ตอนที่ 20 ถูกอุ้มแบบเจ้าหญิง
ตอนที่ 20 ถูกอุ้มแบบเจ้าหญิง
คืนนั้น แม้ว่าชาวเผ่าสุ่ยอีจำนวนมากจะเชิญเธอเข้าเมือง แต่เวิ่นหยุนซีก็ปฏิเสธอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม
เธอต้องการให้ถงอวิ๋นเชิญเธอเข้าไปด้วยความเคารพอย่างเหมาะสม
ทั้งสองคนปูผ้านอนข้างทางอย่างคุ้นเคย การนอนกลางแจ้งไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพวกเธอ
จากประสบการณ์หลายวันที่ต้องถูกเนรเทศ ก็ไม่เสียเปล่า
พวกเธอเพิ่งจะหยิบขนมปังแห้งขึ้นมาเตรียมกิน ทันใดนั้นถุงใบไม้ห่อใหญ่ก็หล่นลงมาตรงหน้า
ถงอวิ๋นนั่งอยู่บนกำแพงประตูเมือง เสียงของเธอใสและก้อง "มองอะไรอยู่ รีบกินสิ ผอมเป็นลูกไก่แล้ว"
เมื่อเห็นเวิ่นหยุนซีหยิบห่อใบไม้นั้นขึ้นมา สายตาของถงอวิ๋นก็มีแววขำขัน เธอพลิกตัวลงจากกำแพง แล้วกลับบ้านไป
"จะกินจริงๆ เหรอ?" ฉินอวี้ถามอย่างระแวดระวัง
"กินสิ ทำไมจะไม่กินล่ะ"
ในขณะที่ เวิ่นหยุนซี เปิดห่อใบไม้นั้นออก2ชั้น ก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อทันที
เป็นกลิ่นเนื้อที่ไม่ได้สัมผัสมานานมากแล้ว
ทั้งสองคนกลืนน้ำลายพร้อมกัน มองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วรีบเปิดห่อชั้นที่ 3 ทันที แต่ละคนรีบคว้าไก่ย่างมากินคนละตัว
หอม หอม หอมจริงๆ!
หนังไก่สีทองกรอบ เนื้อข้างในนุ่มลื่น กัดเข้าไปคำแรก หวานกลมกล่อม จากนั้นก็รู้สึกถึงความเผ็ดชา ตามด้วยกลิ่นหอมเข้มข้นของไก่ย่าง
รสชาติซับซ้อนเหลื่อมซ้อนกัน เป็นความสุขของลิ้นที่ได้รับรสชาติขั้นสูงสุด ที่หาได้ยากจริงๆ ถงอวิ๋นใจกว้างมาก ห่อมาให้ถึง 4 ตัว
พวกเธอกินกันจนอิ่ม
เช้าวันรุ่งขึ้น
คนป่วยที่เคยรักษาเมื่อวานนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไหล่เจ็บ เป็นไข้ นอนไม่หลับ หรือแผลเน่า ต่างก็ชมว่าเวิ่นหยุนซีมีฝีมือในการรักษาดีมาก
บางคนยังเล่าว่า ก่อนที่เวิ่นหยุนซีจะเริ่มรักษาให้ฟรีแล้ว เธอยังทำพิธีและสวดมนต์ให้พวกเขาอีกด้วย ทำให้พวกเขารู้สึกซาบซึ้งและเคารพเธอมากขึ้น
เพื่อให้เวิ่นหยุนซีได้จัดทำคลินิกอาสาต่อไป
ผู้คนหลายร้อยคนต่างพากันมาต่อแถวหน้าบ้านหัวหน้าเผ่าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง พอเห็นถงอวิ๋นปรากฏตัว พวกเขาก็รีบเข้ามารุมล้อม
"อาอวิ๋น ท่านหมอเวิ่น ฝีมือดีจริงๆ ดีกว่าหมอปลอมสองคนก่อนหน้านี้เยอะมาก ให้นางเข้าเมืองเถอะ"
"ใช่เลย ข้าเองก็นอนไม่หลับมาครึ่งปีแล้ว เมื่อวานบ่าย ที่ท่านหมอเวิ่นฝังเข็มให้ข้าสองสามจุด เมื่อคืนข้าถึงได้นอนหลับสบาย"
"ลุงซือข้างบ้านข้าก็ชมท่านหมอเวิ่นเมื่อเช้านี้ บอกว่าขาของเขาที่ปวดมาหลายวันแค่ประคบยาหนึ่งคืนก็หายปวดแล้ว"
"ถ้าท่านไม่อยากเสียหน้า ท่านก็ให้เจ้าเหยียนซานไปเชิญท่านหมอเข้ามาสิ เขาหน้าด้านอยู่แล้ว ไม่เคยสนใจเรื่องหน้าเรื่องตาหรอก"
เหยียนซานที่เดินมากับแม่ของเขา ทันทีที่ได้ยินก็ไม่พอใจ "แม่! ทำไม..."
"หุบปาก! บอกให้ไปก็ไปสิ!"
แม่ของเหยียนซานฟาดลงบนแขนล่ำของลูกชายแล้วมองถงอวิ๋นด้วยรอยยิ้ม
"อาอวิ๋น ข้าว่าหมอเวิ่นเก่งจริงๆ ถึงแม้ว่าหัวหน้าเผ่าจง จะอาการดีขึ้นแล้ว แต่ให้หมอเวิ่นจ่ายยาเพิ่มให้อีกหน่อยก็ดี"
ถงอวิ๋นพยักหน้า "ข้าเข้าใจแล้ว ท่านป้าฉือ"
เมื่อวานนี้เธอยืนอยู่ข้างเวิ่นหยุนซีตลอด เห็นทุกขั้นตอนของการรักษาของคลินิกอาสาอย่างชัดเจน
เพราะอาการป่วยของพ่อเธอดีขึ้นมากแล้วจนสามารถลุกจากเตียงได้ เธอจึงคิดจะรอดูผลการรักษาอีกวันก่อนตัดสินใจ
ในเมื่อเดิมพันแล้วก็ต้องยอมรับผล เธอรู้ดี
แต่เมื่อวานเธอไม่เพียงแต่ปฏิเสธเวิ่นหยุนซีเท่านั้น ยังเกือบยิงธนูทะลุขาของเวิ่นหยุนซีอีกด้วย แน่นอนว่าเธอไม่คิดว่าเรื่องนี้จะถูกลืมง่ายๆ
แม้จะรู้จักกันแค่ครึ่งวัน แต่เธอก็มั่นใจว่าเวิ่นหยุนซีเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
ต้องบอกเลยว่าสัญชาตญาณของเธอแม่นยำมาก
เมื่อเธอนำคนไปเปิดประตูเมืองต้อนรับเวิ่นหยุนซี สิ่งที่เธอเห็นคือภาพเดิมๆ
เหมือนเมื่อวานตอนเที่ยง ทั้งสองนั่งขัดสมาธิท่องคำสวดบางอย่างที่ฟังดูแปลกๆ ซ้ำไปซ้ำมา
ถงอวิ๋นกัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด
ส่วนชาวเผ่าสุ่ยอีที่ตามออกมากลับพากันคุกเข่าลงครึ่งหนึ่ง แล้วกราบไหว้เวิ่นหยุนซีด้วยความเคารพ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความศรัทธา
ถงอวิ๋นด่าในใจว่า "จิ้งจอกเจ้าเล่ห์" แต่ก็ฝืนยิ้มออกมา
เอาล่ะ ถ้าอยากจะแกล้งทำเป็นคนดีนักละก็ ได้! มาดูกันว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน
เวิ่นหยุนซีไม่คิดว่าถงอวิ๋นจะทนได้ขนาดนี้ เธอจึงหยุดด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
พอไม่มีปฏิกิริยา การแสดงก็ไม่สนุกอีกต่อไป
เวิ่นหยุนซีลืมตาขึ้น ยิ้มแล้วโบกมือ "องค์หญิงอวิ๋นมาแล้วหรือ"
"เรียกข้าว่า อาอวิ๋น!!!" ถงอวิ๋นขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน
ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าสุ่ยอีไม่ได้สืบทอดตามสายเลือด
เมื่อหัวหน้าเผ่าลงจากตำแหน่ง ผู้ที่ขึ้นประกาศตัวเป็นผู้สืบทอดจะต้องผ่านการประลอง และผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากเผ่ามากที่สุดจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่
ด้วยเหตุนี้ แม้ถงอวิ๋นจะเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่า แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ
การที่เธอสามารถสั่งการคนอื่นได้ในตอนนี้ ก็เพราะเธอเอาชนะพวกเขาในสนามประลองมาแล้ว
"เอาล่ะ อาอวิ๋น เจ้าจะมายอมแพ้หรือ?"
เวิ่นหยุนซีเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น พอได้โอกาสก็ไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ
ถงอวิ๋นกัดฟันแน่น มองเวิ่นหยุนซีด้วยความไม่พอใจ
เธอไม่ได้ยอมแพ้ไม่เป็น แต่เธอไม่อยากก้มหัวให้เวิ่นหยุนซี
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับอาการป่วยของพ่อและชาวเผ่า เรื่องนี้ก็เล็กน้อยมาก
ถงอวิ๋นหลับตาแล้วตะโกนออกมา "ข้ายอมแพ้แล้ว ขอให้ท่านหมอเวิ่นตามข้าเข้าเมืองเถอะ"
หลังจากพูดจบ ถงอวิ๋นก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
เมื่อลองคิดดูดีๆแล้ว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปจริงๆ
หากลูกธนูเมื่อวานไม่ได้ถูกฉินอวี้หยุดไว้ ขาของเวิ่นหยุนซีก็คงจะพิการไปแล้ว
"ขอโทษด้วย ขอให้ท่านยกโทษให้ข้า"
ถงอวิ๋นรีบกล่าวคำขอโทษด้วยความจริงใจโดยไม่รอให้เวิ่นหยุนซีตอบสนอง
คราวนี้กลับเป็นเวิ่นหยุนซีที่รู้สึกอึดอัด
ถงอวิ๋นมีท่าที ที่ดีขนาดนี้ จะให้เธอยังแกล้งทำสำออยต่อไปได้อย่างไร
ในขณะที่เวิ่นหยุนซีกำลังจะใจอ่อน ฉินอวี้ก็ชี้ไปทางด้านขวามือของเธอ
ตรงนั้นยังมีลูกธนูเหล็กปักอยู่ ความหมายชัดเจน
สายตาของเวิ่นหยุนซีเริ่มแหลมคมขึ้น เรื่องนี้จะจบง่ายๆ ไม่ได้!
ยังไงก็ต้องให้ถงอวิ๋นลำบากอีกสักหน่อย
เวิ่นหยุนซีตบขาขวาของตัวเอง "เมื่อวานข้าตกใจมาก ตอนนี้ขาปวดจนเดินไม่ไหว อาอวิ๋นมาหาข้าใหม่พรุ่งนี้แล้วกัน"
เหยียนซานเห็นถงอวิ๋นกำหมัดแน่น ก็รีบเข้ามาคั่นกลาง ระหว่างทั้งสองคน แล้วโค้งให้พร้อมยิ้มแหยๆ "ท่านหมอเวิ่น ข้าจะแบกท่านเข้าเมืองเอง"
แต่ก่อนที่คำพูดของเขาจะจบ ถงอวิ๋นก็ผลักเขาออกไป
เธอก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วอุ้มเวิ่นหยุนซีขึ้นมาในท่า อุ้มเจ้าหญิง ก่อนจะรีบพาวิ่งเข้าตัวเมืองทันที
เวิ่นหยุนซี: "!!!"
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมถึงไม่ทำตามแผนเลย?!
"เฮ้ย! ปล่อยข้าลง ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้ๆ!"
มันเกินไปแล้ว! เกินไปมาก!
เธอโดนเด็กสาวอุ้มในท่าเจ้าหญิงไปซะแล้ว แถมเด็กสาวยังวิ่งเร็วปานสายลม
แม้ว่าเวิ่นหยุนซีจะไม่ค่อยสนหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่เธอก็ยังอยากเก็บรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้บ้าง
ตอนนี้ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
ยิ่งไปกว่านั้น คราวนี้เธอมีฉินอวี้ผู้ที่ไม่เคยพลาดโอกาส ในการหัวเราะใส่คนอื่นมาด้วย
และแน่นอน แม้ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน เสียงหัวเราะดังสนั่นของฉินอวี้ก็ยังดังมาถึงหูอย่างชัดเจน
หลังจากนั้น ก็เป็นเสียงหัวเราะของชาวเผ่าสุ่ยอีตามมา
แม้เสียงหัวเราะเหล่านั้นจะไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่มันก็ทำให้ใบหูของเวิ่นหยุนซีร้อนผ่าวๆ
"อาอวิ๋น ข้าไม่ปวดขาแล้ว ปล่อยข้าลงเถอะ"
ถงอวิ๋นขยับตัวคนที่อยู่ในอ้อมแขนเธอ "ไม่ได้ ข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆ"
"โอ้ ข้าผิดเอง ปล่อยข้าลงเถอะนะ"
คำพูดของเวิ่นหยุนซีทำให้ถงอวิ๋นแทบจะหัวเราะออกมา
เธอแสร้งไอแล้วเก็บอาการหัวเราะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ถ้าเจ้าไม่ให้ข้าขอโทษ ตอนนี้ ข้าจะทำแบบนี้ทุกวันเลย"
เวิ่นหยุนซี: "..."
ได้! ถ้าเจ้ามีความสุข ที่ทำแบบนี้ ข้าก็ไม่ขัดก็ได้
เวิ่นหยุนซีปรับอารมณ์ของตัวเอง เธอคิดว่าในเมื่อเธอถูกหัวเราะไปแล้ว ตอนนี้จะถูกปล่อยลงไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
เอาเป็นว่า...ขอเพลิดเพลินกับสิ่งนี้ก็แล้วกัน
ในเช้าวันฤดูร้อน สายลมเย็นๆ ที่พัดมาพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้ เด็กสาวที่อุ้มเธอก้าวเดินอย่างรวดเร็วและมั่นคงกว่านั่งรถซะอีก
มันสบายจริงๆ...
ถงอวิ๋นวิ่งไปอีกครู่หนึ่งแล้วรู้สึกแปลกใจ เมื่อคนที่เธออุ้มอยู่เงียบไป
เมื่อเธอก้มลงมอง เธอก็แทบจะโยนเวิ่นหยุนซีทิ้งด้วยความโมโห
นี่สินะที่เรียกว่า "คิดจะเอาคืนแต่สุดท้ายกลับแพ้เอง"
ตอนนี้เธอเข้าใจชัดเจนแล้ว! เธอคิดว่าการอุ้มแบบนี้จะเป็นการเอาคืนเวิ่นหยุนซี แต่กลับกลายเป็นว่ามันเหมือนกับการให้บริการดูแลเสียมากกว่า!
ในขณะที่เธอเริ่มรู้สึกปวดหัวด้วยความโกรธ เธอก็เห็นมีคนหนึ่งวิ่งตรงมาข้างหน้า
ยังไม่ทันที่เธอจะถาม คนคนนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า "อาอวิ๋น แย่แล้ว!"
…โปรดติดตามตอนต่อไป…
หากพบคำที่พิมพ์ผิด แจ้งได้เลยนะ