บทที่ 316 ล็อคเป้า
[,แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ],
[,Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด,]
[,หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ,]
บทที่ 316 ล็อคเป้า
หลินผิงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มผิวขาวที่นั่งข้างๆ เขา ทุกคนในรถคันนี้ล้วนไม่ธรรมดา พวกเขาต่างเป็นสายลับของซีไอเอ
เมื่อครึ่งเดือนก่อน ซีไอเอได้ส่งเจ้าหน้าที่หลายนายเข้าไปในประเทศแถบตะวันออกไกลแห่งนี้ เพื่อติดตามเป้าหมายภารกิจ
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า เพียงแค่วันเดียว วิลเลียมเฉิน เจ้าหน้าที่อาวุโสของซีไอเอ หัวหน้าทีมติดตามภารกิจก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
สายลับเชื้อสายจีนในซีไอเอถือเป็นกลุ่มเล็กๆ ในองค์กรขนาดใหญ่แห่งนี้ หลินผิงเองก็เป็นหนึ่งในสายลับเชื้อสายจีนไม่กี่คนในซีไอเอ เขาจึงมักจะมีปฏิสัมพันธ์กับสายลับเชื้อสายจีนคนอื่นๆ อยู่เสมอ ถึงแม้จะไม่ได้สนิทกับวิลเลียมเฉินมากนัก แต่ก็เคยร่วมงานกันมาก่อน หลินผิงรู้ดีว่าวิลเลียมเป็นสายลับมืออาชีพที่ทั้งเก่งและทุ่มเท
หลินผิงพอจะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับภารกิจที่วิลเลียมได้รับเมื่อครึ่งเดือนก่อน แม้จะไม่ทราบรายละเอียดเนื่องจากข้อจำกัดด้านความลับของซีไอเอ แต่เขาก็พอจะได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
เขาไม่คิดเลยว่าวิลเลียมจะไปแล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซีไอเอประจำเอเชียไม่สามารถติดต่อเขาได้ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าหน้าที่ซีไอเอสองคนที่ร่วมภารกิจกับเขารายงานการหายตัวไปของวิลเลียมและขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ ทางนั้นจึงได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
สายลับอาวุโสหายตัวไประหว่างปฏิบัติภารกิจ แถมยังเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่หายไปในประเทศแถบตะวันออกไกลแห่งนี้ สถานการณ์นี้เรียกได้ว่าเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สถานการณ์เช่นนี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤตก็คงไม่เกินจริง
ในกรณีที่ดีที่สุด วิลเลียมเฉิน อาจแค่ถูกหน่วยงานรักษาความมั่นคงของจีนจับกุม ซึ่งยังพอมีทางออกอยู่บ้าง เพราะการส่งสายลับเข้าไปในประเทศอื่นๆ ถือเป็นเรื่องปกติระหว่างประเทศ หากทั้งสองฝ่ายเจรจาและยอมประนีประนอมกัน การแลกเปลี่ยนตัวสายลับที่ถูกจับกุมก็ยังมีความเป็นไปได้
แต่ถ้าวิลเลียมเฉิน ถูกเป้าหมายที่เขาสะกดรอยสังหาร หรือเขาตัดสินใจแปรพักตร์ไปเข้ากับประเทศแถบตะวันออกไกลนี้ล่ะ?
ในกรณีแรก แสดงว่าซีไอเอประเมินความเสี่ยงของภารกิจต่ำเกินไป ผลที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่การสูญเสียสายลับอาวุโสคนหนึ่ง แต่ความไม่แน่นอนต่างๆ อาจทำให้พวกเขาต้องสูญเสียกำลังพลไปมากกว่านี้
แต่ถ้าเป็นกรณีหลัง นี่ไม่ใช่แค่ความขัดแย้งระหว่างหน่วยข่าวกรองของสองประเทศอีกต่อไป แต่มันจะยกระดับกลายเป็นข้อพิพาททางการเมืองระหว่างประเทศทันที
ซีไอเอตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ สำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาได้เรียกประชุมหารืออย่างเร่งด่วน และตัดสินใจใช้แผนฉุกเฉิน นอกจากจะส่งสายลับอาวุโสสามคน รวมถึงหลินผิงไปยังตะวันออกไกลแล้ว ยังมีทีมสนับสนุนอีกกว่าสิบคนจากสำนักงานใหญ่และเอเชีย ทั้งแฮ็กเกอร์ระดับท็อปอย่าง 'ทอมสัน' ชายหนุ่มผิวขาวที่นั่งอยู่ในรถของหลินผิง และสายลับมากประสบการณ์อย่างหวังปัว ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวและสืบข่าว
ภารกิจของพวกเขาไม่ได้มีแค่การช่วยเหลือวิลเลียมเฉิน เท่านั้น แต่ยังต้องสืบหาสาเหตุการหายตัวไปของเขา สืบว่าประเทศแถบตะวันออกไกลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ และจับกุมตัว 'เอด้า หว่อง'
"...แล้วภารกิจที่เบื้องบนสั่งให้ผมสืบเมื่อวานซืน ว่าชายหนุ่มชาวจีนชื่อ 'ซุนเฉิง' อาจมีข้อมูลบางอย่างอยู่ในมือ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?"
หลินผิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
พวกเขามาถึงจีนได้หลายวันแล้ว ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซีไอเอระดมกำลังคนแทบทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศนี้ แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของวิลเลียมเฉิน แม้แต่เป้าหมายที่เขาสะกดรอย ผู้หญิงที่ชื่อ 'เอด้า หว่อง' ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ด้วยความจนปัญญา ซีไอเอจึงต้องพึ่งพาแหล่งข่าวที่แฝงตัวอยู่ในจีนมานานหลายปี เพื่อรวบรวมข่าวกรองจากหน่วยข่าวกรองของจีนอย่างลับๆ
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยังคงแกะรอยจากเบาะแสที่มีอยู่อย่างจำกัด เริ่มต้นสืบสวนจากบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับ 'เอด้า หว่อง' อีกครั้ง
ในเมืองหนานตู ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายที่วิลเลียมเฉินหายตัวไป สายลับซีไอเอที่ถูกส่งเข้ามาในจีนก็พบชายหนุ่มชาวจีนอีกคนหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเอด้า หว่อง และมีประวัติอยู่ในฐานข้อมูลของซีไอเอ ชายหนุ่มคนนั้นมีชื่อว่าซุนเฉิง
"แล้วไงต่อ ทอมสัน? นายหมายความว่าเราเจอคนที่ใช่แล้วเหรอ? ชายชาวจีนชื่อซุนเฉิง นี่ก็เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของวิลเลียมเฉินงั้นเหรอ?"
หลินผิงขับรถไปเงียบๆ อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากถาม คำสั่งที่เขาได้รับคือให้สืบเรื่อง "ซุนเฉิง" อย่างลับๆ ดังนั้นในทีมทั้งหมด มีเพียงหลินผิงและเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ คนอื่นๆ ไม่รู้เรื่องเลย
"บอกยาก เคอร์เนลของระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์จะสร้างรหัสบันทึกการใช้งานสั้นๆ ทุกครั้งที่ถูกเปิดใช้งาน ถึงแม้ว่าวิศวกรคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ที่เชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรมจะมีความสามารถในการล้างบันทึกเหล่านี้ได้ แต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครลบมันทิ้งไปง่ายๆ นอกจากแฮ็กเกอร์หรือหน่วยงานวิจัยลับบางแห่ง..."
ทอมสัน แฮ็กเกอร์ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่ถูกซีไอเอรับเข้ามา ส่ายหัวก่อนจะตอบอย่างมั่นใจว่า "ผมพูดได้แค่ว่า ชายชาวจีนที่ชื่อ 'ซุนเฉิง' คนนี้น่าสงสัยมาก..."
"แค่นี้ก็พอแล้ว..."
หวังปัวทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะหลังอีกครั้ง ดวงตาคมกริบ "ดูเหมือนว่าเราต้องตามรอยเบาะแสนี้ต่อ เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ พยายามหาโอกาสให้ผมแทรกซึมเข้าไปในบริษัทของชายหนุ่มที่ชื่อ 'ซุน เฉิง' ดูว่าพอจะเจอเงื่อนงำอะไรบ้างไหม!"
เขาเป็นสายลับมากประสบการณ์ที่ซีไอเอประจำเอเชียฝึกฝนมาหลายปี ถึงแม้ตำแหน่งจะไม่สูงเท่าสายลับอาวุโสอย่างหลินผิงที่ถูกส่งตรงมาจากสำนักงานใหญ่ แต่เขาก็มีความเชี่ยวชาญในเอเชีย โดยเฉพาะในแถบตะวันออกไกลมากกว่าหลินผิงและคนอื่นๆ ดังนั้น แม้แต่หลินผิง หัวหน้าทีมสืบสวนในครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกสองคน ก็ยังต้องรับฟังความคิดเห็นของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่หลินผิงเองก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องสืบเรื่องซุนเฉิงอย่างจริงจัง
เขาพยักหน้าเล็กน้อย "ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด เราค่อยคุยรายละเอียดกันอีกทีเมื่อกลับถึงที่พัก พวกคุณก็ระวังตัวด้วย อย่าประมาท ที่นี่คือเมืองหลวงของจีน หนึ่งในห้าสมาชิกถาวรของสหประชาชาติ หน่วยงานรักษาความมั่นคงของจีนก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1920 มีประวัติศาสตร์เกือบร้อยปี เราต้องไม่ก่อเรื่องใหญ่ที่นี่!"
ทอมสันยักไหล่ แล้วก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับแล็ปท็อปบนตักต่อ
หวังปัวพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม เขาทำงานในจีนมาตลอด จึงรู้ดีถึงศักยภาพในการต่อต้านการจารกรรมของประเทศนี้ ครั้งล่าสุดที่วิลเลียมเฉินติดต่อซีไอเอเพื่อขอความช่วยเหลือ ทางสำนักงานใหญ่ถึงได้ส่งสายลับมือใหม่มาช่วยเขาแค่สองคน เพราะกังวลว่าสายลับหน้าเก่าอาจถูกหน่วยงานรักษาความมั่นคงของจีนจับตามองอยู่แล้ว
ภายในรถเงียบลงอย่างรวดเร็ว
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ขณะนี้ เหนือรถของพวกเขาขึ้นไปบนท้องฟ้ากว่าสองพันเมตร มีจุดแสงเล็กๆ กะพริบขึ้นเพียงชั่วครู่ พร้อมกับส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปยังตำแหน่งหนึ่งที่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร
"ล็อคเป้าหมายการเคลื่อนที่ รอคำสั่งต่อไป...