ตอนที่แล้วบทที่ 16 จินตนาการของคุณเธอช่างบรรเจิดจริง ๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 ปะ… ปั้นคนขึ้นมา?

บทที่ 17 โรงแรมได้รับการอัปเกรดเป็นระดับ 2


บทที่ 17 โรงแรมได้รับการอัปเกรดเป็นระดับ 2

หลิงจิ่งและเหมายี่บ่าวรับใช้ขององค์ชายไป๋ต่างก็รีบตามมาขอบคุณเฟิงหยวนหนิงด้วย

หลังจากซ่งอวี้หลวนขอบคุณเฟิงหยวนหนิงแล้ว ก็คิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เถ้าแก่เจ้าคะ ข้าเข้าใจเจตนาของท่านแล้ว การชี้แนะด้วยวาจาไม่เท่ากับการลงมือทำเอง ท่านปฏิเสธในตอนแรกนั้นถูกต้องแล้ว”

แน่นอนว่า เถ้าแก่คงไม่อยากจะชี้แนะพวกเขาด้วยวาจา อาจเป็นเพราะรู้สึกว่ามันยุ่งยากก็ได้

ลองนึกภาพว่า หากเปิดช่องทางนี้ไป แล้วมีคนอื่น ๆ มาขอให้เถ้าแก่ชี้แนะเพิ่มขึ้น เถ้าแก่จะไม่รำคาญใจเอาหรือ?

ไป๋ฮ่าวเกอยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทีเขินอาย เขาไม่ได้ฝึกวรยุทธ์เลย ดังนั้นลานบ้านแห่งนี้จึงไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา

เฟิงหยวนหนิงคิดครู่หนึ่งแล้วถามด้วยท่าทีลังเลว่า “พวกท่านทั้งหลายพอจะให้ข้ายืมตำราฝึกวิชาได้หรือไม่?”

หากไม่มีตำราฝึกวิชา เธอก็จะไม่สามารถฝึกฝนได้

การที่เธอต้องเห็นเหล่ายอดฝีมือได้รับประโยชน์จากลานบ้านแห่งนี้ ขณะที่เธอกลับไม่สามารถฝึกฝน และเพียงต้องมานั่งมองอย่างเดียว มันก็ดูน่าสงสารเกินไป

ลานบ้านแห่งนี้เองก็ไม่ได้แจกตำราฝึกวิชาให้ ถ้าอยากได้ตำราฝึกวิชา เธอคงต้องไปขอยืมจากพวกเขาเหล่านี้

ซ่งอวี้หลวนตกใจเล็กน้อย ก่อนจะแสดงสีหน้าดีใจออกมา “ย่อมได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ ท่านอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกวิชายุทธ์ให้ละเอียดมากขึ้นใช่ไหม? โปรดวางใจ ข้าจะพยายามรวบรวมตำราฝึกวิชามาให้ท่านมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ขนาดว่าเถ้าแก่ไม่เคยฝึกวิชายุทธ์มาก่อน แต่กลับยังสามารถชี้แนะพวกเขาได้ หากนางเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง คงจะสามารถช่วยชี้แนะให้พวกเขาได้ดียิ่งขึ้น

ดวงตาไป๋ฮ่าวเกอเป็นประกาย จึงรีบเข้าไปกล่าวว่า “ที่บ้านข้าเก็บตำราฝึกวิชาไว้มากมาย คงจะช่วยเถ้าแก่ได้บ้างขอรับ”

ซ่งอวี้หลวนไม่ยอมแพ้ “ที่สำนักขุนเขากระบี่ก็มีตำราฝึกวิชาเก็บไว้มากมาย ข้าจะเขียนจดหมายไปแจ้งท่านอาจารย์ให้ส่งตำราฝึกวิชาเพิ่มเติมมาให้โดยเร็ว”

“เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวดีจากพวกท่าน ข้าขอตัวก่อน ไม่รบกวนพวกท่านแล้ว” เฟิงหยวนหนิงกล่าวด้วยความพึงพอใจ แล้วหันตัวเดินจากไป

เธอไม่ได้บอกความจริงที่ว่า เธอไม่ได้ต้องการแค่ดูตำราฝึกวิชา แต่ต้องการเลือกตำราสักเล่มหนึ่งมาฝึกฝนด้วย

ส่วนเหตุผลที่เธอไม่บอกความจริง นั่นก็เพราะต้องการป้องกันตัวเอง ไม่ให้พวกเขาแอบทำอะไรที่ไม่ดี เช่น ทำตำราฝึกวิชาปลอมให้เธอฝึก เพื่อที่จะทำร้ายเธอ

ในขณะที่เดินไป เธอก็เปิดดูหน้าจอระบบไปด้วย

เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: รับรองแขกทั้งหมด 31/50 คน และทำภารกิจให้สำเร็จ 3/3 ภารกิจ

จำนวนคนที่มาใช้ลานบ้านธีม “สวนน้ำพุ”: 5/50 คน

ในระหว่างที่เธอพาพวกเขาไปชมลานบ้าน จำนวนลูกค้าก็เพิ่มขึ้นอีก 1 คน คงจะเป็นบ่าวรับใช้คนสุดท้ายของกัวอี้ถังนั่นเอง

หลังจากที่เฟิงหยวนหนิงเดินออกไปแล้ว ไป๋ฮ่าวเกอก็หันไปพูดกับหลูเสียนว่า “เรื่องการฝึกฝนเอาไว้ก่อนเถิด เถ้าแก่ไม่ได้ติดใจอะไรกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ แต่เจ้าควรไปขอโทษนางเสียหน่อย ในเมื่อเถ้าแก่กำลังมองหาตำราฝึกวิชาอยู่ เจ้าก็ลองไปจัดการเรื่องนี้เองดู เพื่อแสดงความจริงใจของตน เจ้าคิดว่าอย่างไร? ส่วนเรื่องความปลอดภัยของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ตราบใดที่อยู่ในโรงแรมนี้ ใครไหนเล่าจะกล้ามาวุ่นวาย?”

หลูเสียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลงและขอตัวออกไป

“ไปกันเถิด เราลองใช้อุปกรณ์อื่นดูบ้าง เริ่มจากกระสอบทรายก่อนแล้วกัน” ซ่งอวี้หลวนคว้ามือหลิงจิ่ง แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น

บริเวณนี้มีแค่เสาดอกเหมยและลู่วิ่งอยู่เท่านั้น ส่วนกระสอบทราย ดัมเบล และบาร์เบลคงจะอยู่ที่อื่น

ทั้งสองคนรีบเดินไปยังบริเวณข้างเคียง และก็พบกระสอบทรายตามที่เถ้าแก่บอกไว้

กระสอบทรายเหล่านั้นถูกแขวนอยู่บนโครงเหล็กขนาดใหญ่ ทำให้ดูเหมือนป่ากระสอบทราย

“รีบไปลองดูสิ” ซ่งอวี้หลวนผลักหลิงจิ่งเบา ๆ ด้วยสีหน้าคาดหวัง

หลิงจิ่งลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ศิษย์น้องหญิง เจ้าจะเขียนจดหมายไปขอให้ท่านอาจารย์ส่งตำราฝึกวิชามาให้จริง ๆ เหรอ? ท่านอาจารย์คงไม่เชื่อ และถึงแม้จะเชื่อ ก็คงไม่ยอมให้ตำราฝึกวิชาของสำนักหลุดออกมา”

“เจ้าอย่าได้ห่วงเลย ข้าจะพยายามเกลี้ยกล่อมอาจารย์ให้มาดูสถานที่นี้ด้วยตัวเอง แล้วทำไมเจ้าไม่รีบไปลองกระสอบทรายอีก? ข้าจะได้นำไปเขียนจดหมายบอกอาจารย์ได้ละเอียดขึ้น”

“ได้สิ” หลิงจิ่งพูดแล้วชักกระบี่ออกมา กระโดดขึ้นไปด้วยความเร็วราวกับลูกธนู แล้วแทงไปที่กระสอบทรายใบหนึ่ง

แต่ปรากฏว่า กระสอบทรายแข็งราวกับเหล็ก กระบี่ของเขาไม่สามารถแทงทะลุมันได้ และทำได้เพียงแค่ตีให้กระสอบทรายลอยขึ้นไป

ทันใดนั้น กระสอบทรายรอบตัวเขาก็เคลื่อนไหวราวกับถูกลมพัดกรรโชก และพุ่งเข้าใส่เขาเหมือนกำปั้นเหล็ก

หลิงจิ่งรีบหมุนตัวกลางอากาศ กระบี่ของเขาหมุนคว้างอย่างรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด และสามารถฟันกระสอบทรายทั้งหมดให้ขาดออกจากกันได้

ทว่านี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

ต่อมา กระสอบทรายกลับเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

เกือบทุกครั้ง กระสอบทรายจะโจมตีตรงจุดที่เขาพลาดพลั้งพอดี เหมือนกับเงาที่ตามติดไปทุกที่ บังคับให้เขาต้องใช้สมาธิอย่างหนัก และเปลี่ยนท่าทางการใช้กระบี่เพื่อรับมือและตอบโต้อย่างต่อเนื่อง

หลิงจิ่งรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับคนจริง ๆ คนหนึ่ง

และทุกครั้งที่ต่อสู้ คนผู้นั้นก็จะจับจุดบกพร่องของเขาได้อย่างแม่นยำ หากได้ประมือกับคู่ต่อสู้แบบนี้เป็นเวลานาน คงจะได้ประโยชน์มากมายเป็นแน่

ในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที เขาก็รับมือไม่ไหวอีกต่อไป ถูกกระสอบทรายใบหนึ่งตีจนกระเด็นออกจากบริเวณกระสอบทราย และไปนอนอยู่บนพื้นหญ้า

“ศิษย์พี่ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?!” ซ่งอวี้หลวนรีบเข้าไปดูอาการของหลิงจิ่ง

หลิงจิ่งที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เป็นไร แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย พักสักครู่คงหายดี”

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้จิตใจของเขาอ่อนล้าอย่างมาก

หลังจากต่อสู้เสร็จแล้ว เขาได้คิดทบทวนและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เมื่อครู่ที่ฝึกกับกระสอบทราย แม้จะรู้ว่ากระสอบทรายคงจะทำร้ายเขาไม่ได้ แต่เขากลับรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง และบังคับให้ตัวเองไปถึงขีดจำกัดโดยไม่รู้ตัว

เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่ฝึกกับเสาดอกเหมย เขาก็รู้สึกว่าสถานการณ์นั้นช่างคล้ายคลึงกัน

แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงแค่ว่าอยากจะแสดงให้ศิษย์น้องหญิงเห็นว่าเขาทำได้ดี และไม่อยากให้นางต้องผิดหวัง

พอคิดไปคิดมา เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

คู่ต่อสู้ที่สามารถควบคุมแรงได้ดี และยังสามารถผลักดันให้เขาไปถึงขีดจำกัดได้นั้น ย่อมมีประโยชน์ต่อเขามาก

เพียงแค่พยายามฝึกฝนต่อไปสักระยะหนึ่ง พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน!

ถึงตอนนั้น แม้ว่าศิษย์น้องหญิงจะฟื้นฟูเส้นลมปราณได้ ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าเขาไม่คู่ควรกับนางอีก

นอกจากนี้ เขายังจะสามารถหลีกเลี่ยงบะหมี่รสไก่เผ็ดได้ด้วย เขาจึงตัดสินใจว่าจะฝึกฝนในลานบ้านอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“เช่นนั้นเจ้าพักก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะลองใช้ดัมเบลกับบาร์เบลดูบ้าง” ซ่งอวี้หลวนเดินไปยังดัมเบลคู่หนึ่ง แล้วได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้ทันที

เธอคุกเข่าลง แล้วถือดัมเบลข้างละอัน พยายามจะยกขึ้น

เถ้าแก่บอกว่า ดัมเบลและบาร์เบลสามารถฝึกกล้ามเนื้อแขนได้ แต่ดัมเบลและบาร์เบลดูจะไม่หนักเท่าไรนัก แล้วมันจะมีประโยชน์ต่อผู้ฝึกยุทธ์ได้จริงหรือ?

แต่เมื่อเธอยกดัมเบลขึ้น ก็พบว่าดัมเบลหนักกว่าที่คิดมาก แม้จะดูมีขนาดเล็ก ทว่าเธอต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีจึงจะยกดัมเบลขึ้นมาได้ทั้งสองข้าง

และเมื่อเธอพยายามลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกดัมเบล ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ เธอพลันรู้สึกเหมือนว่าดัมเบลเบาลงเล็กน้อย

เธออดไม่ได้ที่จะอยากให้หลิงจิ่งมาลองเล่นดูบ้าง เพื่อยืนยันความสงสัยของเธอ

เธอจึงรีบเรียกหลิงจิ่งมา “ศิษย์พี่ชาย พักผ่อนพอแล้วหรือยัง? เจ้ามาลองเล่นอันนี้ดูสิ”

หลิงจิ่งจึงลุกขึ้นแล้วเดินมาดูดัมเบลและบาร์เบลที่อยู่บนพื้น และเลือกบาร์เบลที่ดูหนักกว่าโดยไม่ลังเล

ดัมเบลดูเบาเกินไป เหมือนไม่จำเป็นต้องลอง ดังนั้นเขาจึงอยากลองบาร์เบลดู

เขาก้มลงไป ยื่นมือข้างหนึ่งจับบาร์เบล แล้วค่อย ๆ ยกขึ้น

ทว่าบาร์เบลกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขารู้สึกอับอายจนหน้าแดงก่ำ และรีบใช้แรงมากขึ้นอีก

ใช่แล้ว เขาไม่ควรคาดเดาเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ตามความคิดของคนทั่วไป

เมื่อมีกระสอบทรายที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ก็ไม่แปลกอะไรที่ตอนนี้จะมีบาร์เบลซึ่งดูเล็ก แต่กลับหนักอึ้งเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่

หลังจากใช้แรงทั้งหมดที่มี ในที่สุดเขาก็ยกบาร์เบลขึ้นมาได้

“ศิษย์พี่ชาย เป็นอย่างไรบ้าง?” ซ่งอวี้หลวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“อย่างน้อยคงหนักราวเจ็ดถึงแปดจิน(1)” นี่เกือบจะเป็นความแข็งแกร่งสูงสุดของเขาแล้ว

ซ่งอวี้หลวนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “บาร์เบลอันเล็ก ๆ หนักถึงขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? เถ้าแก่ช่างมีพลังอำนาจมหาศาล!”

อีกด้านหนึ่ง

องค์ชายไป๋ฮ่าวเกอและเหมายี่กำลังทดลองใช้เครื่องออกกำลังกายเช่นเดียวกัน

หลังจากลองเสาดอกเหมยมาแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังลองสัมผัสประสบการณ์บนลู่วิ่ง

องค์ชายไป๋ฮ่าวเกอและเหมายี่ต่างเลือกใช้ลู่วิ่งคนละเครื่อง แล้วลองวิ่งบนรางเหล็กทาสี

อย่างไรก็ตาม เสื้อคลุมยาวค่อนข้างเกะกะ พวกเขาจึงต้องรวบชุดขึ้นมาผูกไว้เป็นปม

ทว่าองค์ชายไป๋ฮ่าวเกอมีร่างกายอ่อนแอ วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเหนื่อยล้า จึงต้องนั่งพักและล้มเลิกความคิดที่จะลองต่อ

แต่แล้วเขาก็พบว่าเหมายี่เองดูเหมือนจะวิ่งได้ยากลำบากมากเช่นกัน ทุกครั้งที่ยกเท้าขึ้นต้องใช้แรงค่อนข้างมาก ราวกับว่าเขากำลังวิ่งแบบสโลว์โมชั่น

องค์ชายไป๋ฮ่าวเกอจึงขมวดคิ้วมุ่น “เกิดอะไรขึ้น?”

เหมายี่เหงื่อท่วมตัว รีบอธิบายด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ทูลฝ่าบาท เครื่องวิ่งนี้มีบางอย่างแปลก ๆ มันเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลดึงร่างของกระหม่อมไว้ กระหม่อมจำต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อต่อสู้กับแรงดึงดูดนั้น จึงจะยกเท้าก้าวเดินไปได้”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง” องค์ชายไป๋ฮ่าวเกอก้มหน้าครุ่นคิด

น่าเสียดายที่ห้องพักของโรงแรมมีน้อยเกินไป ไม่เช่นนั้นมันคงจะเป็นโอกาสดีสำหรับการขยายอำนาจของราชสำนัก

ทั้งหุบเขาการแพทย์และขุนเขากระบี่ต่างได้เข้ามาติดต่อกับโรงแรมแห่งนี้แล้ว ราชสำนักเองก็ไม่ควรจะถูกทิ้งอยู่เบื้องหลัง จำเป็นต้องรีบดำเนินการ

บางที เขาควรจะติดต่อกับสำนักงานสืบสวนของอำเภอเมืองฉ่างหลิงโดยตรง

เดิมทีเขาไม่มีเจตนาแทรกแซงเรื่องราวในราชสำนัก แต่ข่าวสำคัญเช่นนี้ จะให้เขาเพิกเฉยและไม่แจ้งอีกฝ่ายทราบได้อย่างไร

เฟิงหยวนหนิงกลับมายังล็อบบี้ของโรงแรม หลังนั่งพักอยู่สักครู่ จึงตัดสินใจกลับไปยังห้อง 201 ที่อยู่ชั้น 2

เนื่องจากไม่มีห้องพักว่างแล้ว และตู้ขายสินค้าอัตโนมัติก็สามารถบริการลูกค้าได้เอง เธอจึงอยากกลับไปทำธุระส่วนตัวในห้อง

เวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เกมถือเป็นเครื่องมือในการฆ่าเวลาได้อย่างดีเยี่ยม

หลังทานบะหมี่รสเนื้อตุ๋นผักดองเป็นมื้อเย็น เธอกลับไปเล่นเกมต่ออีกหลายชั่วโมง หลังจากนั้นก็ล้างหน้าล้างตา ถอดคอนแทคเลนส์ อาบน้ำ และเข้านอนแต่หัววัน

เตียงนอนนุ่มสบายราวกับมาร์ชแมลโลว์แสนหวานก้อนใหญ่ ทำให้เธอนอนหลับลึกตลอดทั้งคืน

เช้าวันต่อมา เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ในที่สุดเธอก็ตื่นนอน และสิ่งแรกที่ทำคือเปิดหน้าจอระบบเสมือนจริง

ชื่อโรงแรม: โรงแรมเซียนหยวน (ระดับ 1) [สามารถอัปเกรดได้]

ยอดคงเหลือในบัญชี: 3 ทอง 89 เงิน และ 543 ทองแดง

เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: รับรองแขกทั้งหมด 50/50 คน และทำภารกิจให้สำเร็จ 3/3 ภารกิจ

เอ๊ะ!

ผู้คนในโลกนี้ขยันขันแข็งกันเหลือเกิน พวกเขาตื่นเช้าและแอบมาช่วยเธอทำภารกิจจนเสร็จสิ้นตั้งแต่ตอนที่เธอยังนอนหลับอยู่

เมื่อคืนนี้ เธอจำได้ว่าจำนวนลูกค้ายังไม่ถึงเป้าหมายเลย

แต่พอตื่นเช้ามาดูอีกที จำนวนลูกค้าก็ครบตามที่เป้าหมายกำหนดแล้ว

ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ร้านของเธอจะสามารถอัปเลเวลได้เร็วขนาดนี้ ทั้งที่เปิดให้บริการแค่หนึ่งวันเท่านั้น หรือว่านี่จะเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้เล่นใหม่นะ?

เฟิงหยวนหนิงรู้สึกตื่นเต้นมาก และรีบกดยืนยันอัปเกรดโรงแรม

“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ โรงแรมของคุณได้เลื่อนระดับเป็นเลเวล 2 แล้ว และได้ปลดล็อกสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ ได้แก่ ที่จอดรถใต้ดิน ร้านอาหาร ห้องครัว และระบบการจ้างงานพนักงาน”

“คุณได้ปลดล็อกภารกิจใหม่แล้ว กรุณาตรวจสอบ”

“โรงแรมกำลังจะขยายพื้นที่ กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม”

“…”

“การขยายโรงแรมเสร็จสิ้นแล้ว กรุณาออกแบบผังโรงแรมใหม่โดยเร็วที่สุด”

ชื่อโรงแรม: โรงแรมเซียนหยวน (ระดับ 2)

เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: ร้านอาหารรองรับลูกค้าทั้งหมด 0/3000 และทำภารกิจให้สำเร็จ 0/3 ภารกิจ

ภารกิจ: ขายปลาต้มพริกให้ลูกค้าครบ 100 จาน เพื่อปลดล็อกเอฟเฟกต์พิเศษของโรงแรม “สี่ฤดูดุจดั่งฤดูใบไม้ผลิ”

สี่ฤดูดุจดั่งฤดูใบไม้ผลิ? เฟิงหยวนหนิงดีใจมาก คงจะแทนที่เครื่องปรับอากาศได้สินะ?

ในที่สุดก็จะไม่ต้องทนกับอากาศร้อนอีกต่อไปแล้ว!

เฟิงหยวนหนิงเปิดระบบส่วนจัดการโรงแรมอย่างมีความสุข และเมื่อดูแบบจำลอง 3 มิติ เธอก็พบว่าโรงแรมมีชั้นเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ชั้น คือ ชั้นใต้ดินและชั้นที่ 3

ไม่เพียงเท่านั้น พื้นที่ของโรงแรมยังขยายกว้างขึ้น ทำให้มีพื้นที่ว่างเหลืออีกมากมาย

เธอจึงสร้างห้องเดี่ยวเพิ่มอีก 2 ห้องที่ชั้น 2 และปรับแต่งเล็กน้อย จากนั้นก็คัดลอกรูปแบบของชั้น 2 ไปไว้ที่ชั้น 3 ทำให้ตอนนี้โรงแรมมีห้องพักทั้งหมด 12 ห้อง

ที่จอดรถใต้ดินถูกนำไปวางที่ชั้นใต้ดิน ส่วนห้องควบคุมไฟฟ้าและห้องเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชันต่างถูกย้ายลงไปเช่นกัน

จากนั้นจัดวางร้านอาหารและห้องครัวไว้ที่ชั้น 1 ส่วนห้องน้ำย้ายไปวางข้าง ๆ ร้านอาหาร

เท่านี้ก็ถือว่าการออกแบบโรงแรมเสร็จสมบูรณ์แล้ว

หลังจากออกแบบโรงแรมเสร็จสิ้น เธอก็รีบเข้าไปที่ส่วนจัดการร้านอาหารทันที เพราะอยากจะลองใช้บริการร้านอาหารในโรงแรมของตัวเองมานานแล้ว

……….……….……….……….

• จิน (斤) หน่วยวัดน้ำหนักของชาวจีน ซึ่ง 1 จินเท่ากับ 500 กรัม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด