15 - อาหารเลิศรสที่แท้จริง
15 - อาหารเลิศรสที่แท้จริง
ตำหนักหลี่เจิ้ง กงซุนฮองเฮากำลังเสวยอาหารเช้าร่วมกับเหล่าองค์ชายและองค์หญิง
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้กงซุนฮองเฮาได้รับความเคารพจากองค์ชายและองค์หญิงทุกคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่บุตรในสายเลือดของนางก็ตาม
เพราะตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อองค์ชายและองค์หญิงเติบโต พวกเขามักจะถูกส่งออกจากวังหลวงไปโดยมีคฤหาสน์เป็นของตัวเอง แต่กงซุนฮองเฮากลับชอบให้ทุกคนอยู่รวมกันในวัง
แม้ในราชวงศ์ต้าเฉียนจะมีการแข่งขันระหว่างองค์ชายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนในราชวงศ์อื่นๆ
“พระมารดา ลูกไม่อยากเจอเจ้าโง่นั่น!”
หลี่อวี้ซู่กล่าวด้วยความเกลียดชัง นางร้องไห้จนตาบวมตลอดสองวันที่ผ่านมา แม้แต่ในความฝันก็เห็นแต่ภาพฉินโม่รังแกนาง
"อย่าดื้อไปหน่อยเลย เขาอุตส่าห์นำของขวัญมาให้เจ้า พวกเจ้าจะต้องเป็นสามีภรรยากันในอนาคต จะเกลียดกันไปตลอดไม่ได้หรอกนะ” กงซุนฮองเฮาพยายามปลอบโยน
องค์ชายและองค์หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ต่างฟังอยู่เช่นกัน
ไท่จื่อ (องค์ชายรัชทายาท) ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวว่า "น้องเจ็ด แม้เจ้าโง่ฉินจะดูเหมือนคนหัวทึบ แต่เขามีพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ ถึงขนาดที่อาจารย์เหลียงยังต้องยอมรับ การแต่งงานกับเขาบางทีอาจไม่ได้เลวร้ายมากนัก"
หลี่เยว่ก้มหน้าตลอดเวลา ไม่กล้าเอ่ยอะไรสักคำ
หลี่อวี้ซู่ยังคงเงียบ กงซุนฮองเฮาถอนหายได้กล่าวว่า "เรียกราชบุตรเขยมารับประทานอาหารด้วยกันเถิด!"
ไม่นานนัก ฉินโม่ก็เดินเข้ามาในตำหนักพร้อมของขวัญเต็มไม้เต็มมือ
ท่าทางของเขาทำให้องค์หญิงหลายคนที่นั่งอยู่ต่างแอบหัวเราะ
“ท่านแม่ยาย ข้ามาแล้ว!” ฉินโม่กล่าวด้วยท่าทางสบายๆ
ไท่จื่อส่ายหน้า นี่แหละเจ้าโง่ฉิน ถ้าเป็นราชบุตรเขยคนอื่น คงถูกตีขาหักไปนานแล้ว
“ยังยืนเฉยอยู่ทำไม รีบไปช่วยเอาของบนตัวราชบุตรเขยออกเร็ว!” กงซุนฮองเฮากลั้นหัวเราะและสั่งให้นางกำนันและขันทีช่วยฉินโม่เอาของขวัญออกจากตัว
หลี่อวี้ซู่ยังคงทำหน้าเรียบเฉย นางรู้สึกว่าฉินโม่หยาบคายและไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย
ในใจของนาง บุรุษในอุดมคติควรเป็นผู้มีความสุภาพเรียบร้อยเหมือนเช่นลูกพี่ลูกน้องของนางกงซุนชง
“เจ้ามาเดินเองหรือ?” ฮองเฮาถาม
“ใช่แล้ว ท่านแม่ยาย ข้าเดินข้างๆไกล เท้าข้าปวดชาไปหมด!”
“เจ้าได้ทานอาหารเช้าหรือยัง?”
“ยังเลย ข้าหิวจะตายแล้ว!” ฉินโม่ลูบท้อง ตำหนิอาหารในยุคนี้ว่าแย่มาก ทุกจานล้วนจืดชืด ไร้รสชาติใดๆ
“นั่งลงสิ ทานอาหารเช้าด้วยกันเถอะ” กงซุนฮองเฮากล่าว
ฉินโม่จึงนั่งลงอย่างสบายใจ ในตำแหน่งตรงข้ามกับหลี่อวี้ซู่
หญิงสาวมีดวงตาบวมแดง แสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างชัดเจน
แต่ฉินโม่ไม่ได้สนใจ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่มีทางแต่งงานกับองค์หญิงคนนี้แน่นอน ต่อให้ตายก็ไม่แต่ง!
หลี่เยว่ส่งสายตาให้ฉินโม่เพื่อให้เขารีบขอโทษ
แต่ฉินโม่ทำเป็นมองไม่เห็น เขาจ้องมองอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันที!
‘เฮ้ย! นี่คืออาหารเช้าของวังหลวงจริงๆ? อาหารเช่นนี้สุนัขเห็นยังรับประทานไม่ลง!’ ฉินโม่คิดในใจ
กงซุนฮองเฮาเห็นฉินโม่ไม่กล่าวอะไร แต่ทำหน้าบูดบึ้งใส่อาหารเช้าตรงหน้า จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “อาหารเช้าไม่ถูกปากเจ้าหรือ?”
“ท่านแม่ยาย อาหารเช้านี้แม้แต่วั่งไฉยังกินไม่ลง!”
ในตอนแรกทุกคนคิดว่าฉินโม่จะยกย่องอาหารเช้าในวัง แต่คำกล่าวของเขากลับทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
หลี่เยว่เอามือปิดหน้า รู้สึกว่าฉินโม่ทำเรื่องโง่ๆ อีกแล้ว
องค์ชายและองค์หญิงหลายคนต่างก็ตกใจจนพูดไม่ออก
มีองค์ชายตัวน้อยคนหนึ่งถามว่า “วั่งไฉคือใคร?”
“อ้อ เป็นสุนัขเฝ้าประตูบ้านของข้า!” ฉินโม่ตอบ
ทันใดนั้น ทุกคนก็หน้าตึงขึ้นมาทันที
หลี่อวี้ซู่รู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิม คนคนนี้ไม่รู้จักมารยาท ปากพล่อยไปหมด เขาจะมาเป็นสามีของนางได้อย่างไร
“เจ้าโง่ฉิน หุบปากเดี๋ยวนี้!” หลี่เยว่เดินเข้ามาทุบศีรษะของฉินโม่ก่อนจากคุกเข่าลงที่เบื้องหน้ากงซุนฮองเฮา “พระมารดา บุตรต้องขออภัยพระมารดาอีกครั้ง เจ้าโง่ฉินเป็นคนไม่ได้รับการศึกษาคำพูดของเขาจึงขาดมารยาทไปบ้าง!”
กงซุนฮองเฮาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเช่นกัน อาหารเช้าวันนี้ค่อนข้างรสชาติดี แต่คำกล่าวของฉินโม่ทำให้นางหมดหมดอารมณ์รับประทานทันที
องค์ชายที่สี่หลี่จื้อได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “น้องแปด เจ้าโง่ฉินเป็นคนทำผิดเหตุใดเจ้าต้องออกหน้าแทนเขา? อีกอย่าง ฉินโม่มาเพื่อขอโทษน้องเจ็ด จนตอนนี้เขายังไม่ขอโทษนางเลย มิหนำซ้ำยังทำผิดพลาดซ้ำสอง ข้าคิดว่าพระมารดาควรลงโทษให้หนัก?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ องค์ชายองค์หญิงหลายคนต่างก็เห็นด้วย “พี่แปด เรารู้ว่าท่านเป็นสหายของเจ้าโง่ฉิน แต่คำพูดของเขาไร้มารยาทเกินไปจำต้องถูกลงโทษ!”
“เจ้าโง่ฉิน รีบไปขอโทษฮองเฮาเดี๋ยวนี้!”
หลี่เยว่เร่งให้ฉินโม่ขอโทษ
แต่ใครจะคิดว่า ฉินโม่ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ข้าว่าอาหารที่นี่ห่วยเกินไป แต่พวกท่านกลับบอกว่าข้าพูดผิด? เอาล่ะ วันนี้ข้าจะให้ทุกคนเปิดหูเปิดตาว่าอาหารเลิศรสที่แท้จริงเป็นอย่างไร!”
“เจ้าโง่ฉิน เจ้าอยากทำอะไร?”
“ที่นี่คือตำหนักหลี่เจิ้ง! ไม่ใช่สวนหลังบ้านของเจ้าที่คิดจะทำอะไรก็ได้!”
“ใครจะก่อเรื่องกันแน่? ข้าน่ะเป็นบุตรเขยมีหน้าที่ต้องกตัญญูต่อแม่ยายอยู่แล้ว พวกเจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร!”
คำกล่าวนี้ทำให้ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน
“ฉินโม่ พอได้แล้ว!” ไท่จื่อขมวดคิ้ว “รีบขอโทษพระมารดาและทุกคนเดี๋ยวนี้ จากนั้นเจ้าก็ไสหัวไปจากตำหนักหลี่เจิ้งให้เร็วที่สุดก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน!”
“ท่านแม่ยายยังไม่ไล่ข้า แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาไล่ข้า!” ฉินโม่กล่าวพร้อมกับยืดอก จากนั้นจึงหันไปหากงซุนฮองเฮาแล้วกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อมว่า “ท่านแม่ยาย บุตรเขยคนนี้จะเข้าครัวทำอาหารเช้าให้ท่านเอง คนในห้องเครื่องนี่ฝีมือแย่มาก พวกเขากล้าทำอาหารห่วยๆ แบบนี้ให้กับท่านแม่ยายซึ่งเป็นมารดาของแผ่นดินถือว่าขาดความเคารพอย่างยิ่ง!”
ทุกคนได้ฟังก็พากันขมวดคิ้ว
เจ้าโง่ฉินนี่ทำอาหารเป็นด้วยหรือ?
หลี่เยว่ฟาดท้ายทอยของฉินโม่อีกครั้ง “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ทุกคนรู้ว่าเจ้ารู้จักไปกินจะไปทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อใด!”
“เจ้ารู้อะไร แค่รอดูก็พอ!”
ฉินโม่ดึงหลี่เยว่ให้ออกจากตำหนักหลี่เจิ้ง “ไป! พาข้าไปที่ห้องเครื่อง!”
“พระมารดา ฮึ่ม! เจ้าโง่ฉินช่างไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย!”
“ใช่ ต้องลงโทษให้สาสม!”
หลี่อวี้ซู่แทบจะร้องไห้ นางไม่อยากคิดเลยว่า หากต้องแต่งกับฉินโม่ ชีวิตนางจะเป็นอย่างไรต่อไป
ไท่จื่อเองก็ทำหน้าเคร่งขรึม “พระมารดา...”
แต่กงซุนฮองเฮาได้ยกมือขวาขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดพูด ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าฮองเฮาจะต้องสั่งลงโทษฉินโม่อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่นางกล่าวกลับทำให้ทุกคนตกใจ “ตามข้าไปดูเขาทำอาหารกัน!”
…………..