มันก็แค่จิตวิทยาอย่างหนึ่ง!(อ่านฟรี 01/01/2568)
“จริงด้วย! ถ้าไม่มีหลักฐานพวกเราก็ไม่เชื่อหรอก!”
“อีกอย่างท่านตัวแทนเทพแห่งโชคลาภก็สามารถรับรู้ในสิ่งที่พวกเราคิดได้จริง ๆ ต้องเป็นเพราะท่านเทพแห่งโชคลาภคอยบอกอยู่เป็นแน่!”
ชาวจีนมุงที่เห็นว่าชายกลางคนร่างท้วมที่มีปัญหาเรื่องอย่างว่ากล่าวออกมาได้ตรงใจ พวกเขาจึงกลับลำไปสนับสนุนเย่เซวียนอีกครั้งหนึ่ง
‘คนพวกนี้เปลี่ยนสีได้ไวยิ่งกว่ากิ้งก่า น่าขันเสียจริง’ เย่เซวียนแอบหัวเราะอยู่ภายในใจ
ในตอนแรกพวกคนเหล่านี้ยังนับถือเขาอยู่เลย แต่พอเจอหมิงเจิ้นพูดเป่าหูนิดหน่อยก็กลายเป็นลังเลขึ้นมา สุดท้ายก็กลับมาบอกว่ายังนับถือตัวเขาอยู่
ถ้าไม่ให้ขำกับพฤติกรรมเหล่านี้จะให้เขาต้องรู้สึกเช่นไรกัน?
“นั่นก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์มิใช่รึ?” เสียงของเทพแห่งโชคลาภดังขึ้นมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม
ในเวลานี้เทพแห่งโชคลาภก็ยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เช่นเดียวกัน แต่น่าแปลกที่ในมือของอีกฝ่ายกลับมีป๊อปคอร์นถังใหญ่อยู่ด้วย ไม่รู้ว่าไปหามาจากไหน
‘ผมไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานนี้ก็มีหลายคนในที่แห่งนี้ที่อยู่ด้วยและเห็นสิ่งที่ผมทำ ทำไมวันนี้คนเหล่านั้นแค่โดนเป่าหูนิดหน่อยก็ไขว้เขวกันแล้ว’ ชายหนุ่มกล่าวในใจด้วยความสงสัย
แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่บางคนซึ่งเขาได้ให้คำแนะนำไปด้วยตัวเองเมื่อวานนี้ดูเหมือนจะยังอยู่ข้างของเขา ยกตัวอย่างก็ชายกลางคนที่เขาได้ให้คำปรึกษาเป็นคนแรกนั่นเอง
“ก็ไม่นับว่าน่าแปลกอันใด ถึงแม้เจ้าจะได้ให้คำแนะนำผู้คนเมื่อวานมากมาย แต่นั่นก็เท่านั้น เพราะผลลัพธ์ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เมื่อไร้ซึ่งผลลัพธ์ที่คาดหวัง ผู้คนย่อมเอนเอียงและโดนชักจูงได้โดยง่าย” เทพแห่งโชคลาภกล่าวอธิบายออกมาให้กับชายหนุ่มฟัง
เย่เซวียนที่ได้ยินก็เข้าใจได้ไม่ยาก เขาคิดตามที่อีกฝ่ายบอกก็พบว่ามันค่อนข้างจะเป็นเรื่องจริงเลยทีเดียว
ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เหมือนเวลามีใครสักคนที่สามารถดูดวงได้อย่างแม่นยำ ในตอนแรก ๆ ที่ให้คำทำนายไปคนที่มาดูดวงก็คงยังไม่เชื่อถือสักเท่าไร อาจจะดูแคลนเสียด้วยซ้ำ
แต่ถ้าสมมุติพอเวลาผ่านไปแล้วคำทำนายที่ให้ไปค่อย ๆ เป็นจริงขึ้นมา คนที่ไปดูดวงก็ถึงจะเริ่มนับถือว่าหมอดูคนนี้น่าเชื่อถือ
“จิตใจของมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง เจ้ามิเข้าใจก็ไม่นับว่าแปลกอันใด” เทพแห่งโชคลาภกล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“ผมได้ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานผ่านคลิปวิดีโอเรียบร้อยแล้วครับ” หมิงเจิ้นกล่าวออกมาโดยไม่ได้มีความกังวลอะไรบนใบหน้าเลย
“แต่สิ่งที่ชายคนนี้ทำมันก็ไม่ใช่ปาฏิหาริย์อะไรเลย ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น” หลังจากสตรีมเมอร์หนุ่มกล่าวจบก็เกิดเสียงของผู้คนโดยรอบดังขึ้นมาทันที
พวกเขาย่อมไม่พอใจที่อีกฝ่ายกล่ามาลบหลู่ตัวแทนของเทพแห่งโชคลาภเช่นนี้
“ฉันไม่เชื่อหรอก!” ชายกลางคนที่มีปัญหาเรื่องอย่างว่ากล่าวแย้งออกมา
“ถ้าไม่ใช่ท่านเทพแห่งโชคลาภคอยบอกท่านตัวแทนอยู่ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราขอพรว่าอะไร?” เขาพูดออกมารวดเดียวจนจบ ทำให้ผู้คนโดยรอบที่มีอาการลังเลไปทางหมิงเจิ้นเริ่มกลับมาเชื่อถือในตัวเย่เซวียนอีกครั้ง
“มันก็แค่จิตวิทยาอย่างหนึ่งเท่านั้นเองครับ” ถึงแม้จะโดนตั้งคำถามใส่ไม่ยอมหยุด แต่หมิงเจิ้นก็ไม่ได้โกรธอะไร เขาเพียงยิ้มออกมาก่อนจะตอบกลับไป
“จิตวิทยา? แกคิดว่าพวกเราที่อยู่ที่นี่โง่มากรึไง?” ชายกลางคนทวนคำของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ครึ่งหลัง
“แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ชายหนุ่มผู้นี้เขาเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้จิตวิทยาเป็นอย่างมาก”
“ต่อให้เป็นคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น ถ้าได้ฟังและพบเจอกับเหตุการณ์ที่เขาจัดฉากขึ้นมาก็ย่อมหลงเชื่ออย่างไม่ยากเย็น” หมิงเจิ้นชี้ให้เห็นถึงจุดที่พวกมิจฉาชีพชอบใช้ เขาอธิบายออกมาให้ทุกคนในที่แห่งนี้เข้าใจ
“แกหมายความว่ายังไงกัน?” มีใครบางคนกล่าวถามออกมา เพียงแต่ยากที่จะบอกว่าผู้ที่พูดคือใคร
“เป็นคำถามที่ดีมากครับ ลองนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานดูนะครับ” หมิงเจิ้นปรบมือสามทีพลางกล่าวออกมา
“ทุกอย่างที่ชายหนุ่มคนนั้น หรือบุคคลที่อ้างว่าตัวเองเป็นตัวแทนของเทพแห่งโชคลาภกล่าวมา มันล้วนเป็นการใช้คำพูดอย่างคลุมเครือทั้งสิ้น”
“คลุมเครือยังไงกัน?” ชายกล่างคนที่มีปัญหาเรื่องอย่างว่ากล่าวถามออกมา
“เขาก็แค่วิเคราะห์จากองค์ประกอบต่าง ๆ ของผู้ฟังแล้วพูดออกมา” หมิงเจิ้นตอบกลับในทันที
“ยกตัวอย่างเช่นตัวคุณ คุณดูเป็นคนมีฐานะจึงไม่น่าจะขัดสนเรื่องเงินทอง แต่อายุ รูปร่าง ทำให้มีโอกาสเสี่ยงมากที่จะมีปัญหาเรื่องอย่างว่า เขาก็แค่วิเคราะห์แล้วเดาสุ่มออกมา” สตรีมเมอร์หนุ่มกล่าวอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจ
“หรือที่เขาดูดวงชะตาให้กับผู้คนมากมายเมื่อวานนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ผู้ฟังได้ยินแล้วจะรู้สึกดี หรือเรื่องที่ล้วนเกิดได้กับทุกคน”
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ว่าจะได้งานทำ จะผิดหวังเรื่องบางอย่าง สุขภาพจะดีขึ้น ของหายจะได้คืน”
“ทั้งหมดนี้มันก็แค่การใช้จิตวิทยาอย่างหนึ่ง! เขาหลอกลวงทุกคนเพื่อให้ทุกคนหลงเชื่อแล้วบริจาคให้กับศาลเจ้าแห่งนี้!” หมิงเจิ้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันดัง
“...ถึงจะเป็นอย่างนั้น การบริจาคให้ศาลเจ้าแห่งนี้เขาก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรไม่ใช่รึไง?” ใครบางคนกล่าวถามออกมา
แปะ แปะ แปะ
หมิงเจิ้นปรบมือออกมาสามครั้งเป็นการชื่นชมคำถามของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวออกมาว่า
“เป็นคำถามที่ดีมากครับ! ใช่แล้วที่ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ได้ผลประโยชน์อะไร แต่ก็ไม่ใช่ไม่ได้ไปเสียทั้งหมด”
“นั่นก็เพราะเขาจะได้ชื่อเสียงจากการทำแบบนี้ แล้วอนาคตก็สามารถตั้งสำนัก ตั้งลัทธิหาเงินให้กับตัวเองได้!”
