ตอนที่แล้วบทที่ 142 บีบบังคับหญิงสาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 144 แผนการ

บทที่ 143 หอลึกลับเยวี่ยโหลว


ชุ่ยหลิวและซุนเหวินเดินเข้ามาในห้อง

"พวกเจ้าไปเถอะ" หลิวฉินพูดขึ้นทันที

ชุ่ยหลิวตกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หยิบจดหมายที่ซูเล่ออวิ๋นเตรียมไว้ส่งให้หลิวฉินออกมาจากอกเสื้อและส่งให้นาง

"คุณหนูหลิว นี่เป็นจดหมายจากคุณหนูของพวกเรา"

หลิวฉินรับจดหมายไป มีเพียงไม่กี่บรรทัดเขียนอยู่ แต่สีหน้าของนางกลับเปลี่ยนไปทันที นางพับจดหมายเก็บเข้าที่แขนเสื้อ "ข้าจะไปกับพวกเจ้า"

"เยี่ยมมาก! คุณหนูหลิว เรารีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ"

เมื่อเห็นหลิวฉินเปลี่ยนใจ ชุ่ยหลิวก็ยิ้มอย่างดีใจแล้วเปิดประตูออกไป

เหล่าคนรับใช้ที่เฝ้าประตูอยู่ต่างหมดสติอยู่บนพื้น

ทั้งสามคนไปถึงข้างกำแพง ซุนเหวินกล่าวว่า "คุณหนูหลิว ขออภัยนะขอรับ"

เขาโอบเอวหลิวฉินแล้วพานางกระโดดข้ามกำแพงออกไป

ทางเดินเงียบสนิท ไม่มีผู้คน หลิวฉินตามหลังชุ่ยหลิวและซุนเหวินไปจนมาถึงประตูหลังของจวนซู

ที่เรือนเฉาหัว

ซูเล่ออวิ๋นนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วได้ยินเสียงเคาะประตู

เหลียนซินเปิดประตู แล้วชุ่ยหลิวก็เดินเข้ามาพร้อมกับซุนเหวินและหลิวฉิน

"คุณหนูหลิว"

ซูเล่ออวิ๋นลุกขึ้นเดินไปหา ตรวจดูหลิวฉินเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

"คุณหนูซู ในจดหมาย หมายความว่าอย่างไร"

หลิวฉินถามขึ้นพร้อมกับหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อ

"คุณหนูหลิวฉลาดขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ"

ซูเล่ออวิ๋นไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม แต่เมื่อทั้งสองคนสบตากัน หลิวฉินก็เข้าใจความหมาย

ในห้องที่มีแสงเทียนริบหรี่ หลิวฉินนั่งลงที่ข้างโต๊ะและสูดลมหายใจลึก "คุณหนูซู เหตุใดท่านจึงช่วยข้า"

"หากข้าบอกว่าข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้า คงไม่ใช่ว่าเจ้าจะเชื่อ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ข้าช่วยเจ้า จริงๆ แล้วเรื่องยังไม่แน่นอน ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้หรือไม่"

ซูเล่ออวิ๋นได้สั่งให้คนไปสืบเรื่องของตระกูลสวี่ แต่ยังไม่ได้รับข่าวใดๆ สิ่งเดียวที่รู้คือ ตระกูลนี้มีคนในวังคอยสนับสนุน ทำให้สามารถทำตัวอย่างอหังการในเมืองหลวงได้ แต่นายท่านสวี่และภรรยาเป็นคนที่ค่อนข้างสงบเสงี่ยม คนที่ทำเรื่องเลวร้ายทุกอย่างกลับเป็นลูกชายของพวกเขา

"หากช่วยไม่ได้จริงๆ ข้าจะไม่ทำให้ท่านเดือดร้อน"

"ข้านึกว่าการที่ข้าช่วยเจ้าในวันนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสนิทกันมากขึ้นเสียอีก" ซูเล่ออวิ๋นพูดติดตลก

หลิวฉินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ "ข้าขอเรียกเจ้าว่าเล่ออวิ๋นได้ไหม แม้ข้าจะอายุมากกว่าเจ้า แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้ต่างกับข้าเท่าไหร่"

"ถ้าเช่นนั้นข้าเรียกเจ้าว่าอาฉินได้หรือไม่"

