ่าคนไปสองคนแล้วเนี้ยนะ? ในชาติที่แล้วของซูหมิง เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้ แต่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่แปลกใจอะไร
ทัศนคติที่เย็นชาเช่นนี้ ทำให้หัวใจของซูหมิงเย็นชาลงอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้เอง ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซูหมิงจึงไม่กล้าก้าวออกจากย่านการค้าชิงสุ่ยแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ถ้าไม่ออกจากย่านการค้าชิงสุ่ย ก็ไม่สามารถออกไปซื้อข้าววิญญาณ ผลไม้วิญญาณ กระดาษยันต์ และสินค้าอื่นๆ มาขายได้
เมื่อไม่มีรายได้ ด้วยหินวิญญาณห้าสิบชิ้นที่เขามีอยู่ ก็สามารถอยู่ในย่านการค้าชิงสุ่ยได้แค่ห้าปี
ห้าปีข้างหน้า มันก็คือวันตายของเขา!