“เรื่องหลอกลวงแบบนี้ในสังคมมีเยอะมาก ผมเป็นคนหนึ่งที่คอยออกมาต่อสู้กับเรื่องนี้เพื่อช่วยเหลือทุกคน!!”
“ชายหนุ่มคนนี้มันก็แค่คนหลอกลวง ต้มตุ๋นเท่านั้นแหละ!”
“เป็นไงล่ะ! ถ้ามีอะไรจะโต้แย้งก็สามารถพูดออกมาได้เลยนะ ทุกคนที่อยู่ที่นี้ย่อมมีความฉลาดพอที่จะแยกแยกได้อยู่แล้วว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องเท็จ” หมิงเจิ้นกล่าวออกมาชุดใหญ่ก่อนจะพลางผายมือไปรอบบริเวณด้วยท่าทีมั่นใจ
“เจ้าหนุ่มนั่นช่างรู้จักใช้คำพูดเสียจริง ดึงความสนใจของฝูงชนได้อย่างชะงัดนัก” เทพแห่งโชคลาภยืนลูบเคราพลางกล่าวชมออกมา
นอกจากนี้สตรีมเมอร์หนุ่มผู้นี้ยังรู้จักใช้คำพูดเชิงบีบบังคับที่ค่อนข้างจะได้ผลเสียด้วย เพราะถ้ามีใครที่คิดจะแย้งในสิ่งที่เขาพูดโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ ก็จะกลายเป็นว่าคนผู้นั้นมิมีความฉลาดมากพอที่จะแยกแยะได้
“.....” เย่เซวียนเพียงยิ้มออกมา แต่เขากลับไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
นั่นยิ่งทำให้หมิงเจิ้นได้ใจเข้าไปใหญ่ ท่าทางแบบนี้ของอีกฝ่ายมันชัดเจนแล้ว! อีกฝ่ายพูดไม่ออกเพราะโดนจี้จุดเข้าให้!
“ในตอนนี้ทุกคนในที่แห่งนี้และเหล่าผู้ชมทางบ้านหลายพันคนจงเป็นพยาน! ชายหนุ่มผู้นี้ก็แค่คนหลอกลวงเท่านั้นเอง!” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไร หมิงเจิ้นจึงหันโทรศัพท์ไปยังทิศทางที่เย่เซวียนยืนอยู่ก่อนจะกล่าวออกมาเหมือนผู้ชนะ
ผู้คนที่ศรัทธาตัวแทนแห่งโชคลาภในตอนแรกเมื่อเห็นว่าเย่เซวียนไม่ยอมพูดจาตอบโต้ก็เริ่มมากันหวั่นไหว พวกเขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่หมิงเจิ้นพูดออกมาเป็นความจริง
“เหลวไหลทั้งเพ!” เสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบ
“คิดจะใช้ผู้ชมในการกดดันคนอื่น? นายกล้ามาเจอกับฉันไหมล่ะ?” ร่างของแมรี่โผล่ออกมาจากทางด้านหนึ่ง ผู้คนมองไปยังหญิงสาวด้วยความมึนงง
นี่ใครกันอีก? แล้วเธอไม่กลัวตกเป็นเป้าหมายของผู้คนจำนวนมากรึไงกัน?