"ได้สิ" หลิวฉินยิ้มเบาๆ

ด้วยความกังวลว่าคนจากตระกูลหลิวจะหาตัวหลิวฉินเจอ ซูเล่ออวิ๋นจึงไม่ได้ให้หลิวฉินพักอยู่ที่จวนซู แต่ให้ซุนเหวินพาหลิวฉินไปพักที่บ้านที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้

วันรุ่งขึ้น ซูเล่ออวิ๋นสั่งให้ชุ่ยหลิวไปบอกกับฮูหยินหลินว่า วันนี้ตนจะไม่ไปที่จวนหลิน หลังจากนั้นก็ออกจากจวนซู มุ่งหน้าไปยังที่พักของหลิวฉิน

"อาฉิน" ซูเล่ออวิ๋นเคาะประตู

"เล่ออวิ๋น" หลิวฉินรีบเปิดประตูและเชิญซูเล่ออวิ๋นกับบ่าวรับใช้เข้ามาในบ้าน

ภายในบ้านถูกจัดเรียงอย่างเรียบร้อย เหลียนซินวางอาหารเช้าที่นำมาลงบนโต๊ะ

"ขออภัยที่ต้องให้เจ้ามาลำบากพักที่นี่"

"เทียบกับที่ต้องถูกคนในบ้านควบคุม ข้าอยู่ที่นี่สะดวกกว่าเยอะ"

หลิวฉินยิ้มบาง ๆ

ซูเล่ออวิ๋นชี้ไปยังบ่าวที่ยืนอยู่ด้านหลังชุ่ยหลิว

"เหลียนซินและชุ่ยหลิวเป็นบ่าวรับใช้ของข้า พวกนางไม่สามารถอยู่ดูแลเจ้าได้ตลอดเวลา แต่ข้าจัดคนไว้คอยปกป้องเจ้าแล้ว อาหารการกินจะมีคนนำมาวางที่หน้าประตู หากเจ้าต้องการอะไร ให้เขียนลงในกระดาษแล้วติดไว้หน้าประตูก็พอ"

"ขอบใจเจ้ามาก"

"อย่าพูดถึงว่าลำบากเลย ข้าตัดสินใจช่วยเจ้าแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ข้าควรทำอยู่แล้ว"

ซูเล่ออวิ๋นมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นว่าแสงแดดส่องเจิดจ้าแล้ว

"ข้าจะไปที่เยวี่ยโหลว ได้ยินมาว่ามีข่าวคราวของตระกูลสวี่"

"ข้าจะไปส่งเจ้า"

หลิวฉินลุกขึ้นมาส่งซูเล่ออวิ๋นที่หน้าประตู ซูเล่ออวิ๋นมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าของนาง

"กลับไปพักผ่อนเถอะ อย่างน้อยตอนนี้พ่อแม่ของเจ้าหาตัวเจ้าไม่พบ และพวกเขาก็จะไม่สามารถบังคับให้เจ้าแต่งงานกับสวี่จื้ออันได้อีกแล้ว"

"เข้าใจแล้ว เล่ออวิ๋น ขอบใจเจ้ามาก" หลิวฉินกะพริบตาปกปิดน้ำตาที่เอ่อขึ้นในดวงตา

จนกระทั่งเช้าวันนี้ นางยังรู้สึกกังวลกลัวว่าตนจะกลับไปอยู่ที่บ้านอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นซูเล่ออวิ๋น ความหวาดกลัวนั้นก็เลือนหายไปในที่สุด นางรู้สึกได้ว่านางได้หนีออกจากบ้านมาแล้วจริงๆ

เหลียนซินและชุ่ยหลิวที่ตามหลังซูเล่ออวิ๋นมาก็พากันถอนหายใจ

"คุณหนูหลิวช่างโชคร้ายเหลือเกิน"

"นั่นสิ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณหนูถึงมีสีหน้าเคร่งเครียดนักเมื่อวาน หลังจากได้ยินว่าคนที่จะแต่งกับคุณหนูหลิวคือ คุณชายสวี่" ชุ่ยหลิวขมวดคิ้ว

"ข้าคิดไม่ออกเลยว่าทำไมครอบครัวของคุณหนูหลิวถึงอยากให้นางแต่งงานกับคนแบบนั้น"

"ถึงแม้ตระกูลสวี่จะไม่ได้มีอำนาจมาก แต่พวกเขาร่ำรวยมาก อีกทั้งยังเป็นผู้ค้าที่มีแนวโน้มจะได้เป็นพ่อค้าหลวงในปีนี้ ตระกูลหลิวจึงไม่กล้าปฏิเสธ"

