ตอนที่ 13 พวกเจ้ากำลังเล่นอะไร ดูแปลกหูแปลกตามาก
ตอนที่ 13 พวกเจ้ากำลังเล่นอะไร ดูแปลกหูแปลกตามาก
หวังเป้าตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขารู้จักสถานที่นี้ดี เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขากับจ้าวหงตั้งใจเดินทางมายังห้างสรรพสินค้าเสี่ยวหรันฟาแห่งนี้
ถังหู่ซึ่งเป็นน้องเขยของจ้าวหงหายตัวไปอย่างไร้เบาะแสที่นี่ ในเวลานั้นจ้าวหงได้ให้หลิงเถามาสืบเรื่องนี้ให้ จนในที่สุดหลิงเทาก็พบว่าถังหู่หายตัวไปจากที่นี่ และอาจจะมีซอมบี้ระดับสูงอยู่ที่นี่
ต่อมาจ้าวหงก็ได้เดินทางมาดูที่นี่กับตาตัวเอง และได้สั่งให้ลูกสมุนของเขาราดน้ำมันเผาที่นี้ลงไป
เนื่องจากวันนั้นที่พวกเขาเข้ามาตรวจสอบห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ บรรยากาศข้างในห้างกลับเย็นยะเยือกทั้งที่อุณหภูมิภายนอกนั้นสูง 30 องศา จนถึงทุกวันนี้เขายังคงจำความรู้สึกนั้นได้ไม่เคยลืม
ในเวลานี้ ซอมบี้ตัวใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เขาไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซอมบี้อีกสองสามครั้ง ก่อนจะพบว่ารูปร่างหน้าตาของซอมบี้ตัวนี้เหมือนกับคนที่เขาเคยรู้จักมาก่อน
ถังหู!
แม้ว่าขนาดร่างกายของซอมบี้ตัวนี้จะกำยำกว่ามากก็ตาม ทั้งแขนและขามีความแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าเป็นถังหู่จริงๆ!
ในเวลานี้ ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังเตรียมการบางอย่างอยู่ตรงหน้าเขา
“มาแล้วหรือ ทำงานได้เร็วจริงๆ” ชายหนุ่มหันหลังให้เขาอยู่ จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร แต่ก็พูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
“โฮ่ โฮ่” เสี่ยวหู่คำรามออกสองสามครั้ง รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย
ฉู่เสวียนหัวเราะและพูดว่า "เจ้าทำได้ดีมาก เจ้าจับเหยื่อมาได้เร็วมาก"
"ข้าจะให้รางวัลกับเจ้าในภายหลัง"
"โห่!" เสี่ยวหูคำรามอย่างตื่นเต้น
ฉู่เสวียนเดินมานั่งบนเก้าอี้แล้วโบกมือบอกให้เสี่ยวหู่พาหวังเป้ามาคุกเข่าต่อหน้าของเขา
“โอ้ เจ้าถูกกัดอย่างนั้นหรือ ก็ดีเหมือนกัน การฆ่าเจ้าจะได้ไม่ทำให้บุญของข้าลดลง”
ฉู่เสวียนสังเกตเห็นว่าที่นิ้วของหวังเป้ามีรอยกัดอยู่ แต่เขาก็เพียงยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อหวังเป้าเห็นรอยยิ้มที่เย็นชานี้ สัญชาตญาณของเขาก็รู้สึกหวาดกลัวโดยปริยาย เขามักจะรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย ที่ดุร้ายมากกว่ามนุษย์ หวังเป้าอดไม่ได้ที่จะถามว่า "แกเป็นใคร ทำไมแกถึงควบคุมลูกพี่หู่ได้?"
ในตอนนั้นฉู่เสวียนก็ได้หัวเราะออกมาแปลก ๆ "ฮ่าฮ่า เจ้าจำเสี่ยวหู่ได้ด้วยหรือ ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็จะเป็นคนของแก๊งหลิงฉวนสินะ "
หวังเป้าพยักหน้า
ม่านตาของฉู่เสวียนส่องประกายแสงสีม่วงออกมา "ดีแล้ว ข้าจะได้ถามคำถามเจ้าต่อไป"
ดูเหมือนว่าตอนนี้หวังเป้าจะถูกสะกดจิตไปแล้ว และกำลังถูกเทคนิคหุ่นเชิดเข้าครอบงำ เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็พยักหน้าทันที
วิชานี้เรียกว่า "ดวงตาจับวิญญาณ" เป็นวิชาระดับต่ำของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณ ใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีขอบเขตต่ำกว่าเจ้าของวิชาเท่านั้น และไม่มีความสามารถในการโจมตี
และการที่ฉู่เสวียนใช้วิชาดวงตาจับวิญญาณโดยตรง เพราะเขาขี้เกียจเกินกว่าจะมาเค้นหาความจริงกับคนแบบนี้ และต้องการรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุด
ฉู่เสวียนถามออกมา "เจ้าชื่ออะไร"
"หวังเป้า"
"เจ้ามีตำแหน่งอะไรในแก๊งหลิงฉวน แล้วใครเป็นคนเผาห้างสรรพสินค้าเสี่ยวหรันฟาแห่งนี้"
เมื่อรู้คำตอบ ฉู่เสวียนก็เลิกคิ้วขึ้น
กลายเป็นว่าคนที่เผาห้างสรรพสินค้าแห่งนี้คือจ้าวหง หัวหน้าแก๊งหลิงฉวนจริงๆ
ฉู่เสวียนยังคงถามต่อไป หวังเป้าก็ได้ตอบทุกคำถาม ไม่นานหลังจากนั้น วิชาดวงตาจับวิญญาณก็คลายลงในที่สุด
หวังเป้าค่อยๆ ฟื้นตัวจากความสิ้นหวัง เขามีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง และเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แย่กว่านั้นคือไวรัสซอมบี้ได้แพร่ไปทั่วทั้งร่างกายของเขาแล้ว ความกระหายเลือดได้เกิดขึ้นในใจของเขา
“โห่!” หวังเป้าคำรามออกมาอย่างไม่พอใจ
ฉู่เสวียนดีดนิ้วของเขาทันที จากนั้นเสี่ยวหู่ก็ก้าวเข้ามากระชากหวังเป้าขึ้นมา แล้วโยนเขาลงไปในอ่าง ซึ่งข้างในนั้นมีของเหลวสำหรับกลั่นศพถูกเตรียมไว้มานานแล้ว
หวังเป้าพยายามดิ้นรนอย่างหนัก และในไม่ช้าเสียงของเขาก็หายไป
"เอาล่ะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็พร้อมทานแล้ว มาเริ่มทานกันเลยดีกว่า" ฉู่เสวียนหยิบบะหมี่คัพถ้วยสีทองที่อยู่ข้างๆ เขาขึ้นมา และเริ่มทานอาหารทันที พรางคิดแผนการต่อไป
“จากสิ่งที่หวังเป้าพูด จ้าวหงดูเหมือนจะเลี้ยงหมาป่าวิญญาณที่เชื่องสามตัวไว้ หมาป่าวิญญาณแต่ละตัวก็ตัวใหญ่และดุร้าย”
“จ้าวหงเอง แม้จะดูตัวเล็ก แต่จริงๆ แล้วเขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีซอมบี้ระดับสูง ซึ่งมีพลังมากกว่าซอมบี้ธรรมดาอีกด้วย พวกมันจะติดไวรัสและกลายพันธุ์ได้ไหม ดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้น่าสนใจ แต่บางทีมันอาจจะคุกคามข้าก็ได้ ดังนั้น ข้าจะต้องหาองค์กรที่จะรวบรวมข้อมูลมาให้ข้าก่อน”
“นอกจากนี้จำนวนซอมบี้ที่ตัวข้าเองสามารถฆ่าได้ยังมีจำกัด หากมีองค์กรคอยจัดการเรื่องนี้ให้ ประสิทธิภาพจะดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย”
ฉู่เสวียนพยักหน้าเล็กน้อย
แก๊งหลิงฉวนนี้ถือได้ว่าเป็นองค์กรที่น่าสนใจ เป็นไปได้ไหมที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด แล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นองค์กรของศพหยิน แผนการทั้งหมดนี้อยู่ในใจของเขาหมดแล้ว
สองวันต่อมา…
ฉู่เสวียนมองไปที่ศพหยินที่แข็งแกร่งตรงหน้าของเขาและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาใส่มันเข้าไปในหอเลี้ยงศพ จากนั้นก็ฉีดพลังวิญญาณเข้าไป และใช้เทคนิคการระบุตัวตน “พลทหารศพระดับ 3 คุณสมบัติระดับกลาง!”
“วิชาอาคมพรสวรรค์ที่ได้คือ เทคนิคการเดินทางใต้พิภพ, หนามอัคคี ก็ถือว่าไม่เลว!”
ฉู่เสวียนพยักหน้า
ตอนนี้เขาได้กลั่นศพหยินขึ้นมาแล้ว 2 ศพ และทั้งสองก็มีคุณสมบัติระดับกลาง เทคนิคการเดินทางใต้พิภพ คือการควบแน่นพลังทั้งหมดที่มี และพุ่งตัวออกไปข้างหน้า เร็วจนไม่เห็นแม้แต่เงา ส่วนหนามอัคคีนั้น คือการควบแน่นไฟหยินไว้บนฝ่ามือ และฟาดเข้าใสศัตรูอย่างดุเดือด
“ดีมาก เจ้าสามารถใช้เทคนิคการเดินทางใต้พิภพและหนามอัคคีเพื่อลอบสังหารศัตรูได้”
ฉู่เสวียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม การผสมผสานของวิชาอาคมสวรรค์สองวิชานี้ ถือว่าวิเศษมาก!
“ต่อจากนี้ไป ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวเป้า เพราะเจ้าเหมือนกับเสี่ยวหู่ทุกประการ”
ฉู่เสวียนตบไหล่ของพลทหารศพด้วยความพึงพอใจ
เสี่ยวเป้าคำรามออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับเป็นการเฉลิมฉลองชีวิตใหม่ของเขาอีกครั้ง
“โฮ่ โฮ่” เสียงคำรามที่ไม่พอใจของเสี่ยวหู่ดังขึ้นมาข้างๆ เขา
ทันใดนั้นเสียงคำรามของเสี่ยวเป้าก็หยุดลง ศีรษะของเขาหดลงทันที แสดงความเคารพต่อเสี่ยวหู่ที่เป็นศิษย์พี่ของเขา
เสี่ยวหู่คำรามออกมาด้วยความพึงพอใจ ในขณะนี้ ศพหยินทั้งสองก็ได้แยกแยะตัวจากผู้บัญชาและตรงไปหาเหยื่อต่อ
ฉู่เสวียนยืดตัวและยิ้มออกมาเล็กน้อย "ถึงเวลาแล้ว ไปที่โรงแรมห่าวไท่กันเถอะ"
"โฮ่ โฮ่ โฮ!" ทั้งเสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าคำรามออกมา มีความกระหายเลือดในสายตาของพวกเขา
...
โรงแรมห่าวไท่ ทางเข้าโรงแรม
เดิมทีที่นี้มีตู้ยามรักษาความปลอดภัยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
แต่ต่อมา ตามคำสั่งของจ้าวหง ก็ได้มีการสร้างตู้ยามเหนือพื้นดินสูงสามเมตร มีชายสองคนเฝ้าอยู่ในตู้ยาม
อย่างไรก็ตาม แก๊งหลิงฉวนนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมากมาก โดยมีสมาชิกในองค์กรมากกว่า 300 คน
และยังมีหมาป่าวิญญาณที่กระหายเลือดและดุร้ายอีกสามตัว จึงทำให้มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น
ในเมืองตงหูทั้งหมด ยกเว้นบริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองกองกำลังหลัก ผู้รอดชีวิตที่เป็นเหมือนหมาป่าโดดเดี่ยวคนอื่นๆ ไม่มีใครกล้ายั่วยุแก๊งหลิงฉวน
ชายทั้งสอง ที่เฝ้ายามอยู่นั้น ไม่ได้ทำหน้าที่แม้แต่น้อย พวกเขากำลังเล่นเกมกันอยู่
“ฉัน ไคหวง ฉันจะใช้ท่าที่สอง ทำการโจมตีพื้นฐานที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว!”
“ฉัน เซียหัว ! ฉันจะใช้ท่าที่ 1และท่าที่ 2 !”
"ฉันจะโจมตีด้วยการโจมตีขั้นพื้นฐาน!"
"ส่วนฉันจะใช้โล่! และใช้สตัน!"
ฉู่เสวียนได้ยินเสียงคนสองคนตะโกนจากระยะไกลและทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “พวกเจ้ากำลังเล่นอะไรกันอยู่ ดูแปลกหูแปลกตามาก”
ทันใดนั้นชายทั้งสองก็เริ่มตื่นตัว วางเกมในมือลง และลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะเห็นว่ามีร่างสามร่างยืนอยู่ที่ประตู
ผู้นำเป็นชายหนุ่มรูปงาม สวมเสื้อผ้าแปลก ๆ ที่ไม่เหมือนคนสมัยนี้เลย แต่เหมือนกับนักแสดงจากทีมเทพนิยายมากกว่า
ด้านหลังชายหนุ่มมีร่างกำยำและสง่างามสองร่างที่ราวกับหอคอยเหล็ก พวกเขาไม่ได้พูดอะไรและมีสีหน้าดุร้ายราวกับว่าพวกเขาพร้อมจะกินผู้คนทุกเมื่อ
“พวกแกเป็นใคร”
ชายทั้งสองถามออกมาด้วยท่าทางตื่นตัว
ฉู่เสวียนยิ้มและพูดว่า "ข้าคือหัวหน้าคนใหม่ของแก๊งหลิงฉวน"
ชายทั้งสองมองหน้ากันและหัวเราะออกมาเสียงดัง "ฮ่าๆๆ ฉันเจ็บท้องวะ เจ้าเด็กนี่ยังไม่โตด้วยซ้ำ แต่กลับมาบอกว่าจะมาเป็นนายคนใหม่ของเราอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อหัวเราะจบ หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเย็นชา
"โทษฐานที่มาขัดขวางเกมไพ่ของเรา งั้นก็เอาอึไปกินซะ!"
ทั้งสองคนหยิบขยะที่อยู่ในมือแล้วโยนมันใส่ฉู่เสวียนทันที