ตอนที่แล้วตอนที่ 405 มีสามคนไม่ดีกว่าเหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 407 การสร้างอาณาจักรสินค้าฟุ่มเฟือย

ตอนที่ 406 ความคิด


ชายชาวต่างชาติคนนั้น เมื่อเผชิญกับท่าทีประจบสอพลอของ ลู่ หยวนไป๋ กลับแสดงท่าทีเย็นชาอย่างมาก

แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ลู่ หยวนไป๋ ก็ยังคงพยายามประจบเขาให้ดีที่สุดเพื่อเอาใจ

ท่าทีของ ลู่ หยวนไป๋ ในขณะนี้ ที่ดูนอบน้อมอย่างยิ่ง ตรงกันข้ามกับท่าทีที่โอ้อวดว่าต่างประเทศดีกว่าเมื่อครู่

ทำให้แขกหลายคนที่อยู่รอบๆ พากันดูถูกเหยียดหยาม

เห็นไหม นี่แหละคือสันดานที่แท้จริงของพวกสุนัขมู่หยาง

พอเจอคนต่างชาติ ก็เริ่มประจบเอาใจจนไม่เหลือความภูมิใจในตัวเอง

ไม่ไกลนัก เสี่ยวโหรว ที่มองดูท่าทางสอพลอของ ลู่ หยวนไป๋ ก็ถึงกับตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

มันต้องไม่ใช่แบบนี้..

ในจินตนาการของเธอ หยวนไป๋ ควรจะเป็นคนที่ถูกคนอื่นมาประจบสอพลอ ไม่ใช่เขาที่ต้องเป็นฝ่ายไปประจบผู้อื่นแบบนี้

แต่ทำไมตอนนี้ หยวนไป๋ กลับกลายเป็นคนที่นอบน้อมถ่อมตนเหมือนข้ารับใช้คนอื่นแบบนี้ไปได้?

โลกทัศน์ของ เสี่ยวโหรว เริ่มพังทลายลง เธอไม่สามารถยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ได้ในทันที

“ผู้จัดการ คุณมาที่นี่ได้อย่างไรครับ?”

ลู่ หยวนไป๋ ยืนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ข้างๆ ชายชาวต่างชาติ และถามด้วยความสงสัย

ชายชาวต่างชาติคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก คลาเรนซ์ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท Coop Group ที่ เย่เฉิน รู้จักดี

ลู่ หยวนไป๋ เป็นเพียงผู้จัดการเขตภูมิภาคเล็กๆ ของ Coop Group ที่ต่างประเทศ

“ฉันมาหาคน”

คลาเรนซ์ ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เขามาเพื่อมาพบกับ คุณเย่เฉิน ไม่มีเวลามาสนใจพนักงานตัวเล็กๆ ที่พยายามประจบประแจงเขา

เมื่อคืนนี้ คลาเรนซ์ ได้บอกข่าวเรื่องที่เขาได้พบกับ เย่เฉิน โดยบังเอิญให้เพื่อนเก่าอย่าง เบรดี้ ฟัง ซึ่ง เบรดี้ รู้สึกตื่นเต้นมาก และต้องการให้คลาเรนซ์ ช่วยแนะนำให้รู้จักกับ เย่เฉิน

ถึงแม้ เบรดี้ จะเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Patek Philippe แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้านายใหม่อย่าง เย่เฉิน เขากลับรู้สึกประหม่า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

บังเอิญที่ คลาเรนซ์ เองก็มีเรื่องบางอย่างที่ต้องการปรึกษา เย่เฉิน เช่นกัน

เมื่อ คลาเรนซ์ ไปถึงโรงแรมโฟร์ซีซั่น หางโจว แอท เวสท์เลค กลับพบว่า เย่เฉิน ไม่ได้อยู่ที่นั่น

พ่อแม่ของ เย่เฉิน บอกว่า เย่เฉิน มาทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งนี้ ดังนั้น คลาเรนซ์ จึงรีบมาที่นี่

หลังจากมองไปรอบๆ ร้านอาหาร คลาเรนซ์ ก็พบ เย่เฉิน ในที่สุด

คลาเรนซ์ รีบเดินตรงไปหา เย่เฉิน โดยทิ้ง ลู่ หยวนไป๋ ไว้ข้างหลัง

“ท่านประธานเย่..”

เมื่อมาถึง คลาเรนซ์ กล่าวทักทายเขาด้วยความเคารพนอบน้อม

อีกด้านหนึ่ง ลู่ หยวนไป๋ ถึงกับช็อกเมื่อเห็นผู้จัดการทั่วไป คลาเรนซ์ มีท่าทีเคารพนอบน้อมต่อ เย่เฉิน

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ..ไปได้?

“คุณมีอะไรหรือเปล่า?”

เย่เฉิน ถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจเล็กน้อย

คลาเรนซ์ จึงถามอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นสีหน้า เย่เฉิน ดูไม่ค่อยพอใจ

เย่เฉิน เลยได้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับ คลาเรนซ์ ฟังไปเพียงคร่าวๆ เท่านั้น

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ฟัง คลาเรนซ์ รู้สึกโกรธมากเช่นกัน

เขาไม่ชอบคนที่ไม่รักบ้านเกิดของตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไม่รักบ้านเกิดของตัวเอง จะรักบริษัทของตัวเองได้หรืออย่างไร?

ซึ่งแน่นอนว่า ไม่!

ยิ่งไปกว่านั้น ลู่ หยวนไป๋ ยังกล้าต่อปากต่อคำกับ ท่านประธานเย่..

ช่างกล้าหาญจริงๆ!!!

“คนอย่างคุณ ไม่สมควรทำงานใน Coop Group ของเราอีกต่อไป คุณถูกไล่ออก”

คลาเรนซ์ หันไปพูดกับ ลู่ หยวนไป๋ ด้วยความรังเกียจ

“อะไรนะครับ?!”

ลู่ หยวนไป๋ ที่ยังคงสับสน และไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น กลับมีใบหน้าซีดเผือดทันที เมื่อได้ยินคำสั่งนี้

เขาใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้ตำแหน่งนี้มา ถ้าเขาถูกไล่ออก เขาจะไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ เพราะเขาได้กู้เงินมา..

หากไม่มีงาน เขาจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้?

และเขาจะยังใช้ชีวิตในต่างประเทศได้อย่างไร?

“อย่าไล่ผมออกเลยครับ ผู้จัดการ ผมขอร้องล่ะ”

ลู่ หยวนไป๋ ถึงกับล้มตัวลงไปนั่งคุกเข่ากอดต้นขาของ คลาเรนซ์ พร้อมกับอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เสี่ยวโหรว ยิ่งรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น

นี่หรือคือความจริง?

นี่คือคนที่เธอเคยชื่นชมอย่าง ลู่ หยวนไป๋ จริงๆ หรือ?!

โลกทั้งใบของ เสี่ยวโหรว พังทลายลง เธอรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างมืดมนเหลือเกิน

“ไสหัวไปให้พ้น”

คลาเรนซ์ ไม่คิดจะเปลี่ยนคำสั่ง

เมื่อเห็นว่าขอร้อง คลาเรนซ์ ไม่ได้ผล ลู่ หยวนไป๋ ก็หันไปกอดต้นขา เย่เฉิน และขอร้อง เย่เฉิน ด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนอย่างที่สุด

“พนักงานของร้านอยู่ไหน?”

คลาเรนซ์ ตะโกนถามขึ้นเสียงดัง

ไม่นานนัก พนักงานร้านอาหารหลายคนก็เข้ามา

ในที่สุด ลู่ หยวนไป๋ ก็ถูกพนักงานชายสองสามคนลากตัวออกจากร้านไป

ส่วน เสี่ยวโหรว นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า โดยไม่พูดอะไรเลย

เมื่อเห็นจุดจบของพวกสุนัขมู่หยางที่หลงใหลจนเกินเหตุ แขกคนอื่นๆ ในร้านต่างพากันยิ้มด้วยความสะใจ

หลังจากที่ ลู่ หยวนไป๋ จากไป บรรยากาศในร้านก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

“คุณมีเรื่องอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า?”

เย่เฉิน ถาม

“ผมมีสองเรื่องที่ต้องการจะ... ปรึกษากับท่านครับ”

คลาเรนซ์ พยายามออกเสียงภาษาจีนให้ชัดเจนมากขึ้น

“เรื่องอะไร?”

“ท่านประธานเย่ครับ เรื่องมีอยู่ว่า...”

คลาเรนซ์ บอกเล่าถึงสองเรื่องที่ต้องการปรึกษากับ เย่เฉิน

“ดี ผมจะพิจารณาดู”

หลังจากฟังจบ เย่เฉิน ก็พยักหน้า

เรื่องแรกที่ คลาเรนซ์ พูดถึงคือ เบรดี้ ต้องการเข้าพบกับเขา ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะ เบรดี้ เป็นพนักงานของเขาอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่สองที่ คลาเรนซ์ พูดถึง กลับทำให้ เย่เฉิน สนใจมากขึ้น เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เขาสามารถพิจารณาได้

หลังจากคุยธุระเสร็จ คลาเรนซ์ ก็ขอตัวออกไปโดยไม่รบกวนการทานอาหารของ เย่เฉิน อีก

หลังจากทานอาหารเสร็จ เย่เฉิน ก็แสดงความตั้งใจที่จะจ้าง เหยียน อวี้ตาน มาร่วมงานกับเขา

เมื่อได้ยินสิ่งที่ เย่เฉิน พูด เหยียน อวี้ตาน ถึงกับตกตะลึง

“คุณเย่ ต้องการจะจ้างฉันหรือคะ?”

เหยียน อวี้ตาน ถามอย่างประหลาดใจว่า :

“คุณเย่ ทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณี และมีบริษัทอัญมณีเป็นของตัวเองเหรอคะ?”

เหยียน อวี้ตาน รู้สึกสงสัย เพราะหาก คุณเย่ มีบริษัทอัญมณีเป็นของตัวเอง ทำไมเขาถึงต้องมาจ้างเธอเพื่อทำสร้อยเพชรล่ะ?

มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย

“เอาเป็นว่า.. ประมาณนั้น”

เย่เฉิน พยักหน้า

“บริษัทของ คุณเย่ มีชื่อว่าอะไร บางทีฉันอาจจะเคยได้ยินชื่อมาก่อนก็ได้?”

เหยียน อวี้ตาน ถามด้วยความสงสัย

เนื่องจากเธอค่อนข้างรู้จักวงการอัญมณีดี ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ หรือเล็กในประเทศ เธอรู้จักเกือบทั้งหมด

และเธอก็รู้จักคนในวงการนี้ไม่น้อย

เธอรู้สึกสงสัยว่า คุณเย่ เป็นเจ้าของบริษัทอัญมณีแห่งไหนกันแน่?

ซึ่งเธอเองรู้จักเจ้าของบริษัทอัญมณีขนาดใหญ่ในประเทศเกือบทั้งหมด และไม่มีใครเลยที่มีนามสกุล ..เย่

ดังนั้น บริษัทอัญมณีของ คุณเย่ อาจจะเป็นบริษัทขนาดกลาง แต่บริษัทนั้นจะเป็นบริษัทอะไรล่ะ?

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด