ตอนที่แล้วตอนที่ 404 ซู หนิงซวง : ฉันคือผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 406 ความคิด

ตอนที่ 405 มีสามคนไม่ดีกว่าเหรอ?


หลังจากการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน สองคุณแม่ก็ยังคงไม่มีความคิดเห็นที่ตรงกัน

“นี่พวกคุณถกเถียงอะไรกันอยู่เนี่ย?”

พ่อของ เย่เฉิน พูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“เสี่ยวเฉิน กับหนิงซวง ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เรื่องนี้ยังอีกไกลนะ”

“ไม่เป็นไร เราสามารถเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าได้”

แม่ของ เย่เฉิน โต้กลับทันที

“ฉันคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องถกเถียงกันว่าจะเอาลูกชาย หรือลูกสาว ทำไมไม่ให้ เสี่ยวเฉิน กับหนิงซวง มีทั้งลูกชาย และลูกสาวสักคนล่ะ?”

ทันใดนั้น แม่ของ เย่เฉิน ก็คิดวิธีแก้ปัญหาที่ฟังดูสมเหตุสมผลขึ้นมา :

“ถ้าถึงตอนนั้น ฉันจะเลี้ยงลูกสาว คุณก็เลี้ยงลูกชาย แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว”

“ถ้าพวกเขามีลูกสองคน เราก็คงมีความสุขกัน แต่ถ้า หนิงซวง กับเสี่ยวเฉิน อยากเลี้ยงลูกเองล่ะ?”

แม่ของ ซู หนิงซวง เสนอความคิดที่ดียิ่งขึ้นว่า :

“ตอนนี้นโยบายการมีลูกสามคนก็เปิดแล้ว ทำไมไม่ให้พวกเขามีลูกสามคนไปเลย แบบนี้จะยิ่งดียิ่งขึ้นนะ”

แม่ของ เย่เฉิน พยักหน้าเห็นด้วยทันที

ช่วงเวลาค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่พา ซู หนิงซวง และครอบครัวกลับบ้าน เย่เฉิน ก็กลับมาที่เพรสซิเด้นท์ วิลล่าของเขา

พรุ่งนี้เขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ

นั่นก็คือการเลี้ยงอาหารขอบคุณ เหยียน อวี้ตาน หรืออาจารย์เหยียน นักออกแบบที่สร้างสร้อยเพชรสีน้ำเงินให้เสร็จเมื่อวานนี้

เหยียน อวี้ตาน ทำงานหนักทั้งวันแม้จะเป็นวันสิ้นปี แถมเธอยังบินจากเจียงโจวมาที่หางโจวในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อมาส่งสร้อยคอให้ถึงมือ

เย่เฉิน จึงอยากแสดงความขอบคุณเธอเป็นพิเศษ

เมื่อคืนนี้ เย่เฉิน ไม่ได้มีเวลาเพราะพ่อแม่ของเขาต้องการพบกับพ่อแม่ของ หนิงซวง

ตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้ เหยียน อวี้ตาน ยังไม่ได้ออกจากหางโจว เย่เฉิน จึงวางแผนที่จะเลี้ยงอาหารขอบคุณเธอ

นอกจากนี้ เย่เฉิน ยังมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการดึง เหยียน อวี้ตาน เข้ามาทำงานกับเขา

เหยียน อวี้ตาน อายุเพียง 32-33 ปี แต่เธอเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอยู่แล้ว และเคยได้รับรางวัลการออกแบบระดับนานาชาติมามากมาย

ในวัยนี้ การมีผลงานที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ถือว่าเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถ และมีอนาคตไกลแน่นอน

ดูเหมือนว่าเธอจะเคยเป็นหัวหน้านักออกแบบให้กับแบรนด์หรูระดับโลกด้วย

ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรที่เธอกลับมาจากต่างประเทศ และเปิดสตูดิโอส่วนตัวในเจียงโจว

หลังจากการออกแบบสร้อยเพชรสีน้ำเงินเส้นนี้ เย่เฉิน จึงได้เห็นทั้งความสามารถ และทัศนคติในการทำงานของเธอ

คนมีความสามารถเช่นนี้.. เย่เฉิน ต้องการดึงเข้ามาร่วมทีมของเขา

แม้ว่า เย่เฉิน ยังไม่ได้ครอบครองหุ้นของ Prada Group แต่ก็คงเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น

ถ้าเขาสามารถดึง เหยียน อวี้ตาน มาเป็นหัวหน้านักออกแบบเครื่องประดับของ Prada ได้ มันจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทอย่างแน่นอน

Prada เป็นแบรนด์หรูที่มีชื่อเสียง แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ชื่อเสียง และอิทธิพลของแบรนด์ลดลงเมื่อเทียบกับแบรนด์หรูอื่นๆ เช่น Hermes, Chanel และอื่นๆ

