ตอนที่แล้วบทที่ 18 ความมุ่งมั่นของหัวหน้าหมู่บ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 หัวหน้าหมู่บ้านหวังมาขอความช่วยเหลือ

บทที่ 19 นี่จะปีใหม่แล้วหรือ?


โจวอี้หมินเดินเล่นไปทั่วหมู่บ้าน ระหว่างทางก็เจอเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้ไปเก็บผลไม้ป่ามาจากไหน พวกเขาแบ่งผลไม้เล็กๆ หลายลูกให้เขา บอกว่าอร่อยมาก

เขามองแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นผลไม้ที่เรียกว่า ผลโทงเทง ซึ่งผลไม้ชนิดนี้มีรสชาติเปรี้ยวมาก

ความจริงแล้วมันเปรี้ยวจริงๆ แต่ก็มีรสหวานเล็กน้อย ถ้าจำไม่ผิดมันมีอีกชื่อว่า ซวงเจียง จะไม่ให้เปรี้ยวได้ยังไง?

“พวกเธอยังกล้ากินเจ้าสิ่งนี้อีกเหรอ? ไม่กลัวถูกพ่อแม่ตีหรือไง?” โจวอี้หมินพูดยิ้มๆ

ของเปรี้ยวถ้ากินมากก็จะหิวมากขึ้น ในเมื่อแต่ละวันยังแทบไม่มีอะไรกิน แล้วพวกเธอยังกินของพวกนี้อีก ถ้าไม่ถูกตีสิแปลก คงเพราะมีรสหวานเล็กน้อย เด็กๆ ถึงได้ไม่อยากทิ้ง

“ลุงสิบหก ผมยังจับไอ้นี่ได้อีกนะ” เด็กคนหนึ่งพูดพลางควักหนูตัวหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ

โจวอี้หมินถึงกับขนลุกไปทั้งตัว

เด็กคนอื่นๆ มองหนูตัวนั้นด้วยความอิจฉา

ในสายตาของพวกเขา นั่นคือเนื้อดีๆ นั่นเอง!

“โอเค เห็นแล้ว เธอเก่งมาก รีบกลับบ้านกันเถอะ” โจวอี้หมินบอกกับพวกเขา

เขาไม่ได้บอกให้เด็กๆ เลิกกินหนูเพราะมันไม่สะอาด เรื่องแบบนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ในยุคนี้คนยังเคยกัดกินเปลือกไม้กันมาแล้ว ใครจะมาสนเรื่องความสะอาด

“พี่ใหญ่ เนื้อหนูอร่อยมากนะ ผมรู้ว่าตรงไหนมีอีกตัว เดี๋ยวผมพาไปจับ” ไลฝูพูดอย่างกระตือรือร้น

นั่นเป็นรูหนูที่เขากับน้องชายเจอ เป็นที่ลับตาคน ไม่มีใครรู้จัก

“ผมก็รู้ ผมก็รู้! พี่ใหญ่ ผมพาไปจับได้” ไลไฉรีบพูดแสดงความดีความชอบ กลัวว่าพี่ชายจะได้หน้าไป

“จะจับหนูทำไม? ที่บ้านไม่มีกินหรือไง? กลับบ้านไปได้แล้ว” โจวอี้หมินถลึงตาใส่ไลฝู

พอกลับถึงบ้าน โจวอี้หมินก็เห็นชายคนที่พูดจาไม่เข้าหูเมื่อก่อนนี้กำลังถูกพ่อตีอยู่ พ่อเขาไม่ออมมือเลยด้วย ไม้เรียวหักไปแล้วหนึ่งอัน

ปู่ของโจวอี้หมินยืนมองอยู่ข้างๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะห้ามปราม

“ปากไม่มีหูรูดก็หุบปากไว้ อยากเป็นใบ้หรือไง?” พ่อของเด็กหนุ่มพูดด่าลูกไปพร้อมกับตี

พอปู่เห็นหลานชายกลับมา จึงยอมปล่อยพวกเขาไป สีหน้าบึ้งตึง “กลับไปได้แล้ว! คราวหลังพูดอะไรระวังปากหน่อย”

พ่อลูกคู่นั้นถึงถอนหายใจโล่งอก

ถึงทุกคนจะใช้นามสกุลโจวเหมือนกัน แต่ปู่ของโจวอี้หมินมีศักดิ์สูงมาก แม้แต่คนที่อายุมากกว่าก็ต้องเรียกท่านว่าลุง และการที่โจวอี้หมินช่วยเหลือหมู่บ้านถึงสองครั้งสามครั้งจนเป็นที่ยอมรับของทุกคนในหมู่บ้าน พวกเขาจึงไม่กล้ามีเรื่องด้วย

“ลุงสิบหก ไอ้เด็กนี่ไม่มีสมอง อย่าถือโทษเลยนะ” ชายวัยกลางคนรีบขอโทษโจวอี้หมิน

โจวอี้หมินเพิ่งรู้สึกว่าตนเองมีศักดิ์สูงแค่ไหนในหมู่บ้าน คนอายุสี่สิบกว่าๆ ยังเรียกเขาว่าลุงสิบหก อีกทั้งโจวอี้หมินก็ไม่รู้จักพวกเขาด้วยซ้ำ

เขาโบกมือ “สกุลโจวเหมือนกัน คุยกันดีๆ ก็พอแล้ว อย่าตีเขาเลย”

เขาหาทางออกให้

“ใช่ๆๆ คุยกันเรียบร้อยแล้ว” ชายวัยกลางคนรีบตอบรับ

พูดพลางตีหัวลูกชายอีกหนึ่งที “ปากมีไว้ทำไม? ทำไมไม่เรียกท่านปู่รอง?”

เด็กหนุ่มรู้สึกน้อยใจ จะพูดก็โดนตี ไม่พูดก็โดนตี ลำบากใจจริงๆ

การเรียกท่านปู่รองนั้นเป็นอะไรที่ยากเย็นมาก

“ท่านปู่รอง!”

โจวอี้หมินนึกขำในใจ คนอายุไล่เลี่ยกันยังต้องเรียกเขาว่าปู่รอง ถ้าอีกหน่อยเขามีลูกขึ้นมา จะต้องเรียกเขาว่า ปู่ทวดงั้นเหรอ?

เขาหยิบซองบุหรี่ออกมา แล้วแบ่งให้พ่อลูกคนละมวน

“เข้าใจตรงกันก็ดีแล้ว ญาติพี่น้องกัน มีเวลาก็แวะมานั่งเล่นที่บ้านบ้างนะ”

“ได้ๆๆ”

หลังจากพ่อลูกกลับไปแล้ว ปู่ของโจวอี้หมินก็ยิ้มออกมา “อี้หมิน หิวแล้วใช่ไหม? เดี๋ยวให้ย่าของเจ้าไปทำข้าวให้กิน”

ความหิวแบบหนึ่งคือการที่ปู่ย่าคิดว่าเราหิวนั่นเอง

โจวอี้หมิน “คุณปู่ครับ ย่าของผมก็อายุมากแล้ว เดี๋ยวผมทำเองดีกว่า คุณปู่กับคุณย่ารอกินเฉยๆ ก็พอ มาลองชิมฝีมือหลานชายดูบ้าง”

“ดีๆ! ปู่โชคดีจริงๆ” ปู่ของเขายิ้มกว้างขึ้นอีก

ในใจเขารู้สึกภูมิใจมาก ลูกชายอาจไม่เอาไหน แต่หลานชายกลับเป็นคนดีมีความกตัญญู พวกเขารู้สึกขอบคุณลูกสะใภ้ ซึ่งก็คือแม่ของโจวอี้หมิน ที่ให้กำเนิดหลานชายดีๆคนนี้แก่พวกเขา

น่าเสียดายที่ลูกสะใภ้ไม่ได้อยู่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ต้องจากไปเสียก่อน

“อ้อ! นี่เงิน 10 หยวนที่ต้าจิ้งให้มา เอาไปใช้เถอะ”

จริงๆ แล้วโจวต้าจิ้งนำเงินที่ให้มาทั้งแบงก์ย่อยเยอะแยะเต็มไปหมด ปู่จึงแลกเป็นแบงก์ 10 หยวน เพื่อให้หลานชายใช้สะดวก

โจวอี้หมินไม่ได้รับ “คุณปู่เก็บไว้เถอะครับ พ่อทิ้งเงินไว้ให้ผมเยอะมาก เกือบพันหยวน ใช้ไม่หมดหรอก”

พอได้ยินว่าลูกชายทิ้งเงินไว้ให้หลานก่อนหนีไปกับแม่ม่าย ปู่ก็ถอนหายใจ “ไอ้หมอนั่น อย่างน้อยก็ยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง”

ปู่บ่นลูกชายเป็นประจำ

แต่เขาก็ยัดเงิน 10 หยวนใส่มือหลานอยู่ดี

ไม่ใช่แค่เงิน 10 หยวนนี้เท่านั้น ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาในอนาคตก็จะตกเป็นของหลานชายคนโต พวกเขาอยู่ในหมู่บ้าน แทบไม่ได้ใช้เงินเลยด้วยซ้ำ

โจวอี้หมินเข้าไปในครัว มองดูวัตถุดิบในครัว ซึ่งมีไม่มากเท่าไร ก็ต้องทำใจใช้เท่าที่มี

ไลฝูเดินเข้ามาช่วยก่อไฟ

“ผมก็ช่วยพี่ใหญ่ได้” ไลไฉไม่ยอมแพ้

ไลฝางเองก็กลัวเสียหน้า กอดฟืนท่อนหนึ่งแล้ววิ่งเข้ามา

โจวอี้หมินล้างข้าวก่อน แล้วจึงหุงข้าว โดยนับรวมครอบครัวของลุงสามด้วย

เนื้อหมูที่เขานำมาครั้งก่อนถูกคุณปู่กับคุณย่าทำเป็นเนื้อแห้งเก็บไว้แล้ว ที่จริงจะเรียกว่าเนื้อแห้งก็ไม่ได้ เพราะตากไว้แค่สองสามวันเท่านั้น

เขาจึงหั่นออกมาสักสองจิน (ประมาณ 1 กิโลกรัม) ถ้าปู่ย่าของเขาเห็นเข้าก็คงจะอดปวดใจไม่ได้ว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป

จากนั้นโจวอี้หมินก็ออกไปดูแปลงผักในสวน ซึ่งผักมีไม่หลากหลาย แถมยังโตไม่ดีอีก เขาถอนต้นหอมขึ้นมาหลายต้น เอามาผัดกับหมูแดดเดียวกำลังดี

จากนั้นก็เด็ดใบผักใบเขียวมาเล็กน้อย จะเด็ดทั้งต้นไม่ได้เพราะผักมีน้อยมากอยู่แล้ว

เขาจึงตัดสินใจทำเมนู ต้นหอมผัดหมูแดดเดียว ไข่ตุ๋น แล้วก็ผัดผักใบเขียว

พอคุณปู่กับคุณย่าได้กลิ่นหอมแล้วรีบเข้ามา ก็เห็นว่าไม่ทันเสียแล้ว

นี่จะปีใหม่หรือไง? ถึงได้ทำอาหารดีขนาดนี้

ทั้งข้าวขาว ทั้งไข่ ทั้งเนื้อ แถมน้ำมันที่ใช้ผัดผักก็ดูเยอะเกินไป ย่ามองดูแล้วได้แต่ถอนหายใจ ส่วนป้าสามก็มองอย่างไม่เชื่อสายตา หลานชายช่างไม่รู้จักประหยัดเสียจริงๆ!

“พี่ใหญ่ หอมจังเลย!” ไลฝูพูดอย่างตื่นเต้น

ไลไฉสูดน้ำมูกเข้าไป “พี่ใหญ่ ทำอาหารอร่อยกว่าที่แม่ทำอีก”

ไลฝางมองไปที่จานเนื้อ น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว

ป้าสามได้แต่ยิ้มแบบไม่รู้จะพูดยังไง ก็ทั้งไข่ ทั้งเนื้อ จะไม่หอมได้ยังไง?

ใส่น้ำมันเยอะขนาดนี้ เอารองเท้ามาผัดก็คงหอม!

“ลุงสามเลิกงานกี่โมง? เรียกเขามากินข้าวด้วยสิ” โจวอี้หมินถาม

แม้ว่าตอนนี้ในโรงอาหารของหมู่บ้านจะมีอาหารอยู่บ้าง แต่ก็มีแค่เผือกกับมันฝรั่ง จะให้กินอิ่มได้ยังไง?

“ได้ เดี๋ยวฉันไปตามเขามา” ป้าสามรีบวิ่งออกไปทันที

มื้อนี้ถ้าไม่เรียกหัวหน้าครอบครัวมากิน เขาคงจะบ่นไปอีกนาน

“อี้หมิน เอาไว้ให้ย่าทำกับข้าวให้เหมือนเดิมดีกว่านะ” ย่าพูดอ้อมๆ

น้ำมันที่บ้านมีอยู่แค่ถังเดียว คงไม่พอใช้ไปนานเท่าไร แต่เธอก็ไม่กล้าพูดตรงๆเพราะกลัวหลานจะไม่พอใจและไม่กลับมาหาบ่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ดีแน่

โจวอี้หมินรู้ว่าย่าห่วงเรื่องอะไร เขาจึงพูดยิ้มๆ “คุณย่าครับ! เดี๋ยวกินข้าวเสร็จผมจะไปที่โรงงาน ช่วยงานหมู่บ้านแล้วจะซื้อน้ำมันถังใหญ่มาเลย

ต่อไป คุณปู่กับคุณย่าไม่ต้องห่วงเรื่องกินอีกแล้ว ของกินอะไรก็ตาม ผมหามาได้หมด”

น้ำมันหมูก็พอจะกินได้อีกพักใหญ่ เพราะเมื่อสองสามวันก่อนปู่เพิ่งเคี่ยวน้ำมันออกมา ยังไม่ได้ใช้มากนัก

(จบบท)

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด