ตอนที่ 25 สิ้นสุดการทดสอบ
ตอนที่ 25 สิ้นสุดการทดสอบ
การทดสอบรอบถัดไปเป็นการข้ามตาข่ายเชือก ไม่เพียงแค่เด็กๆ เผ่าสุ่ยอีเท่านั้นที่ไม่เคยเล่น ฉินอวี้เองก็ไม่คุ้นเคยเช่นกัน
เมื่อเห็นฮวาหลีและมู่หลิวจ้องมองตรงมาที่ตน ฉินอวี้เปลี่ยนท่าทีจากที่เคยทำ แล้วหันไปยิ้มให้อย่างไม่มีพิษภัย
"นางกำลังวางแผนอะไรอีก? หรือว่านางจะรู้แผนของพวกเราหมดแล้ว?" ฮวาหลีเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ กลยุทธ์ของพวกเธอจะใช้ได้ผลหรือไม่
ถ้าปล่อยให้ฉินอวี้ชนะไปเรื่อยๆ พวกเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ครอบครัวและเพื่อนๆ ต่างก็มองอยู่ จะปล่อยให้ถูกเด็กสาวที่อายุน้อยที่สุดกดดันไว้จนชนะ มันพูดไม่ออกจริงๆ
มู่หลิวปลอบว่า "ไม่ต้องห่วง ถึงแม้นางจะรู้แผนเรา ก็ไม่สำคัญ ไม่มีใครยอมร่วมมือกับนางหรอก"
ถึงแม้จะพูดออกไปอย่างนั้น แต่มู่หลิวก็ยังไม่วางใจ
ไม่ว่าพวกเธอจะคิดอย่างไร เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น พวกเธอก็ทำได้เพียงแค่พุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น
ตาข่ายเชือกไม่สามารถทำให้ใหญ่ขึ้นได้ จึงต้องแบ่งผู้เข้าแข่งขันทั้ง 86 คน ออกเป็น 6 กลุ่ม
และก็บังเอิญว่า สามสาวถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มแรก
เมื่อผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ รู้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด สามคนถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกัน พวกเธอต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถึงแม้จะน่าเสียดายที่ต้องขาดคู่แข่งที่แข็งแกร่งไปสามคน แต่การชนะเพื่อให้ได้คะแนนตอนนี้สำคัญกว่า
"อาอวิ๋น จริงๆ แล้ว เหยียนซานก็น่าสงสารเหมือนกัน"
เวิ่นหยุนซียืนมองถงอวิ๋นที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
คนที่ยังกล้าพูดว่านางเป็นจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ ทั้งที่ตัวเองก็ใช่ย่อย เพื่อที่จะทำให้สามคนนั้นถูกแบ่งให้อยู่กลุ่มเดียวกัน ถงอวิ๋นถึงกับต้องไปขู่เหยียนซานเลยทีเดียว
เมื่อเห็นเหยียนซานยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจ เวิ่นหยุนซีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ใช่แล้ว มนุษย์ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ก็ชอบดูเรื่องสนุกๆ ยิ่งสนุกยิ่งดี
แต่น่าเสียดาย ถงอวิ๋นยังไม่รู้จักฉินอวี้ดีพอ เด็กสาวคนนั้นฉลาดมาก รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้เป็นประโยชน์กับตัวเองที่สุด
เสียง "ปัง" การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ มู่หลิวพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อสัมผัสกับตาข่ายเชือก เธอก็ใช้แรงดันขึ้นทันที พร้อมกับยื่นเท้าซ้ายออกมา รอให้ฮวาหลีคว้าจับแล้วจึงเหวี่ยงเธอไปข้างหน้า
ฮวาหลีถูกเหวี่ยงไปไกลลิบ จากนั้นเธอก็ทำเช่นเดียวกับมู่หลิว ดันตาข่ายเชือกแล้วเหวี่ยงมู่หลิวที่จับขาเธออยู่ขึ้นไปข้างหน้า ทั้งสองผลัดกันแบบนี้ ไม่นานก็พุ่งขึ้นนำในตำแหน่งแถวหน้า
เด็กสาว คนอื่นๆก็ไม่ได้โง่ พวกเธอเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าการร่วมมือกันเร็วกว่าการทำคนเดียว จึงใช้วิธีของแต่ละคนในการวิ่งไปข้างหน้า
มีเพียงฉินอวี้เท่านั้นที่ลุยอยู่คนเดียว เธอถูกทิ้งห่างไปจนอยู่ท้ายสุด
ถงอวิ๋นแทบอยากจะเข้าไปเตะฉินอวี้ให้ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำไมนางถึงได้รั้งท้ายแบบนี้! ลองดูคนอื่น แล้วมาดูเธอ มันเหมือนคนละการแข่งขันกันเลย
“นางเป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่านางมั่นใจเหรอ?!”
แม้ว่าถงอวิ๋นจะไม่อยากให้สาวๆ เผ่าสุ่ยอีแพ้ แต่พอเห็นฉินอวี้แพ้แบบนี้ก็ทำให้เธอหงุดหงิด แม้ว่าไม่มีใครร่วมมือ แต่มันก็ไม่ควรจะช้าขนาดนี้!
เวิ่นหยุนซีส่ายหน้าแล้วพูดว่า “นางมั่นใจที่จะอยู่รั้งท้ายน่ะสิ เธอคิดจริงๆ เหรอว่านางมั่นใจว่าจะชนะ?”
ถงอวิ๋น: "......"
เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ การแข่งขันควรจะต้องชนะไม่ใช่เหรอ แล้วการแพ้จะมีประโยชน์อะไร?
ไม่ถูกสิ ลองคิดให้ดีๆ การที่ฉินอวี้แพ้ตอนนี้กลับดีกว่าชนะเสียอีก
ถ้าหากนางใช้การแพ้เพื่อแสดงความอ่อนแอ ความโกรธแค้นจากการยั่วยุก่อนหน้านี้ก็อาจจะสงบลงได้ไม่น้อย
อาจจะสร้างโอกาสในการคืนดีกันได้ แล้วพอถึงรอบที่สามค่อยเอาชนะอีกครั้ง
แบบนี้ศักดิ์ศรีของศิษย์พี่ใหญ่ก็ยังคงอยู่ แถมยังรักษาความสัมพันธ์กับศิษย์น้องได้อีก
สองอย่างสมบูรณ์แบบ
เวิ่นหยุนซีเห็นถงอวิ๋นคิดออกในทันที ก็อดชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของถงอวิ๋นไม่ได้
ถงอวิ๋นชื่นชมมู่หลิวว่าเก่งทั้งด้านการต่อสู้และความรู้ แต่จริงๆ แล้วคนที่เก่งที่สุดคือตัวเธอเอง
อย่างไรก็ตาม มู่หลิวอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น หากได้เติบโตอีกไม่กี่ปี คงยากที่จะคาดเดาว่าเธอจะพัฒนาไปถึงระดับไหน
ผู้ชมต่างมองสถานการณ์ในสนามแข่งอย่างชัดเจน แต่ฮวาหลีและมู่หลิวไม่รู้ พวกเธอยังคงพยายามวิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ กลัวว่าจะถูกฉินอวี้แซงก่อนถึงเส้นชัย
ตามลำดับ มู่หลิวควรจะเป็นคนที่ถึงเส้นชัยก่อน แต่ในวินาทีสุดท้าย เธอกลับเอียงตัวและส่งฮวาหลีไปถึงเส้นชัยก่อนแทน
เมื่อพวกเธอชนะ ทั้งสองซึ่งเคยเป็นคู่แข่งกันกลับกระโดดกอดกันอย่างดีใจ จนกระทั่งรู้สึกได้ว่ามีคนอื่นๆ มาถึงเส้นชัย พวกเธอจึงปล่อยกันและกันแล้วหันไปมองหาฉินอวี้เพื่อเยาะเย้ย แต่กลับไม่พบเธอ
ทุกคนมาถึงเส้นชัยหมดแล้ว เหลือเพียงฉินอวี้ที่ยังคงพยายามปีนไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก
แม้จะดูทุลักทุเล แต่เธอก็ไม่ได้ย่อท้อ แม้จะเป็นคนสุดท้าย เธอก็ไม่ยอมแพ้
แต่ยิ่งเธอพยายาม ระยะทางที่เธอเคลื่อนที่ได้กลับสั้นลงเรื่อยๆ
ก่อนจะถึงเส้นชัย เธอทรุดลงบนพื้นทรายด้วยความอ่อนล้า แต่ยังคงพยายามยื่นมือขวาไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง
เด็กสาว คนอื่นๆที่ตั้งใจจะหัวเราะเยาะฉินอวี้ กลับพูดไม่ออก พวกเธอได้แต่เงียบและมองดู
ฮวาหลีและมู่หลิวหันมามองตากัน
ในที่สุด ฮวาหลีและมู่หลิวก็ทนไม่ไหว พวกเธอช่วยกันคว้ามือฉินอวี้แล้วดึงเธอขึ้นมา
เมื่อถูกพยุงขึ้นยืน ฉินอวี้ก็เผยรอยยิ้มพร้อมฟันกระต่ายน้อยๆ ของเธออีกครั้ง "ขอบคุณพี่สาวทั้งสองมากนะ"
ฮวาหลีและมู่หลิวที่มองดูฉินอวี้ซึ่งตัวเตี้ยกว่าพวกเธอเล็กน้อย ต่างถอนหายใจยาว แล้ววางทิ้งเรื่องบาดหมางที่ผ่านมา
ถงอวิ๋นมองดูแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว สาวๆ เผ่าสุ่ยอีแม้จะฉลาด แต่ก็ยังไร้เดียงสาเกินไป ถูกคนอื่นเล่นงานได้ง่ายๆ
เวิ่นหยุนซีที่เห็นถงอวิ๋นจ้องมาที่เธออีกครั้ง ก็ทำหน้าตาไร้เดียงสาแล้วกระพริบตาพูดว่า "ข้าไม่ได้สอนนางนะ นางก็เป็นแบบนี้ของนางอยู่แล้วจริงๆ"
ย้อนกลับไปตอนที่เธอเพิ่งข้ามมิติมา เธอที่หิวจนเวียนหัว แต่พอหลอกล่อผู้คุมขอข้าวมากินได้ครึ่งชาม ก็ถูกฉินอวี้แย่งไปซะแล้ว หลังจากนั้นฉินอวี้ยังหลอกเธออีกว่าที่พวกเขาหนีออกจากป่าหมอกได้ก็เพราะโชคดี ตอนนั้นเธอก็เชื่ออย่างจริงจัง
ถ้าไม่ใช่เพราะฉินอวี้จ้องเธออยู่ตลอดเวลา เธอคงไม่เริ่มสงสัยเรื่องเบื้องหลังของฉินอวี้ได้เร็วขนาดนั้น
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?” ถงอวิ๋นไม่ได้อยากถาม แต่ด้วยความสงสัยก็อดไม่ได้ ประสบการณ์แบบไหนกันที่สร้างจิ้งจอกเจ้าเล่ห์สองตัวนี้ขึ้นมา
เจ้า2คนนี้ ทำไมถึงมาที่แคว้นหลานโจว? ด้วยความสามารถด้านการแพทย์ของเวิ่นหยุนซี และฝีมือการต่อสู้ของฉินอวี้ หากไปที่อื่นคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
หรือว่าพวกเธอถูกเนรเทศมา?
เวิ่นหยุนซียิ้มโดยไม่ตอบคำถาม เธอชี้ไปที่ด้านหน้าให้ถงอวิ๋นตั้งใจดูการแข่งขัน
ความจริงที่ว่าเธอและฉินอวี้เป็นนักโทษถูกเนรเทศนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะปิดบังได้ และก็ไม่คิดจะปิดบังด้วย
แต่ว่านะ การที่เห็นถงอวิ๋นเดาไปเรื่อยก็เป็นเรื่องสนุกดี
การแข่งขันรอบที่สามที่จะเกิดขึ้นต่อไป เป็นการทดสอบความไวในการตอบสนอง ในเวลาครึ่งเค่อ (ประมาณ 7-8 นาที) เหยียนซานจะอ่านชื่อดอกไม้ ผู้เข้าร่วมต้องรีบเก็บดอกไม้ที่ถูกต้องแล้วโยนลงในตะกร้าไม้ไผ่ที่ตรงกัน
หากเก็บดอกไม้ผิดแม้แต่ครั้งเดียว การแข่งขันจะจบลงทันที และสุดท้ายจะนับคะแนนจากจำนวนดอกไม้ในตะกร้า
การแข่งขันรอบนี้ดูเบากว่ารอบก่อนๆ แต่กลับทำให้เด็กสาว รู้สึกกดดันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีคะแนนรั้งท้าย ยิ่งเครียดจนแทบจะนั่งไม่ติด
ทุกครั้งที่เห็นเด็กสาว เหล่านั้น ฉินอวี้มักจะเดินเข้าไปปลอบใจ จนทำให้เธอได้รับความชื่นชอบจากหลายคน
ในรอบนี้ฉินอวี้ชนะอย่างฉิวเฉียด เธอเก็บดอกไม้ได้มากกว่าฮวาหลีเพียงดอกเดียว
แม้แต่เวิ่นหยุนซีก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอชนะอย่างฉิวเฉียดจริงๆ หรือแกล้งอ่อนข้อให้คนอื่น
เมื่อจบการแข่งขันรอบที่สาม จะคัดเด็กสาว ที่มีคะแนนสูงสุด 40 คน เข้าสู่รอบที่สี่
รอบที่สี่เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เพื่อความยุติธรรม จึงใช้ระบบการแข่งขันเป็นกลุ่ม
แต่ละกลุ่มจะมีสี่คน ผลัดกันต่อสู้ และจะคัดเลือกผู้ที่ชนะมากที่สุด 2 คน จากแต่ละกลุ่ม
ไม่ผิดคาด มู่หลิวและฮวาหลีชนะการต่อสู้สามรอบและได้เข้าร่วมเป็นลูกศิษย์ชุดที่สองของเวิ่นหยุนซีพร้อมกับคนอื่นๆ อีก 18 คน
ในที่สุดฉินอวี้ก็มีศิษย์น้อง และครั้งนี้มีถึง 20 คน ทีเดียว เธอรู้สึกพอใจมาก
เมื่อพูดถึงศิษย์น้อง ฉินอวี้อดคิดถึงหลินหว่านหว่านที่ถูกเวิ่นหยุนซีปฏิเสธไม่ให้เป็นลูกศิษย์ไม่ได้
พวกเขาออกจากหมู่บ้านมาได้หลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรกันบ้างที่หมู่บ้านนั้น
…โปรดติดตามตอนต่อไป…
หากพบคำที่พิมพ์ผิด แจ้งได้เลยนะ