บทที่ 43 : การพัฒนาอย่างรวดเร็วของคฤหาสน์ราชาลู่!
บทที่ 43 : การพัฒนาอย่างรวดเร็วของคฤหาสน์ราชาลู่!
ในยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าพร่าวพราวไปด้วยหมู่ดาวน้อยใหญ่
ณ ลานบ้านแห่งหนึ่งในคฤหาสน์ราชาลู่
ลู่หยูนั่งขัดสมาธิกลางแจ้งและกำลังทำการฝึกฝน
ณ ขณะนี้มีแสงสีเงินขาวส่องประกายระยิบระยับโอบล้อมรอบตัว
เมื่อมองแวบแรก ร่างกายทั้งหมดของลู่หยูเปล่งแสงสีเงินออกมาราวกับดวงดาวที่ส่องประกาย
ทันใดนั้น, ลู่หยูก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมมีแววแห่งความยินดีอยู่ในดวงตา
เพราะหลังจากฝึกฝน "วิชาดวงดาวจักรวาล" มานานกว่าหนึ่งเดือน…ในที่สุดเขาก็เปิดจุดลมปราณดวงดาวที่สี่ของอาณาจักรเทียนชู และเข้าสู่ช่วงกลางของอาณาจักรเทียนชูได้เเล้ว
อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่าหากเป็นคนทั่วไปที่ต้องการจะสามารถทำเช่นนี้ได้…พวกเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน หรืออาจนานกว่านั้น
แต่ด้วยความช่วยเหลือจากผลึกลึกลับ เขาสามารถเร่งความเร็วการฝึกได้โดยไม่ต้องกังวลว่าร่างกายจะเสียหาย
แน่นอนว่าในเดือนนี้ เขาฝึกฝน "วิชาดวงดาวจักรวาล" ในเวลากลางคืนเท่านั้น
เเน่นอนว่าเขาเคยฝึกฝน "วิชาดวงดาวจักรวาล" ในตอนกลางวันด้วย…แต่เขารู้สึกว่าผลลัพธ์ไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงมักฝึกฝนวิธีนี้ในเวลากลางคืน
แต่ในระหว่างช่วงกลางวัน เขาก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ
ช่วงกลางวัน เขาฝึกฝนทักษะการฝึกร่างกายระดับสวรรค์ขั้นสูง "กายาสวรรค์เก้าการปฏิวัติ"
หลังจากฝึกฝนสลับกันเช่นนี้ มันทำให้เขาพัฒนาไปได้มาก
อย่างไรก็ตาม สำหรับวิชาดวงดาวจักรวาลอันทรงพลังเช่นนี้ เขากลับสามารถฝึกฝนได้เฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น…ซึ่งลู่หยูรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ
เขาวางแผนที่จะไปที่หอสมบัติของตระกูลในวันพรุ่งนี้ และแลกเปลี่ยนคะแนนการมีส่วนร่วมของตระกูลที่เหลืออยู่ เป็นวัสดุบางอย่างที่มีพลังของดวงดาว…เเละดูว่ามันจะสามารถช่วยให้เขาฝึกฝนวิชานี้ในช่วงกลางวันได้หรือไม่
หากใช้ได้ผล เขาจะทำงานของตระกูลให้มากขึ้น รับคะแนนการมีส่วนร่วมของตระกูลให้มากขึ้น…เเล้วนำมาแลกเปลี่ยนเป็นวัสดุดวงดาว
หลังจากตัดสินใจแล้ว เขาก็เริ่มฝึกฝนวิชาดวงดาวจักรวาลอีกครั้ง
…
ในเวลาเดียวกัน ณ ลานบ้านของลู่เทียนหมิง
ลู่เทียนหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อฝึกฝนเคล็ดวิชาลับเจ็ดการเปลี่ยนแปลงวิญญาณแห่งซวนโหย่ว
ทันใดนั้น, เขาเห็นเงามังกรพันรอบตัวเขา พร้อมภาพลวงตาของเล่ยเผิงก็วาบขึ้นมา
พลังอันน่าสะพรึงกลัว พลังงานและโลหิตเดือดพล่านจนส่งเสียงคำรามดังก้องกังวาน
หมิงเหลา ผู้ซึ่งกำลังฝึกฝนอยู่ด้านข้าง ก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน
เมื่อหมิงเหลาเห็นฉากนี้ เขาถึงกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเด็กคนนี้จะปลุกกายามังกรที่แท้จริงได้ เพียงแค่การกลั่นแก่นแท้โลหิตมังกรหนึ่งหยด
นับจากนี้ไป เด็กหนุ่มคนนี้ก็จะสามารถฝึกฝนทักษะและเคล็ดวิชาลับต่างๆได้อย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ, เเละมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความอิจฉาออกมา
เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มีโชคแบบไหน ถึงได้ปลุกพรสวรรค์กายาชั้นยอดเช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตาม, เขาเดาว่าการที่ลู่เทียนหมิงปลุกพลังขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับการกลับชาติมาเกิดของเจ้าของคฤหาสน์ราชาลู่เป็นแน่
เพราะแก่นแท้โลหิตมังกรหยดนั้น เจ้าของคฤหาสน์ราชาลู่เป็นคนมอบให้เด็กคนนี้ด้วยตนเอง
หากเพียงแค่แก่นแท้โลหิตหนึ่งหยดก็สามารถปลุกกายามังกรที่แท้จริงได้…เขาคงไม่มีทางเชื่อเป็นแน่
มีเพียงผู้ที่กลับชาติมาเกิดเหล่านั้นเท่านั้น ที่มีวิธีการที่คาดเดาไม่ได้เช่นนี้
แม้ว่าเขาจะคาดเดาแบบนี้ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจทั้งหมด…เขาทำได้เพียงสังเกตการณ์ต่อไปในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม, ยิ่งลู่เทียนหมิงแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวเขา
เพราะนี่มันหมายความว่าเขามีโอกาสที่จะหลอร่างกายที่แท้จริงได้รวดเร็วขึ้น
หลังจากคิดวนไปวนมา เขาก็ค่อยๆ ถอนสายตาออก, แล้วเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง
…
ในขณะที่ ลู่หยูและลู่เทียนหมิงที่กำลังฝึกฝนอย่างหนัก
อัจฉริยะทั้งสองอย่างลู่เจียนเฉินและลู่ซืออิ๋นก็กำลังฝึกฝนอย่างหนักเช่นกัน
นับตั้งแต่พวกเขาตื่นขึ้นมาพร้อมพรสวรรค์กายาเเละภายใต้สภาพแวดล้อมการบ่มเพาะที่ดีภายในตระกูล…ความเร็วในการบ่มเพาะของพวกเขาในปัจจุบันนั้นเร็วขึ้นอย่างมาก
ในหนึ่งวันของการฝึกฝน…มันสามารถเทียบเท่ากับการฝึกฝนร้อยวันในช่วงก่อนหน้านี้
พวกเขาทั้งหมดจดจำความโปรดปรานที่ท่านอ๋องเคยมอบให้พวกเขาได้ และยิ่งกว่านั้นคือความคาดหวังที่ท่านอ๋องมีต่อพวกเขา
ในเรื่องนี้ พวกเขาจะไม่พัฒนาการบ่มเพาะและพยายามรับใช้ตระกูลได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสี่คนยังได้รับการเลื่อนขั้นเป็นสมาชิกหลักของตระกูลภายใต้การประเมินของเหล่าผู้อาวุโส
พวกเขาทั้งสี่คนได้รับการยอมรับจากตระกูลลู่ว่าเป็นอัจฉริยะระดับสูงและพวกเขายังมีทรัพยากรมากที่สุด
แม้ว่าลู่หยูจะไม่มีพรสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม แต่ด้วยความช่วยเหลือจากผลึกลึกลับ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า, ตอนนี้พลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าลู่เจียนเฉินและคนอื่นๆ…ดังนั้นเขาจึงสามารถจัดอยู่ในกลุ่สมาชิกหลักได้เช่นกัน
สำหรับพวกเขาทั้งสี่คน โดยพื้นฐานแล้ว ศิลปะการต่อสู้และทักษะการฝึกฝนทั้งหมดในตระกูลล้วนเปิดกว้างสำหรับพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้ว, จะให้เหตุผลอะไรได้ หากไม่บ่มเพาะพวกเขาอย่างเหมาะสม
….
หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เกือบครึ่งปีผ่านไปในพริบตา
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ทุกอย่างในตระกูลพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ค่าโชคลาภของตระกูลเพิ่มขึ้น สมาชิกตระกูลหลายคนได้รับโชคหล่นทับที่ไม่คาดคิดเมื่อออกไปข้างนอก
เช่น เมื่อซื้อต้นกล้าสมุนไพรจิตวิญญาณสองสามต้นจากพ่อค้าแม่ค้าข้างทาง…จากนั้นพวกเขาก็พลันพบว่ามันเป็นสมุนไพรจิตวิญญาณระดับสูงที่กลายพันธุ์ และประสิทธิภาพของสมุนไพรก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าโดยตรง
หรือจะเป็น ในขณะที่พวกเขากำลังจะถูกสัตว์อสูรสังหาร…จู่ๆมันก็มีสายฟ้าก็ตกลงมาจากสวรรค์และสังหารสัตว์อสูรตนนั้น
โชคที่ไม่คาดฝันมากมายล้วนเกิดขึ้นภายในครึ่งปีที่ผ่านมานี้
เห็นได้ว่าค่าโชคลาภของตระกูลมีความสำคัญต่อตระกูลทั้งตระกูลมากเพียงใด
นอกจากโชคไม่คาดฝันเหล่านี้แล้ว… สิ่งที่น่ายินดีที่สุดก็คือความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลได้รับการปรับปรุงอย่างมหาศาล
อันดับแรก ในบรรดาผู้อาวุโสหลักทั้งเก้าคน ผู้อาวุโสใหญ่ที่มีกายาสมบัติทองคำโบราณได้พัฒนาเร็วที่สุด…ตอนนี้เขาได้เข้าสู่อาณาจักรวังวิญญาณขั้นที่หกแล้ว
เเละถึงแม้ว่าผู้อาวุโสหลักอีกแปดคนจะไม่มีพรจากกายาจิตวิญญาณ แต่พวกเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากสภาพแวดล้อมอันร่ำรวยของคฤหาสน์ราชาลู่ และได้รับทรัพยากรมากมาย
พวกเขาทั้งหมดเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำขั้นที่ห้าขึ้นไป และสองคนในนั้นยังทะลวงผ่านจุดสูงสุดของอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำ และอยู่ห่างจากอาณาจักรวังวิญญาณเพียงก้าวเดียว
นอกจากผู้อาวุโสหลักเหล่านี้แล้ว ผู้อาวุโสอีกสิบสองคนจากสายรองก็เข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำเช่นกัน
และเจียงซวนหยา ผู้ซึ่งมีกายาวิญญาณซวนปิงก็ได้ทะลวงผ่านอาณาจักรวังวิญญาณขั้นที่สี่จนเทียบเท่ากับผู้อาวุโสใหญ่
จนถึงตอนนี้ ในบรรดาผู้อาวุโสของคฤหาสน์ราชาลู่ มีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรวังวิญญาณสองคน และอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำยี่สิบคนแล้ว
นอกจากสมาชิกตระกูลรุ่นใหญ่เหล่านี้ที่มีความก้าวหน้าอย่างมากแล้ว…สมาชิกตระกูลรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์มากมายที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด
สมาชิกหลักอย่างลู่เทียนหมิง ลู่เจียนเฉิน และลู่ซืออิ๋น แม้ว่าระดับการบ่มเพาะเริ่มต้นของพวกเขาจะค่อนข้างต่ำ แต่หลังจากทำงานหนักมาครึ่งปี ผนวกด้วยพรสวรรค์ของพวกเขาเอง…พวกเขาก็ไล่ตามผู้อาวุโสหลักและเข้าสู่ช่วงปลายของอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำ
ส่วนการบ่มเพาะของศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่นๆ ก็ได้รับการปรับปรุงในระดับต่างๆเช่นกัน
อาทิเช่น มีเยาวชนเกือบร้อยคนที่เข้าสู่อาณาจักรพระราชวังสีม่วง
สิ่งเหล่านี้คือกลุ่มคนที่มีศักยภาพของคฤหาสน์ราชาลู่
แม้ว่าพรสวรรค์ของพวกเขาจะไม่สามารถเทียบได้กับลู่เทียนหมิง ลู่เจียนเฉิน และคนอื่นๆ แต่ด้วยการสะสมทรัพยากรมากมายของคฤหาสน์ราชาลู่ ความสำเร็จในอนาคตก็จะไม่ต่ำเกินไป
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ลู่หยูยังประสบความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะการฝึกร่างกายสองอย่าง ได้แก่ "กายาสวรรค์เก้าการปฏิวัติ" และ "วิชาดวงดาวจักรวาล"
วิชาดวงดาวจักรวาลได้รับการฝึกฝนโดยลู่หยูจนถึงขั้นที่สาม ทะลวงผ่านช่วงกลางของอาณาจักรเทียนจี และเปิดจุดลมปราณดวงดาวสามสิบจุดอย่างสมบูรณ์
เเต่แน่นอนว่าผู้ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในคฤหาสน์ราชาลู่ คือลู่ชิงซวนและหลิงซีเยว่
จนถึงตอนนี้ ลู่ชิงซวนได้เข้าสู่อาณาจักรหลอมรวมวิญญาณขั้นที่แปดแล้ว
เเละนอกจากการปรับปรุงด้านการบ่มเพาะแล้ว เขายังประสบความสำเร็จในด้านอื่นๆอีกด้วย
เจตนาดาบของเขาไปถึงขั้นที่หก และกำลังจะเข้าสู่ขั้นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
โดยทั่วไปแล้ว ระดับความเข้าใจของศิลปะการต่อสู้และเจตนาจะแบ่งออกเป็น
ระดับเริ่มต้นของขั้นที่หนึ่ง
ระดับพื้นฐานของขั้นที่ห้า
ระดับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของขั้นที่เจ็ด
ระดับสูงสุดของขั้นที่เก้า
และระดับสมบูรณ์แบบของขั้นที่สิบ
เเถมนอกจากเจตนาดาบแล้ว ลู่ชิงซวนยังบ่มเพาะพลังวิญญาณของเขาจรเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนที่จุดสูงสุดของอาณาจักรนิพพานผ่านการฝึกฝนวิชาโรงสีศักดิ์สิทธิ์เก้ารอบได้เเล้ว
และคัมภีร์ทรราชศักดิ์สิทธิ์ก็ได้รับการบ่มเพาะจนถึงขั้นที่สี่, มันทำให้พลังทางกายภาพของเขาน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น…ตอนนี้เขาแข็งแกร่งพอที่จะบดขยี้สมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ขั้นสูงได้ด้วยมือเปล่า
ส่วนศิลปะการต่อสู้และเคล็ดวิชาลับอื่นๆ…ลู่ชิงซวนก็ได้ฝึกฝนจนถึงระดับพื้นฐานแล้ว
แม้แต่ลู่ชิงซวนเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งถึงเพียงใด
ในทำนองเดียวกัน หลิงซีเยว่ผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ไม่แพ้กันก็จะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรหลอมรวมวิญญาณขั้นที่สี่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอกำลังจะคลอดบุตร เธอจึงไม่ได้ฝึกฝนเเละพักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานี้
อีกเพียงไม่กี่วัน บุตรคนแรกของลู่ชิงซวนและหลิงซีเยว่ก็จะลืมตาดูโลกเเล้ว
………………