ตอนที่ 233 อดีตของลู่ไห่ (ฟรี)
ตอนที่ 233 อดีตของลู่ไห่
“ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้เข้มงวดกับพวกเขามากนักจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หวังว่าท่านจะไม่เก็บมันมาใส่ใจ” องค์หญิงหยุนเซียงหันกลับมา และพูดกับลู่ซุนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอับอาย
“ไม่เป็นไร ข้าไม่โทษเจ้าหรอก” ลู่ซุนส่ายหัวแล้วพูดอย่างสบายๆ เขาไม่ได้สนใจชายคนนั้นเลย
หลังจากที่องค์หญิงหยุนเซียงได้ยินคำพูดของลู่ซุน เธอก็รู้สึกโล่งใจ และใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คนรับใช้ในจวนองค์หญิงต่างก็จ้องมองภาพนี้ด้วยความเงียบงัน และพวกเขามีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับตัวขององค์หญิงหยุนเซียง
นี่เป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ของพวกเขาจริงๆ รึ? ทำไมตอนนี้เธอจึงดูนอบน้อมถึงขนาดนี้?
“รถม้าที่ข้าขอให้พวกเจ้าเตรียมไว้ พร้อมแล้วหรือยัง” องค์หญิงหยุนเซียงหันไปมองคนรับใช้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“พร้อมแล้วขอรับ” คนรับใช้พูดด้วยความเคารพ จากนั้นทหารกว่าสิบคนก็เข้ามาพร้อมกับรถม้าหลายคัน
รถม้าเหล่านั้นดูหูรหรามาก โดยเฉพาะคันที่อยู่ข้างหน้าสุดนั้นโดดเด่นยิ่งกว่าใคร
หากไม่มีสัญลักษณ์ที่ตราไว้ข้างๆ พวกเขาคงคิดว่าเป็นจักรพรรดิต้าเฉียนที่อยู่ภายใน!
“ผู้อาวุโสลู่ เชิญท่านก่อน นี่คือ สิ่งที่เราเตรียมไว้สำหรับท่านโดยเฉพาะ” เกาเจี๋ยโน้มตัวลง และพูดกับลู่ซุนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ
“ขอบคุณ” ลู่ซุนไม่ปฏิเสธ เขาพูดกับเกาเจี๋ย แล้วเดินตรงไปที่รถม้าที่อยู่ด้านหน้าสุด
“ส่วนพวกท่านเชิญทางนี้” องค์หญิงหยุนเซียงพูดกับลู่เหยาและลู่ไห่ จากนั้นชี้ไปที่รถม้าคันที่สอง
“ขอบพระทัยองค์หญิง” ทั้งสองคนโค้งเล้กน้อยให้องค์หญิงหยุนเซียง จากนั้นก็เดินขึ้นรถถ้าคันที่สองไป
องค์หญิงหยุนเซียง และเกาเจี๋ยเข้าไปในรถม้าคันที่สาม พวกเขาวางสถานะของตนเองต่ำมาก
สำหรับลู่เซียวเซียว หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอก็เลือกที่จะไปหาองค์หญิงหยุนเซียงแทนที่จะวิ่งไปหาลู่ซุน
บนรถม้าคันที่สอง ลู่เหยา และลู่ไห่นั่งตรงข้ามกัน
“จักรวรรดิต้าเฉียนร่ำรวยจริงๆ แค่รถม้าที่ใช้สำหรับการเดินทางก็หรูหรามากแล้ว” ลู่ไห่มองไปรอบๆ แล้วพูดด้วยอารมณ์
รถม้าคันนี้ภายในตกแต่งอย่างหรูหราจริงๆ และยังมีค่ายกลโจมตี และป้องกันหลายชั้นถูกวางเอาไว้ แม้แต่ตัวรถก็ยังทำจากไม้หอมชั้นดี
แค่ตัวรถม้าก็กล่าวได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า มันสามารถป้องกันการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหลุดพ้นได้ ในจักรวรรดิต้าเฉียนมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้าของรถม้าระดับนี้
รถม้าที่ทั้งสองคนนั่งอยู่นั้นเป็นของพระราชทานจากจักรพรรดิต้าเฉียน มันถูกมอบให้องค์หญิงหยุนเซียงเป็นการส่วนตัว หลังจากที่เธอเข้าสู่พิธีวิวาห์
“ผู้อาวุโสสาม ท่านคิดว่าตระกูลเราสามารถซื้อรถม้าคันนี้ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่เรามีได้หรือไม่” ดวงตาของลู่เหยาฉายชัดด้วยความอิจฉา และเธอก็ถามลู่ไห่
“เราควรจะซื้อล้อสักข้างหนึ่งได้” หลังจากที่ลู่ไห่คิดอย่างรอบคอบอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตอบคำถามของลู่เหยา
แม้ว่าตระกูลลู่จะถือว่าร่ำรวยได้ในตอนนี้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความร่ำรวยของจักรวรรดิต้าเฉียนแล้ว มันก็แทบจะไม่นับเป็นอะไรเลย
“ผู้อาวุโสสาม ท่านรู้ได้อย่างไรว่ารถม้าคันนี้ลำค่ำถึงขนาดนั้น” ดวงตาของลู่เหยาเต็มไปด้วยความสับสน และเธอก็ถามออกไป
ตั้งแต่มาถึงนครหลวง ลู่ไห่มีพฤติกรรมที่แปลกไปกว่าเดิมมา เขาอยู่ในห้องทุกวันโดยไม่ได้ก้าวออกจากประตูเลยแม้แต่ก้าวเดียว และตอนที่เขาอยู่คนเดียวก็ดูเหมือนจะเหม่อลอยโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“เพราะข้าเคยได้ศึกษาสิ่งเหล่านี้อย่างรอบคอบมาก่อน ข้าจึงรู้ถึงคุณค่าของรถม้าคันนี้” ดวงตาของลู่ไห่เศร้าหมองลง และเขาก็ตอบเสียงเรียบ
เขายังจำเหตุการณ์ในอดีตได้ และภาพความทรงจำที่กระจัดกระจายก็แวบขึ้นมาในใจของเขา
“ท่านเคยศึกษาสิ่งเหล่านี้ด้วยเหรอ?” ลู่เหยาถามด้วยความประหลาดใจ สำหรับสิ่งนี้เธอนึกไม่ถึงจริงๆ
“ข้าเคยสัญญากับผู้หญิงคนหนึ่งไว้ว่าจะสู่ขอเธอด้วยเกี้ยวที่มีระดับเดียวกันกับรถม้าคันนี้” หลังจากที่ลู่ไห่เงียบไปสักพักเขาก็พูดอย่างช้าๆ และความโศกเศร้าในดวงตาของเขาก็ไม่สามารถปกปิดได้
“แล้วท่านได้ทำตามสัญญาแล้วหรือยัง?” หลังจากที่ลู่เหยาได้ยินคำพูดของลู่ไห่ เธอก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
แต่ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็เริ่มเสียใจ
ทุกคนในตระกูลลู่ต่างรู้ดีกว่าผู้อาวุโสสาม ลู่ไห่ และผู้อาวุโสสอง ลู่ซานไม่เคยแต่งงานเลยสักครั้งในชีวิต พวกเขาวิ่งเต้นเพื่อตระกูลลู่มาโดยตลอด เพื่อที่จะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ในอดีตของตระกูลลู่อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาได้ทุ่มเททุกสิ่งที่มี
“ในที่สุดเธอก็ได้นั่งเกี้ยวที่หรูหราอย่างที่ได้หวังเอาไว้” เขาพูดกับลู่เหยาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
“เอ๋? ท่านทำตามสัญญาได้จริงหรือ? ก่อนหน้านี้ท่านรวยขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลังจากที่ลู่เหยาได้ยินคำพูดของลู่ไห่ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดด้วยความตกใจ
รถม้าคันนี้มีค่ามากแค่ไหน? แม้ว่าจะใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลลู่ ก็อาจจะซื้อได้เพียงล้อข้างเดียวเท่านั้น หากต้องการซื้อเกี้ยวที่อยู่ในระดับเดียวกันไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายเงินไปมากมายมหาศาลขนาดไหน
“ข้าไม่ใช่คนที่เธอแต่งงานด้วย” ลู่ไห่ชะงักไปครู่หนึ่ง และเขาก็พูดออกมาเสียงเบาหวิว
"..." ลู่เหยาเปิดปาก แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เธอแค่ยื่นมือออกไปแล้วตบไหล่ของคนตรงหน้าเบาๆ
“หรือนี่จะเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านถึงไม่เคยคิดจะแต่งงานกับใครอีก” ลู่เหยาถามด้วยความกังวลหลังจากลังเลอยู่นาน
“ถูกต้อง” ลู่ไห่พยักหน้าโดยไม่ปิดบังอะไร
“แล้วคนที่ท่านกำลังพูดถึงอยู่ที่นครหลวงเหรอ?” ลู่เหยาจับจ้องไปที่ลู่ไห่ และเธอก็ถามอย่างสงสัย
“ใช่” ลู่ไห่พยักหน้าเล็กน้อย เขาค่อยๆ หลับตา และหยุดพูด
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าท่านมีพรสวรรค์อย่างมากในตอนนั้น และได้รับการคาดหวังให้นำพาตระกูลลู่ไปสู่ความรุ่งโรจน์ แต่ในท้ายที่สุดท่านก็ติดคอขวดอยู่ในขอบเขตก่อตั้งรากฐาน มันเกิดจากปมในใจนี่เอง” ลู่เหยาเหลือบมองลู่ไห่เล็กน้อยแล้วพูด จากนั้นเธอก็พึมพำกับตัวเองในใจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แล้วผู้อาวุโสสองล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?” ร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้นในใจของลู่เหยาอย่างช้าๆ
“เหมือนกับผู้อาวุโสสามหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะสิ่งอื่น?” ดวงตาของลู่เหยาเป็นประกาย และเธอก็ดูตื่นเต้นไม่น้อย
“ผู้อาวุโสสาม ท่านรู้ไหมว่าทำไมผู้อาวุโสสองถึงไม่คิดจะแต่งงาน?” ลู่เหยาไม่สามารถระงับความสงสัยในใจได้ และถามออกมาดังๆ
“เขาแตกต่างจากข้า เขาตกหลุมรักคนผิดจึงสูญเสียความปรารถนาทั้งหมดในชีวิต สิ่งนี้ทำให้เขาท้อแท้ และทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับความเจริญรุ่งเรืองของตระกูล” ลู่ไห่พูดเบาๆ หลังถอนหายใจยาว