ตอนที่ 12 เสี่ยวหู่ จับคนที่ยังมีชีวิตอยู่มาให้ข้า
ตอนที่ 12 เสี่ยวหู่ จับคนที่ยังมีชีวิตอยู่มาให้ข้า
สวีหมิงขมวดคิ้ว "เจ้ายังจะพูดถึงฉู่เสวียนผู้นั้นอยู่อีกหรือ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากเราขาดทรัพยากรในการฝึกเคล็ดลับวิชา เขาก็คงจะยังอยู่ในช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่สี่เหมือนเดิมนั่นแหละ ผู้บ่มเพาะขั้นที่สี่ จะไปฆ่าผู้บ่มเพาะขั้นที่เจ็ดในทันทีได้อย่างไร?”
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะพูดว่า "แต่การที่ศิษย์พี่ฉู่เอาลูกปัดโลหิตสามสิบเม็ดมาค้าขายกับเรา แสดงว่าเขาจะต้องมีทรัพยากร บางทีความแข็งแกร่งของเขาอาจจะเพิ่มขึ้นแล้วก็เป็นได้ ?"
สวีหมิงฟังอย่างไม่อดทน
หลิวเจิ้งสงก็ได้หัวเราะขัดจังหวะขึ้นมา "ฉู่เสวียน ศิษย์อันดับที่10 ฝ่ายในนิกายอู๋จี๋คนนั้นหรือ? ข้าเองก็ประทับใจในตัวเขาเล็กน้อย แม้ว่าคุณสมบัติของเขาจะอยู่ระดับปานกลาง แต่เขาก็มีความแข็งแกร่งและเป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่หากต้องเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่ 5 จำนวนสามคนแบบนี้ มันยังยากไปสำหรับเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่7เลย?”
เฉินเกอพูดไม่ออก
หลิวเจิ้งสงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า "ศิษย์สิบอันดับแรกของนิกายอู๋จี๋ของเราต่างก็ถูกจับไปหมดแล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ศิษย์ของเราจะฆ่าทั้งสามคนนี้ บางทีอาจไปขัดหูขัดตาผู้ฝึกฝนทั่วไปที่เดินผ่านไปมาแถวนั้น แล้วถูกฆ่าตายก็เป็นได้ "
หลิวเจิ้งสงพูดอย่างสบายๆ "อย่าเสียเวลาคิดเรื่องนี้อีกเลย กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลอู๋กันก่อนเถิด"
สวีหมิงและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจขึ้นมาทันที "กลับไปอย่างนั้นหรือ?"
หลิวเจิ้งสงยิ้มเล็กน้อย " เมื่อพวกเขาเข้ามาค้นหาเราที่คฤหาสน์ตระกูลอู๋ และสอบสวนคนในตระกูล ก็ได้รู้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลอู๋ที่ได้รับบาดเจ็บจนร่างกายอ่อนแอนั้น ได้ถูกอาคมของข้าสะกดเอาไว้ จึงทำอะไรไม่ได้ ทำให้ผู้อาวุโสและคนในตระกูลรอดตัวไป แต่จริงๆแล้ว ผู้อาวุโสของตระกูลอู๋ที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐานคนนั้น ก็เป็นหนึ่งในพวกของเรา ตอนนี้คฤหาสน์ตระกูลอู๋เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง!"
ผ่านไปห้าวัน
ในถ้ำ ฉู่เสวียนค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขาเผยความดีใจออกมา ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้ดูดซับลูกปัดโลหิตทุกวันเพื่อฝึกเคล็ดลับวิชาพลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิง ส่งผลให้ลูกปัดโลหิตที่กลั่นหล่อมมาก่อนหน้านี้โดยใช้เทคนิคสกัดโลหิตบนดาวเคราะห์โลกาวินาศนั้น ได้ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว
และตอนนี้เขาก็ได้เลือนระดับขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามาถึงระดับสูงสุดของช่วงกลั่นกลั่นลมปราณขั้นที่ หกแล้ว อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะเลือนระกับไปเป็นขั้นที่เจ็ด!
ซึ่งขั้นที่เจ็ดของการกลั่นลมปราณนั้นถือเป็นระดับสูงสุดของช่วงกลั่นลมปราณ
เขาหยิบกระจกโลหิตออกมาแล้วเห็นว่ามันได้ดูซับพลังงานเข้าไปเต็มที่แล้ว “ถึงเวลาที่ข้าต้องกลับไปอีกครั้งแล้ว”
ฉู่เสวียนถ่ายทอดพลังจิตของเขาลงในกระจกโลหิต เพื่อข้ามมิติไปยังดาวเคราะห์วันโลกาวินาศอีกครั้ง
และทันใดนั้นโลกก็หมุนวน เมื่อดวงตาของเขากลับมามองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวได้ชัดเจนอีกครั้ง เขาก็ยืนอยู่ในห้างสรรพสินค้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าห้างสรรพสินค้าเสี่ยวหรันฟาในตอนนี้ได้กลายเป็นซากปรักหักพักไปแล้ว ทุกที่มืดมิดไม่มีไฟ แน่นอนว่ามันไม่เหมาะที่จะใช้เป็นฐานที่มั่นอีกต่อไปแล้ว
ฉู่เสวียนขมวดคิ้ว ขณะที่ข้าไม่อยู่ มีคนมาที่ห้างสรรพสินค้าเสี่ยวหรันฟาและตั้งใจจุดไฟเผาห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อย่างนั้นหรือ
"น่าสนใจจริงๆ" ฉู่เสวียนเยาะเย้ยออกมา ในฐานะผู้บำเพ็ญสายมารแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะถูกผู้อื่นยั่วยุก่อนที่เขาจะได้ยั่วยุผู้อื่นเสียอีก
“เสี่ยวหู่ ข้ามีงานให้เจ้าทำอีกแล้ว.. ไปจับคนเป็นๆ มาให้หมด !” ฉู่เสวียนหยิบหอเลี้ยงศพออกมาจากถุงเก็บของ ก่อนจะทำการปล่อยเสี่ยวหู่ให้ออกมาอีกครั้ง
“โค็กก!” เสี่ยวหู่คำรามออกมา ก่อนจะพุ่งตัวออกไปเร็วราวกับสายฟ้าสีดำ
ใครทำให้นายท่านโกรธ ก็เท่ากับทำให้ข้าโกรธเช่นกัน ข้าสาบานว่าจะทำให้คนตาบอดผู้นั้นได้เห็นพลังของพลหารศพอย่างแน่นอน !
...
ย่านที่อยู่ไม่ไกล
ในซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆแห่งหนึ่ง
ผู้หญิงคนหนึ่งล้มลงกับพื้น หัวของเธอมีเลือดไหลออกมาและสลบไป ข้างๆเธอมีชายร่างผอมกำลังคุกเข่าและร้องไห้อย่างขมขื่น ด้านหน้าของพวกเขามีชายร่างกำยำพร้อมกล้ามที่บึกบึนยืนอยู่
ชายร่างกำยำถือแท่งเหล็กดัดแปลงอยู่ในมือ มันถูกปกคลุมไปด้วยตะปูที่เป็นสนิม เมื่อมันโดนใครถึงแม้จะไม่ได้ฆ่าคนก็ตาม มันก็จะทำให้ติดเชื้อบาดทะยักได้
“อย่าฆ่าเธอ อย่าฆ่าเธอ! ฉันสามารถทำทุกอย่างที่นายต้องการได้!” ชายร่างผอมยกมือขึ้นแสดงท่าทียอมแพ้ออกมา
ชายร่างใหญ่หัวเราะชอบใจ “โอ้ อะไรนะ ให้ทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นแกก็ช่วยจับนางผู้หญิงคนนี้ไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วแกก็มัดตัวเองให้แน่น”
ชีวิตของชายร่างผอมเหมือนตกอยู่ในกำมือของคนอื่นไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ชายร่างผอมก็มัดตัวเองไว้แน่น แล้วพูดว่า "ปล่อยเราไปเถอะ?"
ชายร่างกำยำหัวเราะออกมาเสียงดัง "ไอ้หนู แกมันโง่เขลามาก! จะดิ้นรนไปอีกทำไม รอดมาได้ขนาดนี้ก็บุญโถแล้ว แต่ตอนนี้...แกเป็นแค่เป้าหมายของฉัน"
"ฉัน หวังเป้า มีงานอดิเรกที่ไม่เหมือนใครมาตั้งแต่เด็ก แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่เคยได้ทำมาก่อน ตอนนี้เมื่อมีโอกาส ฉันก็อยากจะลองดู”
ใบหน้าของเขามีสีหน้าชั่วร้าย ทั้งรอยยิ้ม ดวงตา ที่มองสำรวจเรือนร่างของผู้หญิงไปมาจากนั้นชายร่างผอมก็ตอบสนองด้วยความโกรธ “ถ้าแกต้องการอาหารและน้ำ ก็รีบเอามันไปซะ แต่อย่าแตะต้องเธอ!”
หวังเป้าหัวเราะเยาะออกมา ก่อนจะยื่นมือใหญ่ของเขาออกมาฉีกเสื้อคลุมของผู้หญิงออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าของเธอ
"ไปลงนรกซะ!" ชายร่างผอมตะโกนออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็ระเบิดพลังทั้งหมดออกมาราวกับสิงโต ยกเก้าอีเหล็ก หวังจะฟาดหวังเป้าอย่างแรง
อย่างไรก็ตาม หวังเป้าได้เฝ้าระวังไว้ก่อนแล้ว เขาหันกลับมาอย่างรวดเร็วและโจมตีอีกฝ่ายอย่างแรงจนกระเด็นออกไป
ปัง
ร่างกายของชายร่างผอมปลิวออกและตกลงพื้นอย่างแรง กะโหลกศีรษะของเขาแตกออก ทำให้เลือดสีแดงไหลออกมา
หวังเป้าอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย "คนงี่เง่า...แกยังอยากจะสู้กับฉันอีกเหรอ...”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ เขาก็ต้องกรีดร้องออกมา เพราะผู้หญิงคนนั้นตื่นแล้ว เธอจึงคว้านิ้วของเขามากัดอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของผู้หญิงมีเพียงสีขาว ไม่มีตาดำ ใบหน้าเริ่มมีเส้นเลือดนูนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเธอกลายเป็นซอมบี้ !
ชายงี่เง่าคนนี้ตั้งใจพาผู้หญิงที่ถูกซอมบี้กัดมาหาเขาจริงๆ!
หวังเป้าถอยหลังออกไปด้วยความสยดสยองและสาปแช่งด้วยความโกรธ วิกฤตซอมบี้เกิดขึ้นมานานกว่าห้าปีแล้ว และเขาได้เห็นเพื่อนร่วมทางของเขาหลายคนถูกซอมบี้กัดและกลายพันธุ์เป็นซอมบี้ แต่เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับเขา เขาก็ยังรู้สึกว่ารับไม่ได้ และหวาดกลัวอยู่ดี
"ให้ตายเถอะ!" หวังเป้าสบถด้วยความโกรธ เขาเหวี่ยงแท่งเหล็กออกไปอย่างรุนแรง ศีรษะของผู้หญิงคนนั้นก็ได้ระเบิดออก มีทั้งเลือดและสมองพุ่งออกมา
หวังเป้ายืนอยู่ที่นั่น สูดหายใจอากาศบริสุทธิ์เข้าไป เขาเหยียดมือที่สั่นเทาออก หลังจากนั้นเขาก็พยายามควานหาของบนร่างกายของเขา สักพักเขาก็หยิบบุหรี่และไฟแช็กออกมาแล้วจุดมัน เขาเก็บบุหรี่นี้ไว้ในกระเป๋ามานานกว่าสามเดือนแล้ว ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดที่จะสูบบุหรี่เลย แต่ตอนนี้ในเมื่อเขากำลังจะกลายเป็นซอมบี้แล้ว ก็ขอลองสูบมันดูสักครั้งในชีวิต
"...มันเจ๋งมาก..."
แต่ทันใดนั้นหวังเป้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เมื่อมองออกไปก็เห็นว่ามีซอมบี้ตัวหนึ่งที่มีร่างกายดำทมึนแต่กลับดูแข็งแกร่งกำลังเดินตรงมา และดูเหมือนว่าจะเป็น "ซอมบี้ระดับสูง"
หัวใจของหวังเป้าเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง หากว่ามันเป็นซอมบี้ระดับสูง เขาก็ต้องรีบหันหลังกลับและวิ่งหนีออกไป แต่เมื่อเขาคิดว่าตัวเองนั้นถูกซอมบี้กัดไปแล้ว และในไม่ช้าก็จะกลายร่างเป็นซอมบี้ เขาก็หยุดวิ่งในทันที
“หึ ยังไงซะฉันก็จะกลายเป็นซอมบี้ไม่ช้าก็เร็วนี้อยู่ดี ลองต่อสู้กับซอมบี้ระดับสูงดูก็ไม่เสียหายอะไร ?”
หวังเป้ายื่นมือออกไปมั่นคงดั่งภูเขา ตั้งใจจะทักทายซอมบี้ที่เดินตรงเข้า
จากนั้นครู่ต่อมา เขาก็เห็นซอมบี้ตัวใหญ่วิ่งเข้ามาหาเขา ทันทีที่เขาตั้งใจจะจับมือขวาของซอมบี้ มันก็พลาดเป้าไป
ปัง! ปัง!
ซอมบี้ตัวใหญ่กระโดดสูงกว่าห้าเมตรขึ้นไปในอากาศ
ในตอนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หวังเป้าก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะเป็นอย่างมาก จนภาพได้ตัดไป
เมื่อเขาตื่นมาอีกที เขาก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่กำแพงมีแต่คราบเขม่า