ตอนที่แล้วบทที่ 51 หงจุ้นถูกเผยความลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 เล่ห์เหลี่ยมของจิ้งจอกเฒ่า (part2/2)

บทที่ 52 เล่ห์เหลี่ยมของจิ้งจอกเฒ่า (part1/2)


เหล่าศิษย์กำลังเพลิดเพลินกับอาหารเช้าพร้อมกับชมการต่อสู้บนท้องฟ้า เย่ฉางชิงก็อยู่ท่ามกลางพวกเขาเช่นกัน

แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักเฉิงชือ แต่เมื่อหลูยูอูแนะนำให้รู้จัก เขาก็ได้รู้ว่านี่คือเพื่อนสนิทของท่านผู้นำ

โชคร้ายที่การต่อสู้นั้นไม่ได้ยาวนานนัก ขณะที่เฉิงชือกำลังเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาลูกสุดท้าย ปากยังมันแผล็บ เขาพูดขึ้นว่า "เดี๋ยวก่อน"

เขาถอยจากการต่อสู้ และเมื่อหงจุ้นเห็นเช่นนั้น เขาก็หยุดการโจมตีเช่นกัน แม้ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความโกรธ

"เจ้ายังจะพูดอะไรอีก?" เขาถามอย่างฉุนเฉียว

เฉิงชือไม่ได้ใส่ใจกับความโกรธของหงจุ้น ยิ้มอย่างรู้ทัน "นี่คือสิ่งที่เจ้าปิดบังข้ามาตลอดสินะ?"

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของหงจุ้นเปลี่ยนไป แต่ไม่นานเขาก็กลับมาเป็นปกติ ตอบอย่างดื้อดึง

"พูดบ้าอะไร ข้าเคยปิดบังอะไรเจ้ากัน?"

"เรารู้จักกันมากว่าสิบปีแล้ว เจ้าไม่คิดหรือว่าข้ารู้จักเจ้าดีพอ? เจ้ากลัวว่าข้าจะจับได้และจะอยู่ที่ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ไปตลอด ใช่ไหม?"

ขณะที่เฉิงชือพูด หงจุ้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าจ้าจิ้งจอกเฒ่านี่กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ ทำไมคำพูดของเฉิงชือทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจแบบนี้?

รอยยิ้มของเฉิงชือดูน่ากลัวจริงๆและทันใดนั้นเอง เงาร่างหลายร่างบินมาแต่ไกล นั่นคือเหล่าผู้อาวุโสใหญ่จากนิกายเต๋าอี้

ในกลุ่มนั้นมีทั้งผู้นำของยอดเขาอื่นๆและผู้อาวุโสที่สองแห่งยอดเขาหลัก

พลังมหาศาลจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่สุดในนิกายเต๋าอี้

โดยเฉพาะผู้อาวุโสที่สองที่รู้สึกกังวลกลัวว่าจะเป็นอสูรหรือผู้ฝึกตนมารทรงพลังมาโจมตีสำนัก

แต่เมื่อเขายืนยันได้ว่าความโกลาหลนั้นเกิดจากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ถอนหายใจ "ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นอะไรนักหนา ทุกวันต้องมีเรื่องวุ่นวายเสมอ"

อย่างไรก็ตาม ในฐานะหัวหน้าหอวินัย ผู้อาวุโสที่สองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาตรวจสอบด้วยตนเอง

เมื่อมาถึงและเห็นหงจุ้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่น "ศิษย์น้อง เจ้ากำลังทำอะไรกันแต่เช้าตรู่?"

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า "ขอข้าสงบสองวันไม่ได้หรือไร? หากเจ้าชอบก่อเรื่องนัก ทำไมไม่มาเป็นหัวหน้าหอวินัยแทนข้าเสียเลยล่ะ?"

ก่อนที่หงจุ้นจะตอบ เฉิงชือก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม "ท่านซื่อซง ไม่ได้พบกันเสียนาน!"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสที่สองก็ยิ้มตอบ "อ้าว ท่านเฉิงชือ!"

ทั้งสองดูเหมือนจะคุ้นเคยกันดี ความจริงแล้ว เฉิงชือมีความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสใหญ่หลายคนในนิกายเต๋าอี้ เพราะที่ระดับการฝึกตนเช่นพวกเขา มีเพียงไม่กี่คนในทวีปตงโจว

แม้ว่าพวกเขาอาจไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงกันมาอย่างแน่นอน โลกแห่งผู้ฝึกตนนี้เล็กมาก

นอกจากนี้ ในฐานะผู้ฝึกตนพเนจรที่ไม่เคยขัดแย้งกับนิกายเต๋าอี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เฉิงชือจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับสำนัก

"เราแค่ประลองฝึมือเล่นกันนิดหน่อย ไม่มีอะไรร้ายแรง" เฉิงชือพูดอย่างสบายๆอธิบายสถานการณ์ ผู้อาวุโสที่สองฟังแล้วสีหน้าดูแปลกเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ารับ

"ประลองฝึมือกันหรือ? แล้วทำไมหงจุ้นถึงดูโกรธขนาดนั้น? แล้วเจ้ายังไม่เช็ดคราบมันที่ปากเลยแทนที่จะมาพูดว่าประลองฝึมือกัน?"

แต่เมื่อเฉิงชือพูดเช่นนี้ รองอาวุโสก็ไม่ได้ซักถามเพิ่มเติม

ส่วนหงจุ้นในตอนนี้จ้องมองเฉิงชือด้วยสายตาตึงเครียด รู้สึกว่าชายชราคนนี้มีเจตนาไม่ดีและอาจวางแผนบางอย่าง

อย่างที่คาดไว้ คำพูดต่อไปของเฉิงชือก็คือ

“ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องการจะชี้แจงกับท่านซื่อซง”

“โปรดกล่าวมา”

“ก็คือ ก่อนหน้านี้หงจุ้นได้เชิญข้าเข้าร่วมกับนิกายเต๋าอี้ เพียงแต่ท่านก็รู้ว่าข้านั้นเป็นคนที่รักความสงบและไม่ชอบข้องแวะอะไร แต่ตอนนี้ข้ารับศิษย์และอายุเริ่มมากขึ้น คิดว่าคงถึงเวลาที่จะต้องตั้งตัวบ้าง ดังนั้น หงจุ้นจึงได้เชิญข้าและข้าก็ยอมรับแล้ว…”

“เดี๋ยวก่อน”

เมื่อฟังคำพูดของเฉิงชือ หงจุ้นยิ่งรู้สึกตึงเครียดมากขึ้น พอรู้ว่าจ้าจิ้งจอกเฒ่านี่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก ก็ยิ่งเห็นแบบนี้แล้วว่ามากแค่ไหน

เขารีบพูดขัด แต่ก็ไม่ทันเฉิงชือได้พูดออกมาหมดแล้ว

ส่วนทางด้านซื่อซงก็ยินดีมาก

เพราะ เซียนเฉิงชือไม่เพียงแต่มีความแข็งแกร่งที่ไม่แพ้ผู้นำทุกยอดเขาและผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายเต๋าอี้ แต่ยังมีพื้นเพสะอาดและมีคุณสมบัติเหมาะสมพูดได้ว่า เป็นหน้าเป็นตาให้สำนักได้เลย

และด้วยความสัมพันธ์อันยาวนาน การมีคนเช่นนี้เข้าร่วมจึงเป็นเรื่องดีสำหรับสำนัก

โดยไม่คิดอะไรมาก ซื่อซงจึงพยักหน้าเห็นด้วย

“การที่ท่านเฉิงชือเข้าร่วม นิกายเต๋าอี้ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้ข้าจะบอกกับเจ้าสำนักให้ ท่านเฉิงชือสามารถเข้ามาที่ยอดเขาหลักของเราและดำรงตำแหน่งหัวหน้าอาวุโสได้เลย”

ได้ตำแหน่งหัวหน้าอาวุโสทันที เฉิงชือสมควรได้รับ

แต่สำหรับเรื่องนี้ เฉิงชือปฏิเสธทันที

“ขอบคุณมาก แต่ข้ายังคงอยากอยู่ที่ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ เพราะข้ากับหงจุ้นรู้จักสนิทใกล้ชิดเสมือนพี่น้อง การเข้าร่วมกับนิกายเต๋าอี้ก็เพื่อเขา ยังไงก็หวังว่าท่านซื่อซงจะเข้าใจ”

พูดจบเฉิงชือยังไม่ลืมที่จะยิ้มให้กับหงจุ้นที่ดูหน้าตึงเครียด

เมื่อหงจุ้นเห็นรอยยิ้มนั้น เกือบจะอยากสักหมัดใส่จ้าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์สักพันครั้ง นี่มันแสดงเจตนาหลอกลวงกันชัดๆ

พูดแบบนี้เพราะว่าสนิทกับข้าหรือ? เป็นเพราะเสี่ยวหลงเปาที่กินเข้าไปต่างหาก! จิ้งจอกเฒ่านี่!

หงจุ้นไม่คาดคิดว่ารสอาหารของเย่ฉางชิงจะส่งอนุภาพถึงขนาดนี้ เพียงแค่เสี่ยวหลงเปา ก็ทำให้เฉิงชือที่ไม่เคยเข้าร่วมกับสำนักใดเลย ยินดีที่จะเข้าร่วมกับนิกายเต๋าอี้

จากนี้ไปจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกคน คู่แข่งตัวฉกาจที่จะมาแย่งชิงอาหารของเขา!

“ไม่ได้ ต้องรีบทำให้พวกมันออกไปให้ได้”

ขณะคิดเช่นนี้ หงจุ้นรู้สึกว่าต้องทำให้คนของซื่อซงออกไปโดยเร็ว มิฉะนั้นจะเปิดเผยเรื่องของฉางชิงและทำให้การแข่งขันยิ่งรุนแรงขึ้น

หงจุ้นเคยเป็นคนเดียวที่โดดเด่นที่ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครสามารถแข่งขันกับเขาได้ ทุกมื้ออาหารเขาจะมีถ้วยของตัวเองเสมอ

แต่ตอนนี้มีเฉิงชือเข้ามา เขาไม่ต้องการให้คนอื่นมาเพิ่ม มิฉะนั้นจะเป็นปัญหาแน่นอน

คิดถึงจุดนี้ หงจุ้นรีบหันไปที่ซื่อซงแล้วพูด

“พี่ใหญ่ ให้เฉิงชืออยู่ที่ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์เถอะ ยังไงก็เหมือนเข้าร่วมนิกายเต๋าอี้ไปแล้วแน่นอน”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉิงชือยิ่งกว้างขึ้น ขณะที่ซื่อซงพิจารณาสักพักแล้วพูด

“ก็จริง แต่หากมีเวลาเจ้าและท่านเฉิงชือควรแวะไปพบกับพี่ใหญ่ที่ยอดเขาหลัก สุดท้ายท่านเฉิงชือเข้าร่วมกับนิกายเต๋าอี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญ”

“แน่นอน!”

โดยไม่ลังเลหงจุ้นพยักหน้า แล้วเริ่มโน้มน้าวและเร่งรัดให้ซื่อซงและคนอื่นๆรีบกลับไป

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว หงจุ้นมองเฉิงชือด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ใครบอกว่าในชีวิตนี้จะต้องเป็นเซียนผู้บำเพ็ญเพียรกัน? คำพูดเหมือนผายลมเลยนะ”

“เอ้อ คนเรามักจะเปลี่ยนแปลงทุกวัน ข้าก็แค่ต้องการหาที่พึ่งให้กับศิษย์รักของข้าเท่านั้นเอง”

“พอแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าสักคำเดียว และอีกอย่างเจ้าติดหนี้ข้าเสี่ยวหลงเปา 2 ลูก”

“เฮ้ พูดถึงเรื่องนี้ มา! มา! เรากลับไปแล้วค่อยคุยกัน เรื่องการกินทานอาหารโรงครัวยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกี่โมง กินกี่มื้อ มีข้อกำหนดอะไรบ้าง”

พูดถึงการกินเฉิงชือกระตือรือร้นทันที เขาโอบไหล่หงจุ้นแล้วลากเขาไปที่ยอดเขา ขณะเดินทางมีคำถามมากมายทำให้สีหน้าของหงจุ้นยิ่งยากขึ้น

“อายุขนาดนี้ยังจะมาหยอกล้อกันเป็นเด็กอยู่ได้ไหม ปล่อยข้า!”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ อย่างน้อยเราเคยสหายร่วมต่อสู้ แบ่งแลกจอกเหล้าในสงคราม และเคยรำเพลงร่วมกัน…”

“ไปให้พ้น!” หงจุ้นตวาดสวนกลับไปทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด