ตอนที่แล้วบทที่ 17 โรงแรมได้รับการอัปเกรดเป็นระดับ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 วุ้นเย็นรสกุหลาบพันปี

บทที่ 18 ปะ… ปั้นคนขึ้นมา?


บทที่ 18 ปะ… ปั้นคนขึ้นมา?

ฟังก์ชันการจัดการร้านอาหารประกอบด้วย การออกแบบเมนู และการซื้อสูตรอาหาร

ปัจจุบัน เมนูอาหารของร้านอาหารสามารถใส่ได้ทั้งหมด 7 อย่าง ได้แก่ อาหารจานหลัก 2 อย่าง เครื่องเคียง 3 อย่าง ซุป 1 อย่าง และของว่าง 1 อย่าง

อย่างไรก็ตาม จำนวนการซื้อสูตรอาหารนั้นไม่มีข้อจำกัดใด ๆ

เฟิงหยวนหนิงได้สำรวจดูในร้านค้าสูตรอาหาร และพบว่ามีสูตรอาหารให้เลือกมากมายนับไม่ถ้วน จนแทบเลื่อนดูไม่หวาดไม่ไหว โชคดีที่มีฟังก์ชันค้นหาช่วยชีวิตเธอไว้

เธอเริ่มต้นด้วยการค้นหาปลาต้มพริก (ซุป) และซื้อสูตรมาในราคา 3 ตำลึง

หลังจากซื้อสูตรอาหารที่ต้องใช้สำหรับภารกิจแล้ว เธอก็เริ่มนึกถึงอาหารที่ตัวเองชอบ

สเต๊กเนื้อสันใน (อาหารจานหลัก) ข้าวผัดสับปะรด (อาหารจานหลัก) กุ้งมังกรน้ำจืดผัดซอสหมาล่า (เครื่องเคียง) ไก่ผัดพริกแห้ง (เครื่องเคียง) ยำสามมิตร (เครื่องเคียง) วุ้นเย็นรสกุหลาบพันปี (ของหวาน)

แม้ว่าจะผสมผสานทั้งอาหารจีนและอาหารตะวันตกจนดูไม่เข้ากัน แต่เนื่องจากคนในโลกวรยุทธ์ไม่รู้จักอาหารเหล่านี้ เธอจึงไม่ได้สนใจมากนัก และรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำตามใจตัวเอง

หลังจากซื้อสูตรอาหารแล้ว เธอก็สามารถทำอาหารเหล่านั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม

จากนั้น เธอเลือกแบบแผนการออกแบบเมนูหนึ่ง และนำอาหารทั้ง 7 อย่างที่ซื้อมาใส่ลงไป จากนั้นระบบก็พิมพ์เมนูออกมาทั้งหมด 30 ชุด

รวมแล้วเธอใช้เงินไปทั้งหมด 24 + 40 = 64 ตำลึง โดย 24 ตำลึงใช้ซื้อสูตรอาหาร และ 40 ตำลึงใช้ซื้อห้องพัก

ตอนแรกที่สร้างโรงแรม เธอไม่ได้ลงทุนเงินเลยสักแดงเดียว และคิดว่าเงินทองไม่มีประโยชน์อะไร

แต่ตอนนี้เธอตระหนักได้แล้วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น

ดูเหมือนว่าเพื่อไม่ให้เงินที่ใช้ไปต้องสูญเปล่า เธอคงต้องคิดหาวิธีดึงเงินจากลูกค้าให้คุ้มค่าที่สุดแล้วล่ะ

หลังจากพิมพ์เมนูเสร็จแล้ว เธอก็เก็บเมนูไว้ก่อน แล้วเข้าไปยังระบบการจ้างงาน

แต่แล้วเธอก็พบว่าการจ้างงานไม่ได้สุ่มเลือกพนักงาน แต่ต้องสร้างตัวละครขึ้นมาเอง โดยออกแบบรูปลักษณ์ เสื้อผ้า และบุคลิกภาพของตัวละครนั้น ๆ

มันดูน่าสนุกทีเดียว

เธอรู้สึกตื่นเต้นและเริ่มสร้างตัวละครขึ้นมาทันที จนหลงลืมเวลาไปชั่วขณะ

ณ ลานบ้าน

สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ โชยกลิ่นหอมสดชื่นของต้นไม้ใบหญ้าไปทั่วบริเวณ

ซ่งอวี้หลวนนั่งอยู่บนม้านั่ง กำลังกินมันฝรั่งทอดกรอบอย่างเอร็ดอร่อย แม้จะกินไปหลายแผ่นแล้วก็ยังรู้สึกไม่อิ่ม

แต่เธอสามารถลิ้มรสชาติที่เข้มข้นของมันได้ชัดเจน มีความเค็มและเผ็ดเล็กน้อย ซึ่งอร่อยมาก แถมกินเยอะแค่ไหนก็ไม่อิ่มอีกด้วย

หากให้เป็นของว่างกินเล่นทั่วไป อาหารแบบนี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว แต่เสียดายที่ตอนนี้เธอกำลังหิวมาก

และถุงมันฝรั่งทอดถุงนี้ก็เป็นอาหารถุงสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้วด้วย

เถ้าแก่ยังคงไม่เปิดประตู ทำให้ลูกค้าทุกคนออกไปไม่ได้ และคนภายนอกก็เข้ามาไม่ได้เช่นกัน

หลังจากกินมันฝรั่งทอดที่ไม่มีประโยชน์นี้หมดแล้ว เธอคงต้องอดทนกับความหิวต่อไป

เช้าวันนี้ เธอตื่นเช้าตามปกติ แต่กลับพบว่าหลิงจิ่งไม่ได้อยู่ในห้อง

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดสินใจลุกออกจากเตียงนุ่ม ๆ แสนสบาย

เมื่อลงมาถึงล็อบบี้ของโรงแรม เธอพบว่าประตูถูกปิดโดยพลังงานบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ และไม่สามารถเปิดออกได้ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน

เนื่องจากประตูถูกปิดตายแบบนี้ แสดงว่าศิษย์พี่ชายหลิงจิ่งยังต้องอยู่ในโรงแรม

อาจจะกำลังฝึกฝนหนักอยู่ในลานบ้านหรือเปล่านะ? พอคิดได้แบบนี้เธอก็รู้สึกโล่งใจ

เธอจึงไปตามหาหลิงจิ่งที่ลานบ้าน และพบตัวเขาตามที่คาดการณ์ไว้

เมื่อมองจากด้านหลัง เห็นเขาเหงื่อท่วมตัวและกำลังยกบาร์เบลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่าทางขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนทำให้เธออดที่จะชื่นชมไม่ได้

ซ่งอวี้หลวนจึงกล่าวด้วยความดีใจว่า “ศิษย์พี่ชาย หาตัวเจอสักที! นี่มาฝึกฝนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แล้วได้กินอะไรบ้างไหม?”

“ยังไม่ได้กินอะไรเลย ข้าฝึกมาตลอดทั้งคืน” หลิงจิ่งวางบาร์เบลลงแล้วพยายามลืมตาโตมองเธอ ราวกับจะล้มลงนอนได้ทุกเมื่อ

ดวงตาของเขาแดงก่ำ ผมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และมีเม็ดเหงื่อไหลย้อยจากหางคิ้ว ดูโทรมมาก

“…” ซ่งอวี้หลวนตกใจจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ศิษย์พี่ชาย พักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะขึ้นไปหาอะไรมาให้กิน เจ้ารออยู่ตรงนี้นะ ข้าจะรีบกลับมา”

แต่พอขึ้นไปดูชั้นบน เธอก็พบว่าอาหารที่ซื้อมาเหลืออยู่น้อยมากแล้ว ไม่มีทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและหม้อไฟสำเร็จรูป มีเพียงของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่น่าทำให้อิ่มได้

ของว่างที่หลิงจิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้ เธอกินไปเกือบหมดแล้ว จนเหลืออยู่ไม่มาก

ซ่งอวี้หลวนนึกย้อนกลับไปก็รู้สึกละอายใจ เมื่อวานนี้เธอกินเข้าไปเยอะขนาดนั้นได้ยังไง? ไม่ ๆ ๆ นั่นต้องไม่ใช่เธอ เมื่อวานเธอคงถูกผีสางที่หิวโหยเข้าสิง ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของผีตนนั้น ไม่ใช่ความผิดของเธอ

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงไปชั้นล่างพร้อมกับขนมเหล่านี้ แล้วแบ่งให้ศิษย์พี่ชายกินเพื่อประทังชีวิต

ตอนนี้เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเถ้าแก่จะรีบมาเปิดร้านโดยเร็ว เพื่อช่วยชีวิตเธอที่กำลังจะตายเพราะความหิวโหย

เธอรู้อยู่แล้วว่าเถ้าแก่น่าจะพักอยู่ที่ห้อง 201 แต่ก็ไม่กล้าไปเคาะประตูรบกวน เพราะกลัวว่าจะไปปลุกอีกฝ่าย เธอจึงได้แต่ภาวนาให้เถ้าแก่ตื่นเร็ว ๆ

หลังจากกินมันฝรั่งทอดหมดถุงอย่างช้า ๆ เธอก็ขว้างถุงมันฝรั่งทอดลงไปบนพื้น และถุงนั้นก็หายวับไปทันที

ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่า อาคารหินที่อยู่ไม่ไกลนั้นเปลี่ยนจากสองชั้นเป็นสามชั้น และยังดูยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

ซ่งอวี้หลวนตื่นตกใจจนลุกพรวดขึ้นยืน

หรือว่าเหตุผลที่เถ้าแก่ยังไม่เปิดประตูโรงแรม นั่นเพราะว่ากำลังใช้เวทมนตร์ขยายโรงแรมอยู่?

สมแล้วที่เถ้าแก่เป็นถึงเทพเซียนจากสวรรค์ชั้นฟ้า เธอสามารถสร้างตึกสองชั้นได้ในหนึ่งคืน และยังขยายตึกได้อีกในทันทีโดยไม่มีเสียงใด ๆ

ซ่งอวี้หลวนอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอ โดยอยากรู้ว่าโรงแรมหลังจากขยายแล้วจะเป็นอย่างไร?

เธอเหลือบมองหลิงจิ่งที่กำลังฝึกฝนเพื่อไล่ความง่วง แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นไปตามทางเล็ก ๆ เพื่อไปยังล็อบบี้ของโรงแรม

เมื่อมาถึงล็อบบี้ เธอพบว่าห้องที่เคยปิดอยู่สองห้องหายไป และมีห้องใหม่ที่ดูแปลกตาเพิ่มขึ้นมาแทน

ซ่งอวี้หลวนไม่ใช่คนแรกที่มาถึง เพราะทั้งไป๋ฮ่าวเกอและเหมายี่ต่างมายืนอยู่หน้าห้องใหม่นี้กันก่อนแล้ว พวกเขากำลังมองดูสิ่งที่อยู่ภายในผ่านประตูกระจกขนาดใหญ่

เมื่อมองผ่านประตูกระจกเข้าไป จะเห็นว่าภายในมีโต๊ะและเก้าอี้จัดวางเป็นชุด ๆ ทั้งหมด 5 ชุด แต่ละชุดมีเก้าอี้ 4 ตัว ดูเหมือนจะเป็นที่สำหรับรับประทานอาหาร

ซ่งอวี้หลวนเดินไปข้างหน้าแล้วลองผลักประตูดู ปรากฏว่ามันสามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย

เธอจึงเดินเข้าไปด้านใน พบว่ามีหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่ตามแนวผนังส่วนที่ติดกับถนนใหญ่

เธอจึงลองเดินไปเปิดหน้าต่างดู แต่ปรากฏว่าเปิดไม่ออก

เมื่อเห็นซ่งอวี้หลวนเดินเข้าไปก่อนแล้ว ไป๋ฮ่าวเกอและเหมายี่จึงเดินตามเข้าไป

สิ่งแรกที่ไป๋ฮ่าวเกอเห็นก็คือ หน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบครึ่งผนัง กระจกใสสะอาด ไร้มลทิน และสามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน

ในขณะนั้น เมื่อมองผ่านหน้าต่างกระจกออกไป เขาเห็นขบวนคาราวานจอดอยู่ข้างโรงแรม มีชาวนาจำนวนมากนำสินค้าที่ซื้อมาส่งให้คาราวาน ดูเหมือนจะขายต่อให้กับคาราวานเพื่อแลกกับเงิน

เขาเคยสังเกตเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน และคิดว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้คงเป็นเพราะนโยบายจำกัดการซื้อของเถ้าแก่

คาราวานไม่สามารถซื้อสินค้าจำนวนมากในคราวเดียว จึงต้องให้คนอื่นมาช่วยซื้อให้

ด้วยวิธีนี้ ชาวนาที่ยากจนจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ส่วนคาราวานก็ได้สินค้าจำนวนมากไปขายที่อื่นในราคาสูง

นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกฝ่ายไม่ใช่หรือ?

เขาหันหลังกลับ และเริ่มสังเกตการตกแต่งภายในห้องอย่างละเอียด

ห้องนี้ดูหรูหราและสง่างาม มีโคมไฟระย้าคริสตัลใสแขวนอยู่ทั่วห้อง โดยแต่ละดวงประกอบด้วยลูกปัดเม็ดใหญ่ที่เรียงกันเป็นระเบียบคล้ายไข่มุก

เพดานเป็นสีทองเข้ม ส่วนผนังแบ่งออกเป็นหลายส่วน ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เนื่องจากล็อบบี้ของโรงแรมมีความหรูหราอยู่แล้ว ความหรูหราของห้องนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ไป๋ฮ่าวเกอจึงชมห้องอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะชุดหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้หน้าต่าง

ถึงแม้ว่าตอนเช้าจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและหม้อไฟสำเร็จรูปไปแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะลองชิมอาหารใหม่ ๆ ของที่นี่

ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่า อาหารที่ทำสดใหม่จากร้านย่อมอร่อยกว่าอาหารที่ซื้อจากตู้ขายสินค้าอัตโนมัติแน่นอน

ซ่งอวี้หลวนมองไปที่เคาน์เตอร์และประตูหลังเคาน์เตอร์ จากนั้นมองไปที่โต๊ะและเก้าอี้ทั้งห้าชุดซึ่งวางกระจายอยู่ทั่วร้าน เธอจึงมั่นใจว่าที่นี่ควรจะเป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหาร

เผอิญว่าเธอกำลังหิวมาก และกำลังกังวลว่าจะไม่มีอะไรให้กิน แต่จู่ ๆ ก็มีร้านอาหารเปิดให้บริการ

เธออดไม่ได้ที่จะดีใจแบบสุดขีด จึงรีบวิ่งกลับไปยังลานบ้าน รอกระทั่งศิษย์พี่ชายหลิงจิ่งของเธอฝึกฝนเสร็จ เธอรีบดึงเขาให้กลับมาที่ร้านอาหารด้วยกัน

ระหว่างทาง เธอก็บอกเขาด้วยความตื่นเต้นว่า “ศิษย์พี่ชาย รีบตามมาเร็วเข้า! เถ้าแก่กำลังจะขายของใหม่ ซึ่งเป็นอาหารที่ทำสด ๆ เลยนะ เราเตรียมท้องไว้กินให้เต็มที่กันเถิด”

แต่พอมาถึงร้านอาหาร เธอพบว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว แต่ทำไมเถ้าแก่ถึงยังไม่ปรากฏตัวอีก?

แล้วจะทำอะไรได้? แค่ต้องรอต่อไป ระหว่างรอท้องก็ส่งเสียงจ้อก ๆ ไม่หยุด

คนสองกลุ่มนั่งรอในร้านอาหารเป็นเวลานาน กระทั่งขบวนคาราวานด้านนอกเคลื่อนตัวออกไปหมดแล้ว และผู้คนบนถนนใหญ่ก็บางตาลง ในที่สุดพวกเขาก็เห็นเฟิงหยวนหนิงเดินเข้ามา

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจคือ มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินตามเฟิงหยวนหนิงมาติด ๆ

หญิงสาวคนนี้มีรูปลักษณ์งดงามและอ่อนโยน ดูเหมือนสตรีสูงศักดิ์ที่อาศัยอยู่ในเรือนใหญ่มาตลอดชีวิต เธอมีท่าทางอ่อนหวานและสุขุม

ผู้คนในร้านอาหารต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย

โรงแรมปิดมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ แล้วหญิงสาวคนนี้มาจากไหนกัน?

เมื่อเห็นคนทั้งสองกลุ่มมานั่งรออยู่ในร้านอาหารก่อนแล้ว เฟิงหยวนหนิงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

กลุ่มคนเหล่านี้ให้ความร่วมมือดีเกินไปไหมนะ? เธอเพิ่งจะสร้างร้านอาหารเสร็จ พวกเขาก็รีบมาอุดหนุนทันที ลูกค้าแบบนี้หาได้ยากจริง ๆ

เธอจึงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับพนักงานที่เธอเพิ่งสร้างเสร็จ

เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้าง เพื่อให้ตัวละครดูสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเวลาเดียวกัน

เธอไม่มีความคิดที่จะสร้างตัวละครผู้ชาย ยังไงพี่สาวสวย ๆ ก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ? มันไม่ต่างกับตุ๊กตาในชีวิตจริงเลยนี่? เช่นนั้นการมีตุ๊กตาที่แต่งหน้าทำผมได้ก็ต้องดีกว่าใช่ไหม?

เธอไม่สนใจผู้ชายเลยสักนิด และก็ไม่ได้ชอบแต่งตัวให้ผู้ชายด้วย เธอเหลือบมองไปด้านหลังอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกว่าพี่สาวสวย ๆ น่ามองกว่าเยอะ

เพื่อสร้างตุ๊กตาตัวนี้ให้สวยงามและประณีต เธอใช้เงินไปมากกว่าหนึ่งร้อยตำลึง และยังซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง มาให้ตุ๊กตาอีกด้วย

หลังจากปั้นตุ๊กตาเสร็จ เธอก็อดใจไม่ไหวที่จะเล่นแต่งตัวให้ตุ๊กตาอยู่พักใหญ่จนรู้สึกหิวโซ จึงพาตุ๊กตาลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหาร

แล้วก็ เธอตั้งชื่อให้ตุ๊กตาตัวนี้ว่าซิ่วเอ๋อร์

“ซิ่วเอ๋อร์ ไปทำอาหารในห้องครัว ข้าอยากกิน…” พอนึกได้ว่าตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว กินเยอะคงไม่ดี เธอจึงพูดว่า “วุ้นเย็นสักถ้วยแล้วกัน”

“เจ้าค่ะนายหญิง” ซิ่วเอ๋อร์ตอบรับอย่างอ่อนโยน เสียงของเธอหวานหยาดเยิ้มราวกับน้ำผึ้ง ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนกระดูกจะละลายไปพร้อมกับเสียงนั้น

เมื่อได้รับคำสั่ง ซิ่วเอ๋อร์ก็เดินเข้าไปในห้องหลังเคาน์เตอร์ ซึ่งเป็นทางไปยังครัว

เฟิงหยวนหนิงเลือกที่จะทำให้ซิ่วเอ๋อร์เป็นคนอ่อนโยน เพราะเชฟสาวก็ควรจะอ่อนโยนและน่ารัก เธอคิดว่าถ้าเป็นคนแบบนี้ทำอาหาร รสชาติก็น่าจะอร่อยกว่าไม่ใช่หรือ?

แน่นอนว่าถ้าซิ่วเอ๋อร์ทำไม่ทัน เฟิงหยวนหนิงจะเข้าไปช่วยในครัวด้วยตัวเอง

เฟิงหยวนหนิงวางเมนู 30 ฉบับลงบนเคาน์เตอร์ แล้วหยิบมา 4 ฉบับเพื่อนำไปแจกให้ทุกคน พร้อมกับถามว่า “พวกท่านลองดูสิ ว่าอยากกินอะไร?”

ไป๋ฮ่าวเกอรับเมนูมา แต่ยังไม่ได้รีบเปิดดู เขากลับถามขึ้นว่า “เถ้าแก่ขอรับ หญิงสาวคนเมื่อครู่นี้…”

มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ เขาจึงลังเลและไม่รู้จะถามจากตรงไหนดี

เฟิงหยวนหนิงตอบสั้น ๆ ว่า “ข้าปั้นขึ้นมาเอง”

ไป๋ฮ่าวเกอชะงักไปด้วยความตกใจ ปะ… ปั้นคนขึ้นมา? เถ้าแก่ผู้นี้สามารถปั้นคนขึ้นมาได้จริง ๆ งั้นหรือ? นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

เฟิงหยวนหนิงเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร จึงหันไปหาโต๊ะอื่น เธอส่งเมนูไปให้พร้อมกับบอกว่า “ปัจจุบันเรามีอาหารให้เลือก 7 อย่าง พวกท่านลองดูสิ ว่าอยากกินอะไร?”

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด