ตอนที่ 166 ปล้นกันโต้งๆ
พอไป๋หลี่หมิงกับเตียนอุยเข้าเมืองเจียงหลิง พวกเขาก็ไปที่จวนเจ้าเมือง
ตอนนี้ เขาก็ได้พบกับพี่เมีย ซัวเหมา
จริงๆ แล้ว พอเขามองซัวเหมา เขาก็รู้สึกแบบนั้น
ถ้าหากอ่านนิยายบ่อยๆ อาจจะคิดว่านี่เป็นคนที่เจ้าเล่ห์
แต่ในความเป็นจริง คนแบบนี้มักจะเป็นคนที่ดูดี
เห็นได้ชัดว่าซัวเหมาคือคนที่ดูดี
แต่ตอนที่เขามองซัวเหมา ซัวเหมาเองก็กำลังมองเขา
ถึงแม้ว่าชายร่างสูงใหญ่ จะสวมเสื้อผ้า แต่ก็มองเห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
ไม่ต้องคิดเลย พอเขาไปที่สนามรบ เขาต้องเป็นขุนพล
ส่วนไป๋หลี่หมิง เขาสวมชุดผ้าไหมสีขาว สวมมงกุฎ และถือพัด
พอเขาเข้ามา เขาก็เปิดพัด
เขารูปร่างสูง หล่อเหลาและสง่างาม
ถึงแม้ว่าซัวเหมาจะสับสน แต่เขาก็อดชมไม่ได้
แค่หน้าตาก็เรียกว่าหล่อแล้ว!
แต่มีปัญหาอยู่!
ทำไมคนแบบนี้ ถึงได้ถือหยกของน้องสาวข้า?
ต้องรู้ว่าหยกของน้องสาว มันมีค่ามาก!
เว้นแต่ว่าจะมีใจ ไม่อย่างนั้น ก็จะไม่มอบหยกให้
แต่ชายคนนี้ มันไม่ใช่’ขุนพล’ที่ซุนเกี๋ยนพูดถึง!
“เจ้าเป็นใคร?”
ซัวเหมาทำหน้าจริงจัง
“เจ้ามาจากไหน มาที่นี่ทำไม?”
พอได้ยิน เตียนอุยที่อยู่ข้างหลังไป๋หลี่หมิง ก็อดเกร็งไม่ได้
ไป๋หลี่หมิงสะบัดพัด
“ข้าเป็นใคร? เห็นหยกแล้ว ท่านเจ้าเมืองยังไม่รู้หรือ?”
“แน่นอน ข้ามาเยี่ยมญาติ!”
“ทำไมพอเห็นญาติ ท่านเจ้าเมืองถึงได้ไม่เชิญให้นั่ง?”
ปัง!
พอไป๋หลี่หมิงพูดจบ ซัวเหมาก็ทุบโต๊ะ
“ข้าชอบอกให้เจ้ารู้ไว้ ตอนที่ข้ายังอดทน เจ้าควรจะบอกมา!”
“ไม่อย่างนั้น ระวังดาบของข้า!”
พอได้ยิน ไป๋หลี่หมิงก็ยิ้ม
“ถ้าหากท่านเจ้าเมืองอยากจะฆ่าข้า ท่านก็คงจะฆ่าข้าไปนานแล้ว ทำไมถึงได้เชิญข้าเข้าเมือง?”
“ข้าไม่มีข้อดีมากมาย ข้าแค่กล้า ดังนั้น ไม่ต้องขู่ข้า!”
“แต่ท่านเจ้าเมือง ควรจะคิดให้ดี พวกเราต้องพูดเรื่องครอบครัวต่อหน้าคนนอกจริงๆ เหรอ?”
“ข้าแค่กลัวว่าตอนนั้น ท่านเจ้าเมืองจะอธิบายกับพี่เขยไม่ได้!”
“ข้าจะให้ทหารของข้าออกไปก่อน ท่านก็ให้ทหารของท่านออกไปด้วย พวกเราคุยกันดีๆ เป็นไง?”
“ทหาร?”
หลังฟังคำของไป๋หลี่หมิง เตียนอุยก็ตกตะลึง
ตอนนี้ มีแค่พวกเขา 3 คน แล้วทหารของซัวเหมาอยู่ไหน?
แต่แม้เขาจะไม่รู้ แต่ซัวเหมารู้
พอได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป!
เพราะแค่คำพูดไม่กี่คำ ไป๋หลี่หมิงก็เผยข้อมูลมากมาย!
หนึ่ง เขารู้ความคิดของเขา
สอง ถึงแม้ว่าเขาจะทำอะไรเขา เขาก็ไม่กลัว!
สาม เขารู้ว่าเขาซ่อนนักดาบไว้!
สี่ เขาคือพี่เมีย แต่ตัวตนของเขาพิเศษ ถ้าบอก มันจะกระตุ้นข้อสงสัยของเล่าเปียว!
ห้า เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่พวกเขาคุยกัน!
แค่คำพูดไม่กี่คำ เขาไม่ได้เผยข้อมูลที่ผิดปกติ แต่เขาพูดทุกอย่างที่ควรพูด!
ตอนนี้ พอเขาฟังจบ เขาก็เหลือแค่ 2 ทางเลือก
ไล่คนตรงหน้าและฆ่าเขา ทำให้น้องสาวเขาเป็นม่าย
หรือปล่อยเขาไปและเรียกนักดาบกลับ
พอคิดแบบนี้ เขาก็หรี่ตา
พูดอีกอย่างก็คือข่าวที่ว่าซุนเกี๋ยนให้น้องสาวของเขาแต่งกับคนเลี้ยงม้า มันเป็นข่าวปลอม!
และชายหนุ่มคนนี้ ก็คือน้องเขยตัวจริงของเขา!
และชายหนุ่มคนนี้ ก็มาที่นี่เพื่อที่จะคุยเรื่องที่บอกคนอื่นไม่ได้
บวกกับที่กองทัพซุนเกี๋ยนบุกหนานจวิน เป้าหมายของชายหนุ่มคนนี้ มันชัดเจน!
ซัวเหมายิ้มเย็น
“เจ้ามั่นใจได้ยังไงว่าข้าอยากจะคุยเรื่องครอบครัวที่เจ้าพูดถึง?”
“ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติ แต่ข้าก็ไม่กลัว!”
ไป๋หลี่หมิงหันไปยิ้มกับเตียนอุย
“พี่ชายออกไปก่อน ดูเหมือนว่าท่านเจ้าเมืองจะตกลงคุยเรื่องครอบครัวกับข้าแล้ว!”
“อ่า? ได้!”
เตียนอุยตกตะลึง จริงๆ แล้ว เมื่อกี้ เขาไม่เข้าใจอะไรเลย
แต่ในเมื่อไป๋หลี่หมิงพูด เขาก็ทำตาม ขณะพูด เขาก็ผลักประตูและออกไป
ซัวเหมาหรี่ตาและมองไป๋หลี่หมิง
“ทุกคน ถอย!”
พอเขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงของชุดเกราะ
ตอนนี้ ในห้อง ก็มีแค่พวกเขา 2 คน
ไป๋หลี่หมิง คำนับ
“ข้าไป๋หลี่หมิง ขอคำนับท่านเจ้าเมืองซัว!”
“ไป๋หลี่หมิง...”
พอซัวเหมาได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ถึงแม้ว่าเขาจะเดาได้ แต่เขาก็ยังคงตกใจตอนได้ยิน
“เจ้ากล้ามาที่นี่ได้ยังไง?”
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะจับเจ้าและใช้เจ้าขู่ซุนเกี๋ยนหรือ?”
“แน่นอน ข้าไม่กลัว!”
ไป๋หลี่หมิงยิ้ม
“เว้นแต่ว่าท่านจะอยากให้น้องสาวเป็นม่ายหรืออยากจะทำลายตระกูล!”
“ฮี่ๆๆ...ทำลายตระกูล?”
ซัวเหมาแค่นเสียง
“เจ้ากำลังขู่ข้าเหรอ?”
“ไม่!”
ไป๋หลี่หมิง พูดอย่างใจเย็น
“ข้ากำลังพูดความจริง!”
“ถ้าหากท่านฆ่าข้า ไม่ใช่แค่ตระกูลซัวที่จะถูกทำลาย แต่คนทั้งเมืองก็จะถูกฝังพร้อมกับข้า!”
“ข้าคิดว่าท่านพี่คงจะเข้าใจเรื่องง่ายๆ แบบนี้!”
“ฮึ่ม!”
ซัวเหมาแค่นเสียง ถึงแม้ว่าเขาจะอยากจะเถียง แต่เขาก็รู้ว่านี่คือความจริง
ถ้าหากไป๋หลี่หมิงตายที่นี่ เกรงว่าไม่มีใครทนความโกรธของซุนเกี๋ยนได้
เขาสามารถยับยั้งซุนเกี๋ยนได้เพราะมันเป็นหน้าที่
แต่ถ้าหากไป๋หลี่หมิงถูกฆ่า มันก็จะกลายเป็นความแค้นส่วนตัว
หลังจากแค่นเสียง เขาก็พูด
“ตอนนี้ ข้าอยากจะรู้ ในเมื่อน้องสาวข้าแต่งงานกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้ประกาศว่านางแต่งงานกับคนเลี้ยงม้า?”
“เจ้าไม่ควรทำแบบนั้นเพื่อที่จะทำให้พี่เมียโกรธ!”
“แน่นอนว่าไม่ใช่!”
ไป๋หลี่หมิงหัวเราะ
“เหตุผลที่พวกเราทำแบบนี้ ก็เพื่อที่จะได้พบกัน!”
“เป้าหมายของพวกเราไม่ใช่เล่าเปียว แต่เป็นท่าน!”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะบอกเจ้า!”
ซัวเหมาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะแต่งงานกับน้องสาวข้า ข้าก็จะไม่ยอมแพ้!”
“เจ้าน่าจะรู้ว่าน้องสาวของช้สเป็นภรรยาของเล่าเปียว และตระกูลซัวทั้งหมดก็อยู่ในเมืองเซียงหยาง!”
“ถ้าหากเจ้าไม่ยอมแพ้ อย่างมาก ข้าก็แค่ตาย แต่ถ้าหากเจ้ายอมแพ้ ตระกูลซัวก็จะตาย!”
“ข้าไม่สามารถทิ้งตระกูลซัวเพราะเจ้าได้!”
พอได้ยินแบบนั้น ไป๋หลี่หมิงก็ส่ายหัวและยิ้ม
“ท่านพี่ ท่านคิดว่าข้าคิดเรื่องนี้ไม่ถึงเหรอ?”
“ข้าแค่บอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อที่จะพูดเรื่องครอบครัว!”
“และเพราะพวกเราเป็นญาติ ข้าเลยจะบอกข้อมูลสำคัญกับท่าน!”
พอได้ยินแบบนั้น ซัวเหมาก็ตกใจ
“เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะชวนข้าให้ยอมแพ้?”
“แล้วเจ้าจะพูดเรื่องครอบครัวอะไร? ข้อมูลอะไร?”
“ส่วนเรื่องครอบครัว น้องสาวท่านเขียนจดหมายและฝากข้าเอามาให้ท่าน!”
ไป๋หลี่หมิงหยิบผ้าไหมออกมาจากแขนเสื้อ และยื่นให้ซัวเหมา
บนผ้าไหม เป็นจดหมายของซัวหยู
แน่นอน นี่คือจุดประสงค์ของไป๋หลี่หมิง
เพราะซัวหยูกับซัวเหมาสนิทกันมาก
เทียบกับน้องสาว 2 คน ซัวเหมาสนิทกับซัวหยูมากกว่า
ซัวเหมารู้สึกผิดกับซัวหยู
ถึงแม้ว่าซัวเหมาจะดูซาบซึ้งตอนที่เห็นจดหมายของน้องสาวคนเล็ก แต่เขาก็ยังคงสนใจในสิ่งที่ไป๋หลี่หมิงพูด
“ข้อมูลอะไรที่เจ้าอยากจะบอกข้า?”
“ข้อมูลนี้สำคัญมาก ข้าหวังว่าท่านจะรู้!”
พอได้ยิน ไป๋หลี่หมิงก็ยิ้ม เดินไปข้างหน้า มาที่ข้างหูซัวเหมา
“คืนนี้ ตอนตี 3 กองทัพเราจะโจมตีเมือง!”
“ท่านพี่ โปรดเตรียมตัวด้วย!”
“เจ้า!”
พอได้ยิน ซัวเหมา ก็ตกใจ
“ม...”
“ชู่!”
ไป๋หลี่หมิงรีบห้ามซัวเหมาและยกยิ้มมุมปาก
“พี่ซัว นี่คือข้อมูลลับ!”
“อย่าบอกใคร ระวังกำแพงมีหู!”
“...”
พอเห็นท่าทางของไป๋หลี่หมิง ซัวเหมาก็พูดไม่ออก
นี่มันข้อมูลสำคัญหรือ?
แน่นอน!
เพราะนี่คือการเคลื่อนไหวของศัตรู!
แต่ทำไมไป๋หลี่หมิงถึงได้บอกข้อมูลนี้กับเขา?
เขาต้องเตรียมตัวอะไร?
นี่มันน่าคิด!
ในฐานะกุนซือ ข้อมูลอะไรที่ไป๋หลี่หมิงไม่รู้?
แม้แต่การโจมตีคืนนี้ มันก็อาจจะเป็นแผนของเขา...
แล้วทำไมไป๋หลี่หมิงถึงบอกเขา?
ความหมายมันชัดเจน มันคือการบังคับให้เขาเลือก!
เขาสามารถเลือกที่จะยืนหยัด!
ถ้าอย่างนั้น กองทัพซุนเกี๋ยนก็จะต้องสูญเสีย
และเขาก็จะแสดงให้เห็นว่าเขาจะต่อสู้กับกองทัพซุนเกี๋ยน
ในทำนองเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาเลือกที่จะเพิกเฉย มันก็ยังแสดงให้เห็นว่าเขาจะต่อสู้กับกองทัพซุนเกี๋ยน!
พูดอีกอย่างก็คือตั้งแต่ที่เขาได้ยินข้อมูลนี้!
เขาเหลือแค่ 2 ทางเลือก!
ยืนหยัดหรือช่วยกองทัพซุนเกี๋ยนบุกเมือง!
การเลือกทางเลือกแรกหมายความว่าการเจรจาล้มเหลว
การเลือกทางเลือกที่สองหมายความว่าทรยศเล่าเปียว!
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เลือกทางเลือกที่สอง มันไม่ใช่แค่การช่วยพวกเขาบุกเมือง
เพราะเขิ่งบอกว่าการยอมแพ้ มันจะทำให้ตระกูลตาย
แบบนี้ เขาก็มีเหตุผล
แต่เขาจะไม่ยอมแพ้!
โดยเฉพาะเพราะการโจมตียามดึกของศัตรูที่จะทำให้ทั้งเมืองสูญเสีย
ตอนนี้ กองทัพซุนเกี๋ยนมาเร็ว ถ้าหากเขาแพ้ เล่าเปียวก็แค่ด่าเขา
แต่ปัญหาคือหลังจากที่เขาแพ้ เขาก็ยังมีชีวิตอยู่และกลับไปอยู่ภายใต้คำสั่งของเล่าเปียว!
อีกฝ่ายใช้เขาเพื่อที่จะยึดเมือง
ดังนั้น พอเขากลับไปอยู่ภายใต้คำสั่งของเล่าเปียว เขาก็ต้องช่วยกองทัพซุนเกี๋ยน
จนกระทั่งเล่าเปียวถูกทำลาย!
บวกกับสิ่งที่ไป๋หลี่หมิงพูด นี่มันคือการบอกเขาว่าข้ารู้ว่าการยอมแพ้ของเจ้าจะทำลายทั้งตระกูล ข้าจึงหาหตุผลให้เจ้าเข้าร่วมกับเรา!
และหลังจากเข้าร่วมแล้ว เจ้าก็คือพวกเรา!
นี่คือเหตุผลที่ไป๋หลี่หมิงบอกว่ามันคือ’เรื่องครอบครัว’
ถ้าอยากจะเป็นคนในครอบครัว นี่ก็คือเรื่องครอบครัว
ถ้าหากไม่ใช่ แบบนั้น จดหมายของซัวหยูก็คือเรื่องครอบครัว!
พอคิดแบบนี้ เขาก็ตัวสั่น มองไป๋หลี่หมิงด้วยความกลัว
ชายหนุ่มคนนี้ มันน่ากลัวมาก!
บวกกับสิ่งที่ไป๋หลี่หมิงพูด เป้าหมายของไป๋หลี่หมิง มันชัดเจนมาก
ใช้ชีวิตของตระกูลซัวเพื่อที่จะแลกกับการยอมแพ้ของเขา!
ถ้าหากเขาไม่ยอมแพ้ ในตระกูลซัว มีแค่ซัวหยูที่จะไม่ตาย!
แล้วไป๋หลี่หมิงทำได้ไหม?
แน่นอนว่าทำได้!
เพราะข้าบอกว่าเขาคือญาติ
ถ้าหากแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก็หมายความว่าไม่คิดจะเป็นญาติ
ถ้าหากไม่ใช่ญาติ แล้วขัดขวางกองทัพซุนเกี๋ยน เขาก็คือศัตรู!
ไป๋หลี่หมิงเคยใจอ่อนกับศัตรูหรือยัง?
“น้องเล็กรู้ไหมว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไร?”
ซัวเหมาตัวสั่น
“เจ้าบอกว่านางคือคู่หมั้นของเจ้า แต่นางรู้ไหมว่าตอนนี้ เจ้ากำลังทำอะไร?”
“นางต้องรู้ด้วยเหรอ?”
ไป๋หลี่หมิงแค่นเสียง
“ตอนที่ท่านส่งนางไป ท่านคิดว่านางเป็นเครื่องมือหรือคนในครอบครัว?”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมนางต้องรู้?”
พอพูดแบบนี้ เขาก็อดยิ้มไม่ได้
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราเป็นญาติ ข้าก็จะพูดอีก 2-3 คำ!”
“ในโลกนี้ การเติมน้ำตาลลงในเค้ก มันไม่จริงใจเท่ากับการให้ฟืนในยามหิมะตก!”
“ท่านกับพี่น้องเก๊งช่วยเล่าเปียวยึดเกงจิ๋ว ตอนนี้ ท่านอยากจะแข็งตายกับมันท่ามกลางหิมะหรือ?”
“ท่านน่าจะรู้ว่าถ้าหากข้ามาที่นี่ได้ ข้าก็จะไปถึงถิงหยางได้!”
“สำหรับคนอื่น มันคือระยะทางหลายร้อยลี้ แต่สำหรับข้า มันเป็นแค่เรื่องของเวลา”
“แค่กระบวนการมันต่างกัน มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเราจะนั่งเรือหรือรถ!”
“ข้ามาจากลั่วหยาง ไกลนับพันลี้ ดังนั้น ระยะทางไม่กี่ร้อยลี้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่”
หลังจากพูด เขาก็ตบไหล่ซัวเหมา
“พี่ซัวเป็นคนฉลาด”
“ข้าหวังว่าท่านจะเตรียมพร้อม!”
หลังจากตบ 2 ครั้ง เขาก็ไป
“พี่เตียน ไปกันเถอะ!”
“อ่า? ไปแล้ว?”
“แล้วคนที่เจ้าบอกว่าจะมาต้อนรับละ?”
“โอ้ ไม่มี ครั้งนี้ ข้าแพ้!”
“โชคดีที่พี่เตียนไม่ได้เดิมพัน!”
“ไม่ เจ้าไม่ได้แพ้”
ท่ามกลางเสียงดัง เสียงของทั้งสองก็ค่อยๆ จางหายไป
ซัวเหมานั่งอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจ ราวกับว่าเขาแก่ขึ้นหลายสิบปี
“โจมตีเมือง? เจ้าปล้นกันโต้งๆ เลย!”
แต่พอเขาพูดจบ เขาก็มองห้องที่ว่างเปล่า
การมีญาติแบบนี้ มันดีหรือไม่ดี? ตอนนี้ซัวเหมาสับสนไปหมด