บทที่ 800: เอสกับดิเอส
[,แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ],
[,Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด,]
[,หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ,]
บทที่ 800: เอสกับดิเอส
ไม่นานมานี้ ดิเอสได้พบช่างเคลือบและพาเขากลับมาที่เรือสปาเทียล การเคลือบเรือต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าช่างต้องทำงานติดต่อกันสามวัน เพียงแต่ต้องทำขั้นตอนเดิมซ้ำหลายครั้งภายในสามวัน และรอให้เรซินที่ผ่านกระบวนการเกิดการเปลี่ยนแปลง
หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องเอสทำกระเป๋าเงินหายและถูกพ่อค้าบนเกาะทวงหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่กว่านี้ ลูกเรือกลุ่มโจรสลัดโพดำจึงขอให้ดิเอสช่วยดูแลเอส
[ดิเอส ช่วยดูแลเอสด้วย อย่าให้เขาสร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีกนะ]
คำพูดของสคัลยังคงก้องอยู่ในหัวของดิเอส แต่การดูแลเอสไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กัปตันคนนี้กินไปหลับไป ไม่น่าเชื่อถือ แถมยังรักอิสระสุดๆ
หลังจากเหตุการณ์กินแล้วหนี เอสก็มาที่สวนสนุกในเกาะ นี่เป็นวิธีง่ายๆในการแยกแยะกลุ่มโจรสลัด กลุ่มที่ชอบการผจญภัยมักจะสนใจสวนสนุกเมื่อมาถึงหมู่เกาะชาบอนดี้ ส่วนโจรสลัดที่โหดกว่ามักจะเที่ยวเตร่ในย่านนอกกฎหมาย และค่อยๆเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวในเงามืด
แต่เหตุผลที่เอสมาที่นี่เป็นเพราะเขาเห็นแววตาสนใจชิงช้าสวรรค์ของดิเอส ในที่สุดทั้งสองก็ขึ้นกระเช้าของชิงช้าสวรรค์ และถูกยกขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยการหมุนของเฟือง
กระเช้าที่ทำจากฟองสบู่สะท้อนแสงสีรุ้ง เมื่อมองลงมาจากที่สูงจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นพิเศษของหมู่เกาะชาบอนดี้
"ด้วงกว้างใหญ่มากเลย!"
"อ้อ ตัวนั้นเหรอ น้องชายฉันก็มีตัวนึงนะ พวกด้วงกว่างฉลาดมากเลยล่ะ"
ดิเอสยังเห็นเฮราคลีสแวบหนึ่ง ทำให้เอสมีเรื่องคุยใหม่ ทุกครั้งที่พูดถึงน้องชาย เขาจะพูดไม่หยุด
เอสเล่าเรื่องในอดีต ดิเอสก็วาดรูปและเขียนในสมุดบันทึก บันทึกสิ่งที่เห็นและประสบการณ์ระหว่างทาง เขียนเรื่องราวของตัวเอง
[ต้นไม้ใหญ่มาก เกาะก็ใหญ่มาก
ฟองสบู่ลอยฟ่องไปมา พวกมันจะพาฉันที่พูดอะไรไม่เก่งไปที่ไกลๆได้ไหมนะ?
ฉันที่ล่องลอยไร้จุดหมายมาตลอด จะไปอาศัยอยู่บนรากของต้นไม้นั่นได้ไหม? แน่นอนสิ! เย้ ชาบอนดี้!]
"อย่าอ่านออกเสียงสิ!"
"มีอะไรล่ะ ก็นายเปณคนเขียนออกมาเองนะ!"
ได้ยินเอสอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียนออกมา แถมยังพยายามกลั้นขำ ดิเอสรู้สึกเขินอาย รีบปิดสมุดบันทึก
หลังจากเล่นกันพักหนึ่ง เอสก็เริ่มออกหาของกินอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็เจอนักล่าค่าหัวและโจรสลัด ตอนนี้ไม่มีใครในโลกใหม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ในหมู่เกาะชาบอนดี้ เขายังมีชื่อเสียงในฐานะซูเปอร์โนวา
บางคนอยากดังเพราะเขา บางคนอยากจับเขาไปแลกเงินค่าหัว ไม่ว่าจุดประสงค์ใด เอสก็จัดการพวกนั้นได้ทั้งหมด
"น่ารำคาญจริง พวกนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไง?"
"ก็นายดังนี่นา เฮ้! ไอ้หนู วางของลงเดี๋ยวนี้นะ!"
ระหว่างต่อสู้เมื่อครู่ พวกเขาวางกระเป๋าไว้ เอสแบกของกินเต็มไปหมด
ตอนนี้ดิเอสเห็นเด็กหลายคนกำลังรื้อค้นของในกระเป๋า เมื่อถูกจับได้ พวกเขาก็ไม่สนใจเสียงตะโกนของดิเอส หยิบของแล้ววิ่งหนี แถมยังฉีกซองกินระหว่างวิ่งอีกด้วย
พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสลัม การเอาชีวิตรอดในสลัมของหมู่เกาะชาบอนดี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้ามีพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ก็ยังดีหน่อย พวกเขาที่ไม่มีใครต้องหาวิธีพึ่งพาตัวเอง
แค่รับความช่วยเหลือจากคนอื่นไปวันๆคงไม่รอด ต้องทำงานให้คนอื่น เป็นไกด์ทัวร์ อะไรพวกนี้เป็นวิธีที่พอจะไปได้
บางคนเลือกเข้าร่วมแก๊งท้องถิ่น และค่อยๆเปลี่ยนจากคนที่ถูกกดขี่เป็นฝ่ายไปกดขี่คนอื่น
การเข้าแก๊งก็หมายความว่าต้องเข้าร่วมการต่อสู้ หลายคนไม่อยากเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะทำตามกฎที่ไม่มีอยู่จริงในสถานที่แบบนี้
เมื่อการเอาตัวรอดกลายเป็นเรื่องยาก แม้แต่เหตุผลก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ขโมย ฉกฉวยโอกาส พวกเขาจะคว้าทุกโอกาสเพื่อความอยู่รอด
ความขัดแย้งบนหมู่เกาะชาบอนดี้เกิดขึ้นตลอดเวลา นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา
ตอนที่เอสต่อสู้ พวกเขาขโมยอาหารไปได้จำนวนหนึ่ง ตอนนี้เขาก็เป็นโจรสลัดแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้ แต่เอสห้ามเขาไว้
"ดิเอส ช่างมันเถอะ"
"หืม? เอส พวกเด็กนั่นขโมยของของเราไป..."
"ความรู้สึกหิวท้องมันแย่มากนะ แค่อาหารนิดหน่อยเอง ไปกันเถอะ ตามไปดูหน่อยแล้วกัน"
เอสไม่ได้โกรธ แต่กลับแบกอาหารแล้วเดินตามไป ดูท่าทางของเขา ดิเอสก็ส่ายหัวอย่างจนใจ เดาได้ว่าเอสคิดจะทำอะไร
เด็กพวกนั้นคุ้นเคยกับภูมิประเทศของชาบอนดี้มาก อาศัยต้นโกงกางบังตัว พวกเขาหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้หนีเอสกับดิเอสพ้น ทั้งสองยังคงเดินตามพวกเขาไปเรื่อยๆจนถึงสลัมถึงหยุด
บรรยากาศที่นี่ต่างจากถนนสายหลักที่คึกคักโดยสิ้นเชิง ที่นี่ปกคลุมไปด้วยความหดหู่ ขยะเกลื่อนกลาดไปทั่ว สิ่งที่มองเห็นมีแต่ซากปรักหักพัง
เมื่อเห็นคนนอกเข้ามา ผู้คนบนถนนก็หลบกันหมด เอสยังเห็นเด็กที่ขโมยอาหารของเขาเมื่อกี้ กำลังแอบมองพวกเขาจากเงามืดของบ้าน
เขาไม่ได้ดุพวกเขา แต่กลับแจกอาหารที่ซื้อมาให้พวกเขาเอง หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดคนที่หิวโหยก็อดใจไม่ไหว เดินออกมาทีละคน
"ครั้งหน้าอย่าขโมยของอีกนะ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะโชคดีแบบนี้"
เอสลูบหัวเด็กคนหนึ่ง แต่เด็กไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่โค้งให้เอสแล้วจากไป
"เขาพูดไม่ได้"
"หา?"
"ผมหนีออกมาพร้อมกับเขา พวกนั้นรำคาญที่เขาเสียงดัง เลยตัดลิ้นเขาน่ะครับ"
คนที่ยังอยู่ตรงนั้นอธิบายแทนเด็กที่จากไป เอสก็ถามด้วยความสงสัย: "ปกติที่นี่มีคนไม่เยอะเหรอ?"
"ไม่ใช่หรอกครับ เพียงแต่ว่าวันนี้มีกลุ่มคนมาที่ถนน พวกเขาแจกอาหารฟรี แถมยังรักษาคนป่วยให้ด้วย"
"นั่นไม่ดีเหรอ? ทำไมพวกเธอไม่ไปล่ะ?"
"พวกนั้นบอกว่าถ้าไปกับพวกเขา ต่อไปก็จะมีอาหารตลอด มีคนสอนหนังสือ มีแต่เด็กโง่ๆเท่านั้นแหละที่จะเชื่อ"
เขาหมายถึงกลุ่มของอิสึกะ พวกเขาไม่ได้ตามมาเพราะยังไม่ไว้ใจในจุดประสงค์ของอีกฝ่าย เมื่อเข้าใกล้แล้วเอสถึงได้เห็นว่า คนพวกนี้เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กเพราะขาดสารอาหาร เขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเด็กเล็ก
เอสอยากจะให้เงินพวกเขาเพื่อช่วยเหลือ แต่พวกเขากลับปฏิเสธ
เหตุผลที่ไม่รับเงินน่ะหรือ? เพราะเงินไม่มีค่าสำหรับพวกเขา การรับเงินอาจนำอันตรายมาสู่พวกเขาได้ มีเพียงอาหารที่กินเข้าไปแล้วเท่านั้นที่มีค่ามากที่สุด