เรื่องนี้เห็นได้จากมูลค่าตลาดของ Prada ที่ลดลงเรื่อยๆ

ถ้าหากเขาสามารถดึง เหยียน อวี้ตาน มาร่วมทีม และออกแบบเครื่องประดับที่โดดเด่น รวมถึงโปรโมทสินค้าของบริษัทได้ Prada อาจฟื้นตัว และกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง

เมื่อถึงตอนนั้น มูลค่าตลาดของ Prada จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

และในฐานะเจ้าของ Prada ทรัพย์สินของ เย่เฉิน ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

วันรุ่งขึ้นตอนเที่ยง เย่เฉิน ขับรถ Hennessey Venom GT ของเขาไปยังร้านอาหารหรูชื่อดังอีกแห่งหนึ่งในหางโจว

เขาได้นัดพบกับ เหยียน อวี้ตาน ที่นั่น

เย่เฉิน รู้สึกเบื่อหน่ายกับอาหารของห้องอาหารจินซา ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น หางโจว แอท เวสท์เลค วันนี้เขาจึงเปลี่ยนไปร้านอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

“คุณเย่”

“อาจารย์เหยียน”

เย่เฉิน และเหยียน อวี้ตาน มาถึงร้านอาหารในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งสองเลือกที่นั่งใกล้หน้าต่าง

เย่เฉิน กล่าวขอบคุณเธอ และมอบค่าตอบแทนให้เธอเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

นี่คือสิ่งที่ เหยียน อวี้ตาน สมควรได้รับ..

ระหว่างที่รับประทานอาหาร ทั้งสองก็ได้พูดคุยกันไปด้วย

“เฮ้อ คุณภาพอากาศในประเทศมันแย่จริงๆ ต่างประเทศน่ะอากาศสดชื่นกว่ามาก”

ทันใดนั้น แขกโต๊ะข้างๆ เป็นชายคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบปีก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูก

“ถ้าครอบครัวไม่บังคับให้กลับมา ฉันก็ไม่อยากกลับมาที่ประเทศแย่ๆ แบบนี้หรอก”

คำพูดของชายคนนั้นฟังดูน่าหงุดหงิดมาก

“ต่างประเทศนั้นมีเสรีภาพมากกว่า เทียบกับที่นี่ไม่ได้หรอก”

เพื่อนของผู้ชายคนนี้ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยยี่สิบกว่าปีที่นั่งอยู่ด้วยกันพยักหน้าเห็นด้วย

“หยวนไป๋ ได้ยินว่าปีนี้คุณได้เลื่อนตำแหน่งในต่างประเทศใช่ไหม?”

“ใช่ ฉันได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้จัดการเขตภูมิภาค”

ชายคนนั้นที่ชื่อ ลู่ หยวนไป๋ พูดโอ้อวดด้วยความภาคภูมิใจ

“เสี่ยวโหรว ฉันบอกคุณเลยว่า ในประเทศนี้ไม่มีอะไรดีที่จะพัฒนาแล้ว”

ลู่ หยวนไป๋ พูดเหมือนกำลังให้คำแนะนำที่ดีว่า :

“ต่างประเทศมีอิสระ และประชาธิปไตยมากกว่า อีกทั้งระบบการรักษาพยาบาล การศึกษา และทุกๆ อย่างยังดีกว่าประเทศนี้มาก ฉันแนะนำว่าเธอควรจะรีบไปต่างประเทศเถอะ”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน และหวังว่า หยวนไป๋ นายจะช่วยฉันหน่อยนะ ฉันเองก็อยากไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ที่บ้านเรานี้มันแย่มาก”

ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า

กลายเป็นว่าคนสองคนนี้เป็นสุนัขมู่หยางสองตัว(1)

เสียงสนทนาของชายหญิงคู่นี้ดังมากจนแขกคนอื่นๆ รอบๆ โต๊ะได้ยิน

พวกสุนัขมู่หยางแบบนี้ น่ารำคาญจริงๆ

ถ้าต่างประเทศดีนัก ทำไมไม่ไปอยู่ที่นั่นเลยล่ะ?

“เสี่ยวโหรว ฉันอยากจะบอกเธอว่า ที่ต่างประเทศ...”

ลู่ หยวนไป๋ ยังคงพูดโอ้อวดว่าต่างประเทศดีกว่าในทุกด้าน และดูถูกบ้านเกิดของตนเอง

“ถ้าต่างประเทศดีขนาดนั้น แล้วคุณกลับมาทำไม?”