ซูเล่ออวิ๋นอธิบาย

ทันใดนั้น ซูเล่ออวิ๋นหยุดเดิน เงยหน้ามองไปยังอาคารที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

"คุณหนู นั่นคือเยวี่ยโหลวหรือ"

ชุ่ยหลิวและเหลียนซินเหลือบมองไปยังตัวอาคารแล้วรีบเบนสายตากลับด้วยความเกรงกลัว แม้ว่าจะเป็นเวลากลางวัน แต่การตกแต่งอาคารแบบนี้ พวกนางก็รู้ดีว่ามันคือสถานที่แบบไหน

"นี่มันไม่ใช่หอนางโลมหรอกหรือ"

"ทำไมเยวี่ยโหลวถึงอยู่ในสถานที่เช่นนี้"

ซูเล่ออวิ๋นได้รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเยวี่ยโหลวจากซุนเหวิน และรู้ว่าเพียงแค่มีเงินก็สามารถหาข่าวอะไรก็ได้ จึงตั้งใจที่จะมาที่นี่ แต่พอเห็นสถานที่โดยรอบ นางเองก็เริ่มสงสัยขึ้นมาเช่นกัน

"พวกเจ้าสวมผ้าคลุมหน้าไว้ เราจะไปดูกัน"

ซุนเหวินไม่น่าจะให้ที่อยู่ผิด ซูเล่ออวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าคลุมหน้ามาสวมแล้วก้าวเดินเข้าไป

เหลียนซินและชุ่ยหลิวสบตากันก่อนจะรีบตามซูเล่ออวิ๋นไปติดๆ

ประตูของเยวี่ยโหลวถูกปิดสนิท อีกทั้งไม่มีป้ายใดๆ แขวนอยู่ แต่ซูเล่ออวิ๋นพบสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ตามที่ซุนเหวินบอกมา นั่นทำให้นางมั่นใจว่านี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง

นางก้าวไปข้างหน้า เคาะประตูเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะเคาะหนักๆ อีกสองครั้ง

ทันทีที่นางหยุดเคาะ ประตูก็เปิดออก แม้จะเป็นกลางวัน แต่ภายในกลับมืดสนิท

“มีใครอยู่ไหม”

ซูเล่ออวิ๋นเอ่ยถาม แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

"คุณหนู ให้บ่าวเข้าไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ" ชุ่ยหลิวเสนอ

ซูเล่ออวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เข้าไปพร้อมกันเถอะ"

เยวี่ยโหลวแห่งนี้ดูจะประหลาดอยู่ไม่น้อย

ซูเล่ออวิ๋นก้าวเข้าไปในอาคาร ขณะที่เหลียนซินและชุ่ยหลิวรีบตามเข้ามา

ทันใดนั้นประตูก็ปิดลงอย่างเงียบเชียบ

ภายในพลันสว่างขึ้นมา

มีชายชราร่างโค้งงอยืนอยู่ตรงบันได "เชิญทั้งสามท่านขึ้นไปทางนี้"

"ข้ามาที่นี่เพื่อ..."

"คนที่มาที่เยวี่ยโหลวล้วนมาเพื่อสืบข่าว คุณหนู เชิญขึ้นไปชั้นบน"

ชายชรากล่าวตัดบทซูเล่ออวิ๋นก่อนจะก้าวขึ้นบันได

ซูเล่ออวิ๋นไม่พูดอะไรอีก นางเดินตามชายชราไปที่ชั้นบน

ชั้นสองสว่างไสวไปด้วยแสง

ซูเล่ออวิ๋นจึงเห็นชัดเจนว่าแสงนั้นมาจากไข่มุกยามราตรี ขณะที่รอบด้านกลับเต็มไปด้วยกำแพงหนา

แต่เมื่อมองจากภายนอก น่าจะมีหน้าต่างอยู่ตรงนั้น

“คุณหนู เชิญทางนี้” ชายชรายืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง เขาโค้งคำนับเป็นการเชื้อเชิญ

ภายในห้องนั้นตกแต่งอย่างซับซ้อน ผนังห้องมีรางโค้งเล็กๆ หลายเส้น ที่ดูเหมือนจะใช้สำหรับลำเลียงสิ่งของอะไรบางอย่าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด