บทที่ 466 โชคชะตาล้ำลึกของอี้ถิงเซิง
ตั้งแต่ที่เฉินโม่บรรลุถึงขั้นทองและสังหารถูเหรินหลงไปได้ เขาก็มีแผนการในใจแล้ว
การยึดครองพื้นที่เดิมของสำนักชิงหยางให้สมบูรณ์คือขั้นแรก ส่วนขั้นที่สองคือการไปเยือนสำนักหอควบคุมสัตว์วิญญาณและสำนักเนี่ยนหยู
แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องทำความเข้าใจให้ได้ก่อนว่า ทหารหัวมังกร มีที่มาอย่างไร!
หลังจากสั่งให้จั่วชิวหยุนที่อยู่กับอี้ถิงเซิงมาตลอดเดินออกไป เฉินโม่ก็พาสหายเก่าแก่ที่รู้จักกันมานานเกือบยี่สิบปีไปที่ตลาดโบราณกู่เฉิน
ปัจจุบัน ที่นี่กลายเป็นซากปรักหักพัง บ้านเรือนริมถนนเต็มไปด้วยวัชพืช พื้นที่รอบ ๆ นั้นเป็นไร่ที่มีร่องรอยถูกเผาไหม้ หากไม่รีบจัดการ ที่นี่คงกลายเป็นที่รกร้างในไม่ช้า
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปตามถนนที่คุ้นเคยโดยเริ่มต้นไม่มีใครพูดอะไร
จนกระทั่งผ่านไปนาน อี้ถิงเซิงจึงพูดขึ้นว่า
“สหายเฉิน บางครั้งข้าก็ห้ามปากตัวเองไม่ได้จริง ๆ”
“ถ้าเจ้าห้ามปากได้ ตอนนั้นเราจะรู้จักกันหรือ?”
เฉินโม่ยิ้มอย่างเรียบเฉย
ตลอดหลายปีนี้ เขาเคยครุ่นคิดอยู่บ้างว่า อี้ถิงเซิงเป็นคนที่มีโชคลาภล้ำลึกโดยกำเนิด ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถฆ่าคนเพียงลำพังจนกลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่หนีออกจากเขตลับเซินหนงได้
ในถ้ำลึกลับตอนนั้นเต็มไปด้วยสมบัติสุดวิเศษ แต่เขากลับไม่รู้จักพอและนำมันมาขายที่ตลาด
โชคดีที่ตลาดโบราณกู่เฉินเต็มไปด้วยผู้ฝึกปราณระดับต่ำที่ไม่เคยพบเห็นสมบัติมาก่อน ไม่เช่นนั้นเขาคงตายไปนานแล้ว
จากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปเมืองเป่ยเยว่ หรือการเข้าสู่เขตแดนลับเจี้ยนฉือฉี ทุกครั้งเขาก็สามารถผ่านพ้นอันตรายไปได้และได้รับประโยชน์มากมายอีกด้วย!
“ก็จริง” อี้ถิงเซิงหัวเราะและเกาหัว
“ข้ายังจำได้ดี เมล็ดพันธุ์ผลเทียนหยวน ขายเจ้าแค่ห้าตำลึงทรายวิญญาณ ตอนนั้นข้าช่างโง่จริง ๆ!”
“แต่ตอนนี้เจ้าก็ไม่สามารถเอาคืนได้แล้ว”
พวกเขาสามคนได้ใช้ชีวิตร่วมกันในถ้ำลึกลับหลายปีจนมีความสัมพันธ์ที่จริงใจต่อกัน
ไม่เช่นนั้น อี้ถิงเซิงคงไม่รับผิดชอบเรื่องยุ่งยากทั้งหมดไว้เพียงลำพังหลังจากที่รู้ตัวว่าเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมา
“ทหารหัวมังกร มีที่มาอย่างไรกันแน่?” เฉินโม่ถามขึ้นทันที
เมื่ออี้ถิงเซิงได้ยินคำถามนี้ หัวใจก็เต้นแรงขึ้น
แต่เดิมเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจั่วชิวหยุน แต่ไม่คาดคิดว่าคำถามแรกที่ออกมาจะเป็นเรื่องนี้!
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเริ่มพูดว่า
“ความจริงเกี่ยวกับที่มา ข้าก็ไม่รู้ชัดเจน แต่จากที่ข้าได้สัมผัสกับคนที่มาติดต่อ มันมีความไม่ปกติตอนแรกเขามาเจอข้าในช่วงหลายวันนั้น ทุกวันเขาวิ่งตามข้าอยู่ตลอด บอกให้ข้าเข้าร่วมกับเขา บอกว่าเราจะโค่นแคว้นอู๋ฉือกัน ข้าเพิ่งจะอยู่ขั้นสร้างรากฐานเอง ให้ข้าไปสู้กับผู้บรรลุขั้นเปลี่ยนจิต? คิดว่าข้าอยากไปตายหรือไง?”
ไม่กี่คำของอี้ถิงเซิงก็ทำลายความตึงเครียดไปหมด เขากลับกลายเป็นคนที่ชอบเล่าเรื่องไร้สาระเหมือนเดิม
“แล้วเจ้าตอบตกลงไหม?”
“ข้าไม่โง่พอจะตกลงหรอก!”
“ไม่ตกลง?” เฉินโม่แปลกใจ
“ใช่ ข้าจะตกลงไปทำไม!”
“เจ้าไม่ได้รับมรดกของเจี้ยนฉือฉีหรือ?”
อี้ถิงเซิงยักไหล่อย่างไม่สนใจ จากนั้นเขาก็หยิบดาบเฉียนเย่ขึ้นมา
“มรดกของวิถีดาบที่ไร้ค่าเช่นนี้ มีอะไรที่ควรค่าแก่การรับสืบทอด? ตอนนั้นข้าเข้าไปในเขตลับโดยไม่ได้ตั้งใจ พอเข้าไปแล้ว ดาบนี้ก็ติดตามข้า ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็สลัดมันไม่หลุด”
พูดจบเขาก็โยนดาบเฉียนเย่ไปอย่างแรง แต่ดาบนั้นเหมือนมีดวงตาเอง มันวนกลับมาหาเขาอีกครั้งหลังจากบินไปหลายลี้!
“ดูสิ! มันตามติดข้าไม่หยุดเลย!” อี้ถิงเซิงบ่นก่อนจะพูดต่อ
“ตอนนั้นมีเงาคนบอกข้าว่าถ้าข้ายอมรับมรดกนี้ ข้าจะสามารถบรรลุไปถึงขั้นทองได้ แต่ข้าคิดไปคิดมา ท้องฟ้าไม่มีทางมีผลวิญญาณตกลงมาแน่ เลยปฏิเสธทันทีไม่ได้ลังเลเลย”
“...” เฉินโม่รู้สึกพูดไม่ออก
คนอื่นเจอโอกาสเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถคว้ามาได้ แต่สำหรับอี้ถิงเซิง กลับมองว่ามันเป็นกับดัก?
แต่พอมาคิดดูดี ๆ มันก็ดูเหมือนจะเป็นกับดักจริง ๆ!
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“ข้าก็ออกมาแล้ว ดาบนี้ก็ตามติดข้า อาจจะเป็นเพราะดาบนี้ที่ทำให้ ทหารหัวมังกร มาหาข้า”
“แสดงว่าเจ้ามิได้ทำคำสาบานแห่งจิตใจ?”
“คำสาบานแห่งจิตใจคืออะไร?”
เฉินโม่ไม่อยากอธิบาย
“แล้วทำไม ทหารหัวมังกร ถึงจากไป?”
“เขาทำให้ข้าเปลี่ยนใจไม่ได้ เขาอารมณ์ไม่ดี ก็เลยจากไป”
หากคำพูดนี้มาจากปากของคนอื่นเฉินโม่คงต้องสงสัย
แต่เมื่อได้ยินจากปากของอี้ถิงเซิงแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นความจริง!
แต่ ทหารหัวมังกร ที่อยู่ขั้นทองแท้ ๆ กลับยอมจากไปทั้งที่เขาอยู่ขั้นสร้างรากฐานเพียงเพราะท่าทีที่ไม่ดีต่อกันเป็นไปได้ยังไง?
“แล้วเจ้าเข้าไปในเขตลับได้อย่างไร?” เฉินโม่ถามขึ้นทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
“ข้าก็ไม่รู้ พอสำรวจไปเรื่อยๆข้าก็เข้าไปอยู่ในนั้น...ใช่แล้ว! ตอนนั้นข้าเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง!”
“เสียงอะไร?”
“ไม่รู้”
“...”
การสื่อสารกับอี้ถิงเซิงนี้ช่างลำบากเหลือเกิน
“เจ้ามีวิธีติดต่อ ทหารหัวมังกรไหม?”
“มี” อี้ถิงเซิงหยิบท่อลมส่งเสียงขึ้นมา
“ตอนที่เขาจากไป เขาให้สิ่งนี้ไว้กับข้า บอกว่าถ้าข้าคิดได้เมื่อไหร่ ให้ติดต่อเขา”
เฉินโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ใช่การติดต่อทางเดียว?”
“แต่เดิมข้าก็คิดว่ามันจะเป็นการติดต่อทางเดียว แต่ไม่ใช่! เจ้านั่นมารบกวนข้าอยู่เรื่อย ๆ สุดท้ายข้าต้องโยนมันไว้ในแหวนเก็บของ”
เฉินโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเข้าใจความหมายของอี้ถิงเซิง
ปรากฏว่าการติดต่อทางเดียวที่อี้ถิงเซิงพูดถึงไม่เหมือนกับที่เขาเข้าใจ!
โดยปกติแล้ว ทหารหัวมังกรจะติดต่อกับผู้รับสืบทอดคนอื่นแบบทางเดียว แต่กับอี้ถิงเซิงกลับเป็นการติดต่อสองทาง
“เจ้าอยากเจอเขาไหม? ข้าจะเรียกเขามาให้เจ้าเอง”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” เฉินโม่ส่ายหัวและคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“รอให้ถึงสำนักหอควบคุมสัตว์วิญญาณก่อนค่อยติดต่อ”
“ได้ ข้าจะตามเจ้า”
“ตกลงนางเป็นใคร?”
“จั่วชิวหยุนหรือ” อี้ถิงเซิงตอบทันที
“มีที่มาอย่างไร?”
“นางบอกว่านางเป็นนักฝึกตนเร่ร่อน”
“นางพูดเจ้าก็เชื่อเลยหรือ? ข้ายังบอกได้ว่าข้าเป็นเซียนที่กลับมาเกิดใหม่!”
อี้ถิงเซิงมองเขาอย่างจริงจัง และพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว
“มันก็เป็นไปได้!”
“บ้าไปแล้ว!”
“จริง ๆ นางก็คงเหมือนข้าไม่มีบ้านน่าจะเป็นนักฝึกตนเร่ร่อน”
“นางปรากฏตัวเมื่อไหร่? ก่อนหรือหลังเข้าเขตลับ?”
“หลังจากนั้น” อี้ถิงเซิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พูดให้ชัดเจนคือนางปรากฏตัวหลังจากทหารหัวมังกรจากไป”
เฉินโม่ขมวดคิ้วทันที
“เป็นอะไรไป?”
“แบบนี้ต้องมีปัญหา!”
“ไม่น่ามีปัญหานะ?”
“แล้วเจ้าไม่เห็นอะไรเลยหรือไง?” เฉินโม่ทำหน้าเคร่งขรึม
“ทหารหัวมังกรพึ่งจากไป นางก็ปรากฏตัวทันทีต่อหน้าเจ้าและยังอยู่กับเจ้าไปด้วยกันเจ้ายังบอกว่าไม่มีปัญหางั้นหรือ?”
“จริง ๆ แล้วก็คงไม่มีปัญหา...”
“นี่เจ้า!”
เฉินโม่มองอีกฝ่ายอย่างโกรธเคืองอยากจะหยิบไม้ขึ้นมาฟาดให้สักที
“จริง ๆ แล้วข้า...ข้า...ข้ากับ...” อี้ถิงเซิงพูดอย่างอึดอัด และดูเหมือนจะลังเลไม่อยากพูดออกมา
“เจ้า...เจ้ากับนางทำอะไร?”
“ข้ากับนาง...ข้ากับนางได้ทำการฝึกตนคู่กันแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร...”
(จบบท)