บทที่ 20 ยังจะยืมเกวียนม้าอีกเหรอ?
“แกออกไปทั้งวัน ได้กลับมาแค่ฟืนไม่กี่ท่อน กับขนมตังกวยแค่หนึ่งกิโลกรัม? แล้วไอ้หนุ่มบ้านหลี่มันยังเก็บแกะกลับมาได้ทั้งตัว ทำไมไม่เห็นมีส่วนของแกบ้างเลย?”
เถาต้าเฉียงเดินกลับเข้าบ้านด้วยความดีใจ แต่ทันทีที่ส่งขนมตังกวยให้พ่อของเขา เถาเจี้ยนเซ่อ เขากลับโดนดุด่าอย่างรุนแรง
เถาต้าเฉียงถูกพ่อด่าจนมึนงงไปชั่วขณะ กว่าจะตั้งสติได้ก็รีบอธิบายว่า
“แกะนั่นหลงเกอเป็นคนได้มา มันก็ต้องเป็นของเขาสิครับ ผมแค่ไปช่วยเขา หลงเกอยังซื้อถุงมือให้ผมคู่หนึ่งด้วย!” เขาพยายามโชว์ถุงมือขนกระต่ายคู่ใหม่ให้พ่อดู
“แค่ถุงมือคู่เดียวก็ซื้อใจแกได้แล้วเหรอ!” เถาเจี้ยนเซ่อ เดิมทีก็รู้สึกดีอยู่หรอก แต่พอมีคนบอกว่าหลี่หลงลากแกะกลับมาบ้านตัวหนึ่ง เขาก็คิดว่าในเมื่อลูกชายของตนเองไปช่วยงาน จะอย่างไรก็น่าจะได้เนื้อแกะกลับมาบ้าง
“ก็ผมไปกินข้าวที่บ้านเขา แต่กลับมาบ้านตัวเองไม่มีข้าวกินซะงั้น! ปลาที่ผมจับมาเองฉันก็ยังไม่ได้กินเลย แล้วถ้าฉผมได้เนื้อกลับมา จะมีประโยชน์อะไร?” ก่อนหน้านี้เถาต้าเฉียงไม่กล้าเถียงพ่อ แต่วันนี้กลับบ้านมาก็ยังไม่มีข้าวกิน ปลาเองก็หายไปแล้ว เขาอดไม่ได้จึงตะโกนใส่พ่อว่า:
“อย่างน้อยเขายังให้ของกับผมบ้าง!”
ลูกชายกล้าตะโกนใส่ตัวเอง เถาเจี้ยนเซ่อถึงกับชะงักไปชั่วขณะ สายตาลุกวูบ ก่อนจะหยิบกล้องยาเส้นขึ้นมาฟาดไปที่หัวของเถาต้าเฉียง:
“ไปข้างนอกแค่สองวัน ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ? กล้าเถียงพ่อแกแล้วสินะ? ถ้าแกเก่งจริงก็ไปอยู่บ้านคนอื่นสิ! ถ้าเก่งจริงก็อย่าใช้นามสกุลเถา! ในเมื่อแกใช้นามสกุลเถา ในเมื่อแกอยู่ในบ้านนี้ บ้านนี้ก็มีกฎของมัน! อยากกินไหมล่ะ? ก็ไปทำเองสิ!”
เถาต้าเฉียงหอบหายใจด้วยความอัดอั้น เถาเจี้ยนเซ่อเองก็โมโหจนไอไม่หยุด ตอนนั้นเองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครน่ะ?” เถาเจี้ยนเซ่อถามอย่างอารมณ์เสีย
“เจี้ยนเซ่อซู นี่ผมเอง หลี่หลง” เสียงของหลี่หลงดังมาจากข้างนอก
เถาเจี้ยนเซ่อถึงกับตกใจ ไม่ทันไรยังนินทาเขาอยู่เลย ตอนนี้คนตัวจริงกลับอยู่หน้าประตูซะแล้ว
เขาอึ้งพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่งสายตาให้เถาต้าเฉียง
เถาต้าเฉียงไม่ได้เห็นสายตาของพ่อ แต่เขาก็เดินไปเปิดประตู
“เจี้ยนเซ่อซู ต้าเฉียง แกะที่ถูกแช่แข็งเราละลายมันแล้ว ขานี้เป็นของต้าเฉียง” หลี่หลงถือขาแกะยื่นให้เถาต้าเฉียงแล้วพูดกับเถาเจี้ยนเซ่อว่า “เจี้ยนเซ่อซู ไม่ต้องห่วงครับ เนื้อแกะนี้ดี กินได้ครับ บ้านเรากำลังต้มซุปเครื่องในแกะอยู่เลย”
“เสี่ยวหลง ขอโทษทีที่ทำให้ลำบากถึงขั้นต้องเอาขาแกะมาให้ ขอโทษจริงๆนะ” เถาเจี้ยนเซ่อรู้สึกอับอาย รีบลุกขึ้นมาพูด “แค่ให้ต้าเฉียงเอามาก็พอแล้ว... เชิญเข้ามานั่งก่อนสิ”
“ไม่ล่ะครับ ผมต้องไปบ้านหัวหน้าทีมต่อ พรุ่งนี้ยังต้องใช้เกวียนม้าอยู่ ต้องไปบอกเขาไว้ก่อน”
“พรุ่งนี้จะไปอีกเหรอ?” เถาเจี้ยนเซ่อได้ยินก็ถามขึ้นทันที “แล้วจะพาต้าเฉียงไปด้วยไหม?”
หลี่หลงมองไปที่เถาต้าเฉียงแล้วถามว่า
“ต้าเฉียง แล้วพรุ่งนี้นายจะ...”
“พรุ่งนี้เช้าผมจะไปหาพี่ที่บ้าน” เถาต้าเฉียงพูด
“ได้ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะรอนาย”
หลี่หลงเดินออกไป เขาดึงขาแกะอีกขาหนึ่งขึ้นมาจากกองหิมะแล้วเดินไปบ้านของสวีเฉิงจวิน
“นายบอกว่ายังจะยืมเกวียนม้าอีกเหรอ?” สวีเฉิงจวินมองขาแกะที่หลี่หลงนำมาให้ด้วยท่าทางลังเล “แล้วเรื่องค่าแรง...”
“ผมจ่ายตามเดิม” หลี่หลงชี้ไปที่ขาแกะแล้วพูดว่า “ขาแกะนี้สะอาดดีครับ แกะที่ตายเพราะหนาวในภูเขา เป็นของชาวปศุสัตว์ ผมถามเขาเรียบร้อยแล้วครับ บ้านเราก็กำลังต้มซุปเครื่องในแกะอยู่ กินได้ครับ”
“ได้ นายวางค่าแรงไว้ ฉันจะเขียนใบให้ แต่ว่าพรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนม้าตัวใหม่นะ”
“หัวหน้าจะว่าไง ผมก็ว่าตามนั้นครับ” หลี่หลงยิ้มพลางหยิบเงินออกมาจ่าย
ที่บ้านหลี่ หลี่เจวียนและหลี่เฉียงกำลังกินขนมตังกวยไปพลางมองซุปเครื่องในแกะในหม้อไปด้วย
“หลงเปลี่ยนไปมากจริง ๆ” เหลียงเยวี่ยเหมยพูดอย่างประหลาดใจ “พรุ่งนี้ต้องไปยืมเกวียนม้าอีก เขารู้จักเอาขาแกะไปให้หัวหน้าทีมด้วย ไม่รู้ว่าหัวหน้าทีมกล้ากินหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรที่กินไม่ได้หรอก” หลี่เจี้ยนกั๋วพูดขณะกำลังแยกเนื้อแกะออกมา หนังแกะถูกแขวนไว้ข้างนอกให้แช่แข็งแล้ว เครื่องในเป็นอย่างแรกที่ต้องจัดการ กลิ่นคาวอ่อน ๆ และกลิ่นหอมของเครื่องในแกะต้มลอยไปทั่วบ้าน
“ตามที่เสี่ยวหลงบอก พรุ่งนี้ไม่แน่อาจได้แกะกลับมาอีก บ้านเราก็คงผ่านฤดูหนาวไปได้ดีแล้ว แค่เนื้อแกะไม่ค่อยอ้วนเท่าไหร่...”
“มีเนื้อกินก็ดีแล้ว แรก ๆ ก็คิดว่าฤดูหนาวปีนี้คงลำบาก” หลี่เจี้ยนกั๋วยิ้มแล้วพูด “มีปลา มีแกะ มีไก่ มันก็พอแล้ว ชีวิตแบบนี้ที่แม้แต่เซียนก็ไม่ขอแลกเลย!”
“จริงอย่างที่พี่พูดเลย! ปีนี้เราคงได้ฉลองปีใหม่อย่างดีเลย” เหลียงเยวี่ยเหมยพูดอย่างมีความสุข “ฟืนก็ไม่ขาดแล้ว เสี่ยวหลงเก่งจริง ๆ!”
“เฮ้อ ฉันเองก็ไม่คิดว่าเสี่ยวหลงจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
“ลุงบอกว่าจะไปจับปลาเอาไปขายที่อำเภอด้วยนะ” หลี่เฉียงพูดแทรกขึ้นมา “บอกว่าปลาหนึ่งตัวขายได้ตั้งหนึ่งหยวนกว่า!”
หลี่เจี้ยนกั๋วและเหลียงเยวี่ยเหมยมองหน้ากัน แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลี่หลงจะเป็นคนขายของเป็นได้จริงๆเหรอ?
คิดถึงเรื่องเมื่อก่อนก็คงไม่ใช่
แต่สองสามวันที่ผ่านมามันก็พูดยากเหมือนกัน
ไม่นานนัก หลี่หลงก็เปิดประตูเดินเข้ามาในบ้าน
“จัดการเรื่องเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” หลี่เจี้ยนกั๋วหยุดหั่นเนื้อแล้วเงยหน้าขึ้นถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ” หลี่หลงตอบ “พรุ่งนี้เช้าต้องไปอีก”
พูดจบเขาก็หยิบเงินสิบหยวนออกมายื่นให้เหลียงเยวี่ยเหมย
“พี่สะใภ้ นี่เงินสิบหยวนที่ผมได้มาในวันนี้ พี่เอาไว้เถอะ”
“ฉันรับเงินนี้ไว้ไม่ได้หรอก” เหลียงเยวี่ยเหมยรีบโบกมือ “ก่อนหน้านี้นายก็ให้ตั้งสิบหยวนแล้ว บ้านเราก็ไม่ได้ขัดสนอะไร นายเก็บไว้เถอะ”
“พี่สะใภ้ รับไว้ก่อน ฟังผมพูดก่อน” หลี่หลงยัดเงินกลับไป “ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่ชาย”
เหลียงเยวี่ยเหมยมองหลี่เจี้ยนกั๋ว หลี่เจี้ยนกั๋วพยักหน้าพูดว่า
“เธอรับไว้เถอะ เสี่ยวหลงว่ามาสิ มีเรื่องอะไร?”
“วันนี้ผมไปบ้านชาวปศุสัตว์มา เขามีปืน แต่ไม่มีลูกกระสุน บอกว่ามีหมาป่า ผมคิดว่าพี่น่าจะมีลูกกระสุนของปืนกึ่งอัตโนมัติรุ่น 56 อยู่บ้าง ขอผมสักหน่อยได้ไหมครับ?”
“มีอยู่สักสิบกว่านัด นายเอาไปเถอะ” หลี่เจี้ยนกั๋วลุกขึ้นมา เขาถอดพวงกุญแจออกมาจากเอว หยิบกุญแจออกมากุญแจหนึ่งแล้วเดินไปเปิดตู้เก็บของที่มุมห้อง หยิบห่อกระดาษออกมาแล้วยื่นให้หลี่หลง
ตู้เก็บของใบนี้เป็นตู้ไม้ที่หลี่เจี้ยนกั๋วทำขึ้นมาตอนแต่งงาน ตอนนี้เริ่มมีสีถลอกบ้างแล้ว แต่ก็ยังใช้ได้ดี สิ่งของมีค่าของบ้านนี้ล้วนถูกเก็บไว้ในตู้ใบนี้
“พวกเขาให้แกะแช่แข็งนี้มา เราก็ต้องขอบคุณเขา” เหลียงเยวี่ยเหมยรู้ว่าแกะนี้มาจากบ้านของฮาริม เธอจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าไปที่นั่นอีก ก็ซื้อชาอิฐไปให้พวกเขาสักหน่อย”
แกะตัวหนึ่งราคาเป็นสิบหยวน ในขณะที่ชาอิฐราคาแค่หยวนสองหยวน จะให้แต่ได้เปรียบคนอื่นไม่ได้หรอก ความคิดของเหลียงเยวี่ยเหมยก็เรียบง่ายแบบนี้
“ผมรู้แล้ว” หลี่หลงพยักหน้า “ในภูเขามีของมีค่าเยอะ เก็บเกี่ยวมาได้มากพอ บ้านเราก็จะรวยขึ้นได้”
“พ่อ ตอนที่กินขาแกะ ช่วยแบ่งหินขาแกะ(เป็นของเล่นดั้งเดิมในชนบทของจีน ซึ่งทำมาจากกระดูกขาแกะ มีวิธีการเล่นหลายรูปแบบคล้ายกับการเล่นลูกหินหรือหมากเก็บในบ้านเรา)ให้ฉันกับน้องคนละอันนะ” หลี่เจวียนเห็นหลี่เจี้ยนกั๋วกำลังแล่เนื้อแกะอยู่ก็รีบพูดขึ้นทันที
หลี่หลงนึกถึงตอนที่เห็นนาซันเล่นหินขาแกะที่บ้านฮาริม แล้วก็ใจเต้นขึ้นมา
ในกระโจมของฮาริมมี มีหินขาแกะอยู่หลายสิบอัน ขอมาเล่นสักสองสามอันคงไม่มีปัญหาหรอกนะ
สมัยนี้ของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิงหายากมาก ถ้ามีหินขาแกะให้จับเล่นได้สักสองสามอัน คงจะได้เป็นเหมือนเจ้าหญิงในหมู่เด็กๆไม่ต่างจากพวกเด็กผู้ชายที่มีวัวเหล็กสองตัวไว้เล่นเลย
ค่ำคืนวันนั้น บ้านหลายหลังในทีมผลิตต่างก็พูดถึงเรื่องของบ้านหลี่
หลายคนถึงกับนอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้เลยทีเดียว
(จบบท)