ตอนที่แล้วตอนที่ 119 วิกฤตเมืองเจียหลิน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 121 ความตกตะลึงของฮู่อันเจิ้น!

ตอนที่ 120 ฮู่อันเจิ้น เจ้าเมืองเจียหลิน (ฟรี)


ตอนที่ 120 ฮู่อันเจิ้น เจ้าเมืองเจียหลิน

ไป๋จื่ออันต้องจัดการกับคลื่นสัตว์ร้ายครั้งนี้ให้ได้ เขามีจุดยืนที่ชัดเจน

แต่สำหรับวิธีการ เขาจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

ถ้ากำจัดสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงที่บุกโจมตีเมืองเจียหลินทั้งหมด แน่นอนว่ามันเป็นวิธีที่ดี

แต่ไป๋จื่ออันไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้เท่าไหร่

อย่างแรกเลยก็คือคลื่นสัตว์ร้ายครั้งนี้มันมีสาเหตุ พวกมันไม่ได้บุกโจมตีแบบไม่มีเหตุผล

ถ้าเอี๋ยนเฟยเฉินไม่มาที่ป่ากล้วยมรกต ไม่ทำเรื่องแย่ๆ ไว้มากมาย ก็คงจะไม่เกิดคลื่นสัตว์ร้ายขึ้น

พูดได้เลยว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดก็คือเอี๋ยนเฟยเฉิน

อย่างที่สองก็คือป่ากล้วยมรกตถือเป็นเขตแดนของเมืองไป๋หลิน มันเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญมาก มันสามารถสร้างรายได้และทรัพยากรมากมาย

เพราะแบบนั้นพวกเขาถึงได้สร้างเมืองเจียหลินขึ้นมา

ถ้าสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงถูกกำจัดไปจนหมด

ป่ากล้วยมรกตก็คงจะกลายเป็นป่าร้าง

ยังไงซะ ป่ากล้วยมรกตที่ไม่มีสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงก็คงไม่ใช่ป่ากล้วยมรกตอีกต่อไป

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือกำจัดหัวหน้าของพวกมัน แล้วขับไล่พวกที่เหลือกลับไปที่ป่ากล้วยมรกต

นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด มันสอดคล้องกับการพัฒนาในระยะยาว

นี่คือสิ่งที่ไป๋จื่ออันคิด

พูดได้เลยว่าตอนที่ไป๋จื่ออันได้ยินเรื่องคลื่นสัตว์ร้าย เขาคิดแผนการนี้เอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

เขาจะกำจัดหัวหน้าของสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิง หลังจากนั้นพวกที่เหลือก็จะไม่มีผู้นำ เขาจะขับไล่พวกมันกลับไปที่ป่ากล้วยมรกต

นี่คือแผนการของไป๋จื่ออัน

แต่ตอนที่ไป๋จื่ออันเห็นลิงยางตัวน้อย เขาจึงเกิดแผนการใหม่ขึ้นมาในใจ

บางทีเขาอาจจะใช้โอกาสนี้เอาชนะใจลิงยางตัวน้อยอีกครั้งก็ได้

ด้วยเหตุนี้ ตอนแรกไป๋จื่ออันถึงได้แสดงท่าทีที่แน่วแน่มาก เขาบอกว่าจะกำจัดคลื่นสัตว์ร้ายทั้งหมด

พอเห็นลิงยางตัวน้อยทำท่าทีลำบากใจ ไป๋จื่ออันจึงพูดอีกครั้ง

เขาบอกว่าเขาทำได้แค่กำจัดหัวหน้าของพวกมัน

จากนั้นเขาก็จะขับไล่พวกที่เหลือกลับไปที่ป่ากล้วยมรกต

แบบนั้นลิงยางตัวน้อยก็จะรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขา

ต้องยอมรับเลยว่าไป๋จื่ออันร้ายกาจมาก เขาคิดแผนการหลอกลวงลิงยางตัวน้อยเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

จริงๆ แล้ว การใช้ทั้งพระเดชและพระคุณเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปฏิบัติกับสัตว์วิญญาณ

ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังบังคับหรือการยอมอ่อนข้อให้มากเกินไป มันไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้สัตว์วิญญาณกับสัตว์วิญญาณ

นี่เป็นวิธีการของไป๋จื่ออัน

ก่อนหน้านี้ ไป๋จื่ออันก็เคยทำแบบนี้กับปลาเกล็ดขาวเงายักษ์และอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์

ก็เหมือนกับอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์

ตอนแรกๆ มันหยิ่งผยองมาก

ก็เพราะว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ มันมีคุณสมบัติสูงส่ง

แต่ไป๋จื่ออันใช้วิธีให้ทรัพยากรธาตุไฟล่อลวงมันก่อน จากนั้นก็สอนและฝึกฝน ทำให้มันตกตะลึงในตัวเขา ยอมศิโรราบให้กับเขา

เมื่อเวลาผ่านไป ทัศนคติที่อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์มีต่อเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มันเชื่อฟังคำสั่งของเขาทุกอย่าง

นี่ก็เป็นวิธีการใช้พระเดชและพระคุณเช่นกัน

พูดได้เลยว่าไป๋จื่ออันมีประสบการณ์มากในด้านการฝึกฝนสัตว์วิญญาณ

ไม่งั้นสัตว์วิญญาณที่หยิ่งยโสอย่างปลาเกล็ดขาวเงายักษ์กับอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์จะยอมเชื่อฟังคำสั่งของเขาได้ยังไง

แผนการของไป๋จื่ออันประสบความสำเร็จ

ลิงยางตัวน้อยรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำพูดของไป๋จื่ออัน

มันไม่คิดเลยว่าไป๋จื่ออันจะคิดมากขนาดนี้

เขายอมกำจัดหัวหน้าของพวกมัน เพื่อไว้ชีวิตพวกที่เหลือ ปล่อยให้พวกมันกลับไปที่ป่ากล้วยมรกต

ทันใดนั้น ลิงยางตัวน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองเจอผู้ใช้สัตว์วิญญาณที่คู่ควรแก่การติดตามแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นยาบำรุงร่างกายเมื่อกี้ หรือเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไป๋จื่ออันกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นห่วงมันจริงๆ

เรื่องนี้ทำให้ลิงยางตัวน้อยรู้สึกซาบซึ้งใจ

มันตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้มันจะติดตามไป๋จื่ออันไปทุกที่ มันจะตอบแทนบุญคุณของเขา

ถ้าปลาเกล็ดขาวเงายักษ์อยู่ตรงนี้ มันคงจะมองบนไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่านายท่านของมันกำลังหลอกลวงสัตว์วิญญาณอีกแล้ว

แต่นี่ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ!

"เข้าใจก็ดีแล้ว ทุกอย่างที่ฉันทำไปก็เพื่อแกทั้งนั้นแหละ"

"เอาล่ะ ตั้งใจฝึกฝนซะ หลังจากที่การต่อสู้ครั้งนี้จบลง ฉันจะพาแกไปที่เมืองไป๋หลิน ฉันจะช่วยแก้ปัญหาของแกเอง"

ไป๋จื่ออันมองไปยังลิงยางตัวน้อยก่อนจะพูดออกมา

ต้องยอมรับเลยว่าไป๋จื่ออันมีพรสวรรค์ในการพูดจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหลอกลวงลิงยางตัวน้อย แต่เขากลับบอกว่าทั้งหมดนี้ก็เพื่อมัน

แต่ถึงแบบนั้นเขาไม่อยากให้ลิงยางตัวน้อยออกไปรบ นี่เป็นความคิดจากใจจริง

ยังไงซะ ตอนพูดมันก็ดูง่าย

ถ้ามันเห็นสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงพวกนั้นโดนมนุษย์โจมตี มันจะคิดยังไง?

การทิ้งมันเอาไว้ที่ที่พักของตระกูลไป๋น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

หลังจากนั้น ไป๋จื่ออันก็สั่งให้คนของเขาคอยดูแลลิงยางตัวน้อย จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปที่กำแพงเมืองทันที

ไม่นานไป๋จื่ออันก็มาถึงกำแพงเมืองเจียหลิน

เพราะโลกแห่งสัตว์วิญญาณมันอันตราย เมืองกับหมู่บ้านจึงเป็นเหมือนฐานทัพของมนุษย์

ยิ่งไปกว่านั้น บนดินแดนรกร้างยังมีสัตว์วิญญาณดุร้ายมากมาย

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองหรือหมู่บ้าน พวกเขาจะมีการสร้างกำแพงเมืองขึ้นเพื่อป้องกัน

ในฐานะที่เป็นเมืองชายแดนที่อยู่ติดกับป่ากล้วยมรกต เมืองเจียหลินก็มีกำแพงเมืองเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ความหนาของกำแพงเมืองเจียหลินยังเทียบเท่ากับกำแพงเมืองใหญ่ๆ อีกด้วย

ยังไงซะเมืองเจียหลินก็อยู่ติดกับแหล่งทรัพยากรระดับทองคำ ระดับการป้องกันจึงสูงมาก

ตอนที่ไป๋จื่ออันเดินทางมาถึง เจ้าเมืองเจียหลินกับเหล่าผู้ใช้สัตว์วิญญาณก็มารวมตัวกันอยู่ที่กำแพงเมืองเรียบร้อยแล้ว

เจ้าเมืองเจียหลินเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดุดัน ชื่อของเขาคือฮู่อันเจิ้น

ข้างกายของฮู่อันเจิ้นมีสิงโตตัวใหญ่ยืนอยู่ มันสูงกว่าสามเมตร เป็นสัตว์วิญญาณที่ดูสง่างามมาก

นี่คือสัตว์วิญญาณหลักของฮู่อันเจิ้น สิงโตโลหิตเพลิงคำรามระดับทองคำ มันเป็นถึวิญญาณระดับทองคำที่แข็งแกร่งมาก

จริงๆ แล้ว ไป๋จื่ออันรู้สึกประทับใจในตัวฮู่อันเจิ้นมาก

เพราะตอนที่เมืองเจียหลินเพิ่งจะถูกสร้างขึ้น ฮู่อันเจิ้นอาสาที่จะมาประจำการที่เมืองเจียหลิน

รู้มั้ยว่าเมืองเจียหลินเป็นแค่เมืองชายแดน สภาพความเป็นอยู่ก็เทียบกับเมืองไป๋หลินไม่ได้

ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีป่ากล้วยมรกตก็จริง แต่อันตรายก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

การที่เขายอมมาเป็นเจ้าเมืองเจียหลิน คอยดูแลความปลอดภัยของเมืองเจียหลิน มันก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ไป๋จื่ออันรู้สึกประทับใจ

“สาเหตุที่ทำให้เกิดคลื่นสัตว์ร้ายขึ้น ก็เพราะว่าหัวหน้าของกลุ่มนักผจญภัยลิงแดงมันโลภมาก มันพาลูกน้องบุกเข้าไปในป่ากล้วยมรกต”

“การกระทำของพวกมันทำให้สัตว์วิญญาณในป่ากล้วยมรกตโกรธแค้น นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

“ตอนนี้ ฉันได้ตัดสินให้หัวหน้าของกลุ่มนักผจญภัยลิงแดงมีความผิดฐานทรยศ”

“คลื่นสัตว์ร้ายกลายเป็นภัยพิบัติสำหรับเมืองเจียหลินของพวกเราแล้ว”

“เพื่อที่จะปกป้องบ้านเกิดของพวกเรา ผู้ใช้สัตว์วิญญาณทุกคนจงร่วมมือกันต้านทานคลื่นสัตว์ร้ายให้ได้”

ฮู่อันเจิ้น เจ้าเมืองเจียหลิน ยืนอยู่บนกำแพงเมือง พูดปลุกใจผู้ใช้สัตว์วิญญาณกับชาวบ้านที่อยู่ด้านล่าง

ไป๋จื่ออันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

เขาไม่คิดเลยว่าฮู่อันเจิ้นจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับกลุ่มนักผจญภัยลิงแดง

แต่พอคิดดูดีๆ แล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดี

เพราะคลื่นสัตว์ร้ายครั้งนี้มันเกิดขึ้นกะทันหัน หลายคนยังตั้งตัวไม่ติด

เรื่องนี้ทำให้ผู้ใช้สัตว์วิญญาณกับชาวบ้านรู้สึกกังวลใจ

ถ้าไม่หาแพะรับบาป มันอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาก็ได้

ในเมื่อเป็นแบบนี้ การหาคนรับผิดชอบจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น

ตอนนี้ พวกเขาก็แค่พูดถึงเรื่องที่เอี๋ยนเฟยเฉินทำก็พอแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉิน

เรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉินมันสำคัญเกินไป

ตราบใดที่คนของเมืองไป๋หลินยังไม่เดินทางมาถึง เขาก็ไม่สามารถพูดถึงเรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉินได้

ดังนั้น การโยนความผิดให้กับกลุ่มนักผจญภัยลิงแดงที่ถูกทำลายไปแล้วจึงเป็นความคิดที่ดี

ไป๋จื่ออันมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความคิดของฮู่อันเจิ้น

ยังไงซะฮู่อันเจิ้นก็ไม่รู้เรื่องของเอี๋ยนเฟยเฉิน แล้วเขาจะไปพูดได้ยังไง?

ตอนที่ไป๋หยวนไปที่จวนเจ้าเมืองเพื่อแจ้งเรื่องต่างๆ เขาคงจะบอกเรื่องนี้กับฮู่อันเจิ้นด้วย

นั่นเลยทำให้ฮู่อันเจิ้นต้องทำแบบนี้

ไป๋จื่ออันเดาความจริงได้ในเวลาอันสั้น

ส่วนเรื่องการปลุกใจนั้น ไป๋จื่ออันไม่ได้สนใจมันมากนัก เขามองออกไปนอกกำแพงเมือง

ตอนนี้นอกกำแพงเมืองมีสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงระดับเหล็กดำเป็นจำนวนมากปรากฏตัวอยู่ พวกมันกำลังโจมตีกำแพงเมืองอย่างต่อเนื่อง

ส่วนผู้ใช้สัตว์วิญญาณบนกำแพงเมืองก็กำลังสั่งให้สัตว์วิญญาณของพวกเขาต่อสู้

ใต้กำแพงเมืองมีซากศพของสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงมากมาย

พูดได้เลยว่าตอนนี้คลื่นสัตว์ร้ายเริ่มขึ้นแล้ว

นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อเกิดคลื่นสัตว์ร้ายขึ้น สัตว์วิญญาณจะไม่รอให้มนุษย์ตอบโต้ พวกมันจะบุกโจมตีทันที

การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้สัตว์วิญญาณกับสัตว์วิญญาณป่าจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไป๋จื่ออันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขามองไปทางป่ากล้วยมรกต

เพราะเขากำลังจับตาดูหัวหน้าของพวกมัน สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด

พูดตามตรง ตอนนี้ไป๋จื่ออันกำลังคิดถึงปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง

อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์ในตอนนี้จะสามารถจัดการกับสัตว์วิญญาณระดับทองคำขั้นสูงได้อีกรึเปล่า?

ถึงแม้ว่าในการต่อสู้กับยักษ์ต้นไม้ที่เกิดจากการหลอมรวมของเอี๋ยนเฟยเฉินกับต้นกล้วยมรกตทอง อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็จริง

แต่หลังจากเอาชนะเอี๋ยนเฟยเฉินได้สำเร็จ อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นระดับเหล็กดำขั้นสูง

พลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ไป๋จื่ออันใช้พรสวรรค์ [ผูกพันธะ] รวมเข้ากับอีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์ระดับเหล็กดำระดับกลาง เขาก็สามารถใช้พลังที่ใกล้เคียงกับระดับทองคำระดับกลางได้

ตอนนี้อีกาปีกเพลิงกลายพันธุ์เลื่อนขั้นเป็นระดับเหล็กดำขั้นสูงแล้ว พลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

ถ้าเขาใช้พรสวรรค์ช่วยมันอีก บางทีมันอาจจะสามารถจัดการกับหัวหน้าของพวกมันได้ก็ได้

นี่คือสิ่งที่ไป๋จื่ออันคิดอยู่ในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม นอกจากสัตว์วิญญาณที่ดูคล้ายกับลิงจำนวนมากแล้ว เขากลับไม่เห็นสัตว์วิญญาณระดับทองคำเลยแม้แต่ตัวเดียว

ดูเหมือนว่าหัวหน้าของพวกมันจะฉลาดกว่าที่คิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด