ตอนที่ 120 ฮู่อันเจิ้น เจ้าเมืองเจียหลิน (ฟรี)
ตอนที่ 120 ฮู่อันเจิ้น เจ้าเมืองเจียหลิน
ไป๋จื่ออันต้องจัดการกับคลื่นสัตว์ร้ายครั้งนี้ให้ได้ เขามีจุดยืนที่ชัดเจน
แต่สำหรับวิธีการ เขาจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ถ้ากำจัดสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงที่บุกโจมตีเมืองเจียหลินทั้งหมด แน่นอนว่ามันเป็นวิธีที่ดี
แต่ไป๋จื่ออันไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้เท่าไหร่
อย่างแรกเลยก็คือคลื่นสัตว์ร้ายครั้งนี้มันมีสาเหตุ พวกมันไม่ได้บุกโจมตีแบบไม่มีเหตุผล
ถ้าเอี๋ยนเฟยเฉินไม่มาที่ป่ากล้วยมรกต ไม่ทำเรื่องแย่ๆ ไว้มากมาย ก็คงจะไม่เกิดคลื่นสัตว์ร้ายขึ้น
พูดได้เลยว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดก็คือเอี๋ยนเฟยเฉิน
อย่างที่สองก็คือป่ากล้วยมรกตถือเป็นเขตแดนของเมืองไป๋หลิน มันเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญมาก มันสามารถสร้างรายได้และทรัพยากรมากมาย
เพราะแบบนั้นพวกเขาถึงได้สร้างเมืองเจียหลินขึ้นมา
ถ้าสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงถูกกำจัดไปจนหมด
ป่ากล้วยมรกตก็คงจะกลายเป็นป่าร้าง
ยังไงซะ ป่ากล้วยมรกตที่ไม่มีสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงก็คงไม่ใช่ป่ากล้วยมรกตอีกต่อไป
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือกำจัดหัวหน้าของพวกมัน แล้วขับไล่พวกที่เหลือกลับไปที่ป่ากล้วยมรกต
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด มันสอดคล้องกับการพัฒนาในระยะยาว
นี่คือสิ่งที่ไป๋จื่ออันคิด
พูดได้เลยว่าตอนที่ไป๋จื่ออันได้ยินเรื่องคลื่นสัตว์ร้าย เขาคิดแผนการนี้เอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว
เขาจะกำจัดหัวหน้าของสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิง หลังจากนั้นพวกที่เหลือก็จะไม่มีผู้นำ เขาจะขับไล่พวกมันกลับไปที่ป่ากล้วยมรกต
นี่คือแผนการของไป๋จื่ออัน
แต่ตอนที่ไป๋จื่ออันเห็นลิงยางตัวน้อย เขาจึงเกิดแผนการใหม่ขึ้นมาในใจ
บางทีเขาอาจจะใช้โอกาสนี้เอาชนะใจลิงยางตัวน้อยอีกครั้งก็ได้
ด้วยเหตุนี้ ตอนแรกไป๋จื่ออันถึงได้แสดงท่าทีที่แน่วแน่มาก เขาบอกว่าจะกำจัดคลื่นสัตว์ร้ายทั้งหมด
พอเห็นลิงยางตัวน้อยทำท่าทีลำบากใจ ไป๋จื่ออันจึงพูดอีกครั้ง
เขาบอกว่าเขาทำได้แค่กำจัดหัวหน้าของพวกมัน
จากนั้นเขาก็จะขับไล่พวกที่เหลือกลับไปที่ป่ากล้วยมรกต
แบบนั้นลิงยางตัวน้อยก็จะรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขา
ต้องยอมรับเลยว่าไป๋จื่ออันร้ายกาจมาก เขาคิดแผนการหลอกลวงลิงยางตัวน้อยเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว
จริงๆ แล้ว การใช้ทั้งพระเดชและพระคุณเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปฏิบัติกับสัตว์วิญญาณ
ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังบังคับหรือการยอมอ่อนข้อให้มากเกินไป มันไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้สัตว์วิญญาณกับสัตว์วิญญาณ
นี่เป็นวิธีการของไป๋จื่ออัน
ก่อนหน้านี้ ไป๋จื่ออันก็เคยทำแบบนี้กับปลาเกล็ดขาวเงายักษ์และอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์
ก็เหมือนกับอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์
ตอนแรกๆ มันหยิ่งผยองมาก
ก็เพราะว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ มันมีคุณสมบัติสูงส่ง
แต่ไป๋จื่ออันใช้วิธีให้ทรัพยากรธาตุไฟล่อลวงมันก่อน จากนั้นก็สอนและฝึกฝน ทำให้มันตกตะลึงในตัวเขา ยอมศิโรราบให้กับเขา
เมื่อเวลาผ่านไป ทัศนคติที่อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์มีต่อเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มันเชื่อฟังคำสั่งของเขาทุกอย่าง
นี่ก็เป็นวิธีการใช้พระเดชและพระคุณเช่นกัน
พูดได้เลยว่าไป๋จื่ออันมีประสบการณ์มากในด้านการฝึกฝนสัตว์วิญญาณ
ไม่งั้นสัตว์วิญญาณที่หยิ่งยโสอย่างปลาเกล็ดขาวเงายักษ์กับอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์จะยอมเชื่อฟังคำสั่งของเขาได้ยังไง
แผนการของไป๋จื่ออันประสบความสำเร็จ
ลิงยางตัวน้อยรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำพูดของไป๋จื่ออัน
มันไม่คิดเลยว่าไป๋จื่ออันจะคิดมากขนาดนี้
เขายอมกำจัดหัวหน้าของพวกมัน เพื่อไว้ชีวิตพวกที่เหลือ ปล่อยให้พวกมันกลับไปที่ป่ากล้วยมรกต
ทันใดนั้น ลิงยางตัวน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองเจอผู้ใช้สัตว์วิญญาณที่คู่ควรแก่การติดตามแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นยาบำรุงร่างกายเมื่อกี้ หรือเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไป๋จื่ออันกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นห่วงมันจริงๆ
เรื่องนี้ทำให้ลิงยางตัวน้อยรู้สึกซาบซึ้งใจ
มันตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้มันจะติดตามไป๋จื่ออันไปทุกที่ มันจะตอบแทนบุญคุณของเขา
ถ้าปลาเกล็ดขาวเงายักษ์อยู่ตรงนี้ มันคงจะมองบนไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่านายท่านของมันกำลังหลอกลวงสัตว์วิญญาณอีกแล้ว
แต่นี่ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ!
"เข้าใจก็ดีแล้ว ทุกอย่างที่ฉันทำไปก็เพื่อแกทั้งนั้นแหละ"
"เอาล่ะ ตั้งใจฝึกฝนซะ หลังจากที่การต่อสู้ครั้งนี้จบลง ฉันจะพาแกไปที่เมืองไป๋หลิน ฉันจะช่วยแก้ปัญหาของแกเอง"
ไป๋จื่ออันมองไปยังลิงยางตัวน้อยก่อนจะพูดออกมา
ต้องยอมรับเลยว่าไป๋จื่ออันมีพรสวรรค์ในการพูดจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหลอกลวงลิงยางตัวน้อย แต่เขากลับบอกว่าทั้งหมดนี้ก็เพื่อมัน
แต่ถึงแบบนั้นเขาไม่อยากให้ลิงยางตัวน้อยออกไปรบ นี่เป็นความคิดจากใจจริง
ยังไงซะ ตอนพูดมันก็ดูง่าย
ถ้ามันเห็นสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงพวกนั้นโดนมนุษย์โจมตี มันจะคิดยังไง?
การทิ้งมันเอาไว้ที่ที่พักของตระกูลไป๋น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หลังจากนั้น ไป๋จื่ออันก็สั่งให้คนของเขาคอยดูแลลิงยางตัวน้อย จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปที่กำแพงเมืองทันที
ไม่นานไป๋จื่ออันก็มาถึงกำแพงเมืองเจียหลิน
เพราะโลกแห่งสัตว์วิญญาณมันอันตราย เมืองกับหมู่บ้านจึงเป็นเหมือนฐานทัพของมนุษย์
ยิ่งไปกว่านั้น บนดินแดนรกร้างยังมีสัตว์วิญญาณดุร้ายมากมาย
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองหรือหมู่บ้าน พวกเขาจะมีการสร้างกำแพงเมืองขึ้นเพื่อป้องกัน
ในฐานะที่เป็นเมืองชายแดนที่อยู่ติดกับป่ากล้วยมรกต เมืองเจียหลินก็มีกำแพงเมืองเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ความหนาของกำแพงเมืองเจียหลินยังเทียบเท่ากับกำแพงเมืองใหญ่ๆ อีกด้วย
ยังไงซะเมืองเจียหลินก็อยู่ติดกับแหล่งทรัพยากรระดับทองคำ ระดับการป้องกันจึงสูงมาก
ตอนที่ไป๋จื่ออันเดินทางมาถึง เจ้าเมืองเจียหลินกับเหล่าผู้ใช้สัตว์วิญญาณก็มารวมตัวกันอยู่ที่กำแพงเมืองเรียบร้อยแล้ว
เจ้าเมืองเจียหลินเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดุดัน ชื่อของเขาคือฮู่อันเจิ้น
ข้างกายของฮู่อันเจิ้นมีสิงโตตัวใหญ่ยืนอยู่ มันสูงกว่าสามเมตร เป็นสัตว์วิญญาณที่ดูสง่างามมาก
นี่คือสัตว์วิญญาณหลักของฮู่อันเจิ้น สิงโตโลหิตเพลิงคำรามระดับทองคำ มันเป็นถึวิญญาณระดับทองคำที่แข็งแกร่งมาก
จริงๆ แล้ว ไป๋จื่ออันรู้สึกประทับใจในตัวฮู่อันเจิ้นมาก
เพราะตอนที่เมืองเจียหลินเพิ่งจะถูกสร้างขึ้น ฮู่อันเจิ้นอาสาที่จะมาประจำการที่เมืองเจียหลิน
รู้มั้ยว่าเมืองเจียหลินเป็นแค่เมืองชายแดน สภาพความเป็นอยู่ก็เทียบกับเมืองไป๋หลินไม่ได้
ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีป่ากล้วยมรกตก็จริง แต่อันตรายก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
การที่เขายอมมาเป็นเจ้าเมืองเจียหลิน คอยดูแลความปลอดภัยของเมืองเจียหลิน มันก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกประทับใจ
“สาเหตุที่ทำให้เกิดคลื่นสัตว์ร้ายขึ้น ก็เพราะว่าหัวหน้าของกลุ่มนักผจญภัยลิงแดงมันโลภมาก มันพาลูกน้องบุกเข้าไปในป่ากล้วยมรกต”
“การกระทำของพวกมันทำให้สัตว์วิญญาณในป่ากล้วยมรกตโกรธแค้น นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“ตอนนี้ ฉันได้ตัดสินให้หัวหน้าของกลุ่มนักผจญภัยลิงแดงมีความผิดฐานทรยศ”
“คลื่นสัตว์ร้ายกลายเป็นภัยพิบัติสำหรับเมืองเจียหลินของพวกเราแล้ว”
“เพื่อที่จะปกป้องบ้านเกิดของพวกเรา ผู้ใช้สัตว์วิญญาณทุกคนจงร่วมมือกันต้านทานคลื่นสัตว์ร้ายให้ได้”
ฮู่อันเจิ้น เจ้าเมืองเจียหลิน ยืนอยู่บนกำแพงเมือง พูดปลุกใจผู้ใช้สัตว์วิญญาณกับชาวบ้านที่อยู่ด้านล่าง
ไป๋จื่ออันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เขาไม่คิดเลยว่าฮู่อันเจิ้นจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับกลุ่มนักผจญภัยลิงแดง
แต่พอคิดดูดีๆ แล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดี
เพราะคลื่นสัตว์ร้ายครั้งนี้มันเกิดขึ้นกะทันหัน หลายคนยังตั้งตัวไม่ติด
เรื่องนี้ทำให้ผู้ใช้สัตว์วิญญาณกับชาวบ้านรู้สึกกังวลใจ
ถ้าไม่หาแพะรับบาป มันอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาก็ได้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ การหาคนรับผิดชอบจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น
ตอนนี้ พวกเขาก็แค่พูดถึงเรื่องที่เอี๋ยนเฟยเฉินทำก็พอแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉิน
เรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉินมันสำคัญเกินไป
ตราบใดที่คนของเมืองไป๋หลินยังไม่เดินทางมาถึง เขาก็ไม่สามารถพูดถึงเรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉินได้
ดังนั้น การโยนความผิดให้กับกลุ่มนักผจญภัยลิงแดงที่ถูกทำลายไปแล้วจึงเป็นความคิดที่ดี
ไป๋จื่ออันมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความคิดของฮู่อันเจิ้น
ยังไงซะฮู่อันเจิ้นก็ไม่รู้เรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉิน แล้วเขาจะไปพูดได้ยังไง?
ตอนที่ไป๋หยวนไปที่จวนเจ้าเมืองเพื่อแจ้งเรื่องต่างๆ เขาคงจะบอกเรื่องนี้กับฮู่อันเจิ้นด้วย
นั่นเลยทำให้ฮู่อันเจิ้นต้องทำแบบนี้
ไป๋จื่ออันเดาความจริงได้ในเวลาอันสั้น
ส่วนเรื่องการปลุกใจนั้น ไป๋จื่ออันไม่ได้สนใจมันมากนัก เขามองออกไปนอกกำแพงเมือง
ตอนนี้นอกกำแพงเมืองมีสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงระดับเหล็กดำเป็นจำนวนมากปรากฏตัวอยู่ พวกมันกำลังโจมตีกำแพงเมืองอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผู้ใช้สัตว์วิญญาณบนกำแพงเมืองก็กำลังสั่งให้สัตว์วิญญาณของพวกเขาต่อสู้
ใต้กำแพงเมืองมีซากศพของสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงมากมาย
พูดได้เลยว่าตอนนี้คลื่นสัตว์ร้ายเริ่มขึ้นแล้ว
นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเกิดคลื่นสัตว์ร้ายขึ้น สัตว์วิญญาณจะไม่รอให้มนุษย์ตอบโต้ พวกมันจะบุกโจมตีทันที
การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้สัตว์วิญญาณกับสัตว์วิญญาณป่าจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไป๋จื่ออันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขามองไปทางป่ากล้วยมรกต
เพราะเขากำลังจับตาดูหัวหน้าของพวกมัน สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด
พูดตามตรง ตอนนี้ไป๋จื่ออันกำลังคิดถึงปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง
อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์ในตอนนี้จะสามารถจัดการกับสัตว์วิญญาณระดับทองคำขั้นสูงได้อีกรึเปล่า?
ถึงแม้ว่าในการต่อสู้กับยักษ์ต้นไม้ที่เกิดจากการหลอมรวมของเอี๋ยนเฟยเฉินกับต้นกล้วยมรกตทอง อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็จริง
แต่หลังจากเอาชนะเอี๋ยนเฟยเฉินได้สำเร็จ อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นระดับเหล็กดำขั้นสูง
พลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ไป๋จื่ออันใช้พรสวรรค์ [ผูกพันธะ] รวมเข้ากับอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์ระดับเหล็กดำระดับกลาง เขาก็สามารถใช้พลังที่ใกล้เคียงกับระดับทองคำระดับกลางได้
ตอนนี้อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์เลื่อนขั้นเป็นระดับเหล็กดำขั้นสูงแล้ว พลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
ถ้าเขาใช้พรสวรรค์ช่วยมันอีก บางทีมันอาจจะสามารถจัดการกับหัวหน้าของพวกมันได้ก็ได้
นี่คือสิ่งที่ไป๋จื่ออันคิดอยู่ในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม นอกจากสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงจำนวนมากแล้ว เขากลับไม่เห็นสัตว์วิญญาณระดับทองคำเลยแม้แต่ตัวเดียว
ดูเหมือนว่าหัวหน้าของพวกมันจะฉลาดกว่าที่คิด