ในเวลานี้ จู่ๆ เหยียน อวี้ตาน ซึ่งอดทนฟังไม่ไหว หันมาตอบโต้ทันที

เหยียน อวี้ตาน เคยทำงานในต่างประเทศมาก่อน แต่เธอไม่ได้รู้สึกชื่นชมผู้คนในต่างประเทศเท่าไหร่นัก

ในบริษัทที่เธอทำงานอยู่ ผู้บริหารระดับสูงบางคนมักจะถือดี และหยิ่งยโส มองเธออย่างดูถูกเป็นประจำ พวกเขาถึงกับเลือกปฏิบัติต่อคนเช่นพวกเขาด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอรู้สึกเกลียดชังอย่างมาก จนถึงขั้นต้องลาออก และกลับมาทำงานที่บ้านเกิด

ตอนนี้ เมื่อได้ยิน ลู่ หยวนไป๋ โอ้อวดเกี่ยวกับต่างประเทศ เหยียน อวี้ตาน จึงรู้สึกไม่พอใจเป็นพิเศษ

หลังจากที่ เหยียน อวี้ตาน พูดแบบนั้น ใบหน้าของ ลู่ หยวนไป๋ ก็เปลี่ยนเป็นดำคล้ำทันที

“คุณคิดว่าผมอยากกลับมาที่นี่หรือไง? ที่บ้านบังคับให้ผมกลับมา หลังจากจัดการเรื่องที่นี่เสร็จ ผมก็จะรีบกลับไปต่างประเทศทันที”

ลู่ หยวนไป๋ ตอบกลับ

“ในต่างประเทศมีเสรีภาพมากกว่าที่นี่เป็นล้านเท่า”

เมื่อพูดถึงต่างประเทศ ดวงตาของ ลู่ หยวนไป๋ เปล่งประกายด้วยความหลงใหล และความหวัง

ตั้งแต่เด็ก เขาใฝ่ฝันที่จะไปใช้ชีวิตในประเทศตะวันตก ที่เต็มไปด้วยอิสรภาพ ความโรแมนติก และความสูงส่ง

เมื่อโตขึ้น เขาก็สามารถทำให้ความฝันเป็นจริงได้

ในความคิดของเขา ต่างประเทศดีกว่าบ้านเกิดของเขาเป็นหมื่นเท่าล้านเท่า เปรียบได้ดั่งสวรรค์บนดิน

“คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”

เพื่อนสาวของ ลู่ หยวนไป๋ ที่ชื่อ เสี่ยวโหรว พูดโต้กลับ เหยียน อวี้ตาน อย่างดูถูก

“แล้วเธอล่ะ เคยไปต่างประเทศหรือเปล่า?”

เหยียน อวี้ตาน สวนกลับ

“ฉันไม่เคยไป แต่ฉันรู้ว่าต่างประเทศนั้นดีงาม และสูงส่งขนาดไหน ไม่มีทางเทียบกับบ้านเราได้หรอก”

เสี่ยวโหรว พูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก

ในจินตนาการของเธอ ชีวิตในต่างประเทศจะเป็นเหมือนดั่งสวรรค์บนดิน เธอกับ ลู่ หยวนไป๋ เป็นคนที่คิดเหมือนกัน

“เธอ.. มันมองโลกในแง่ดีเกินไป”

เหยียน อวี้ตาน ตอบกลับ

“เมื่อเธอได้ไปต่างประเทศ เธอจะรู้ว่ามัน ..เป็นอย่างไรจริงๆ”

“เฮอะ”

เสี่ยวโหรว แสดงท่าทางไม่เชื่อในสิ่งที่ เหยียน อวี้ตาน พูด

“ฉันไม่รู้เรื่องของคนอื่นหรอก แต่ หยวนไป๋ ฉันรู้แน่นอน”

เสี่ยวโหรว ยก ลู่ หยวนไป๋ ขึ้นมาเป็นตัวอย่างเพื่อหักล้างคำพูดของ เหยียน อวี้ตาน

“หยวนไป๋ ไปต่างประเทศเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้เขาก้าวหน้าในต่างประเทศมาก แม้แต่คนต่างชาติก็ยังมาคอยประจบ หยวนไป๋”

“ต่างประเทศน่ะ คือที่ที่ดีที่สุดจริงๆ…”

ลู่ หยวนไป๋ ลุกขึ้นมายืนยันอีกครั้ง โดยแสดงทัศนคติของเขาในฐานะ สุนัขมู่หยางแบบสุดขั้ว

“คุณพูดมากเกินไปแล้ว”

เย่เฉิน ซึ่งนั่งฟังคำโอ้อวดของ ลู่ หยวนไป๋ รู้สึกหงุดหงิดมาก

พวกสุนัขมู่หยางแบบนี้ช่างน่ารำคาญเหลือเกินจริงๆ

เมื่อถูก เย่เฉิน พูดแบบนั้น ลู่ หยวนไป๋ ถึงกับหน้ามืดด้วยความโกรธ

ในขณะที่ ลู่ หยวนไป๋ เตรียมตัวจะโต้ตอบ เย่เฉิน ประตูร้านอาหารก็ถูกเปิดออก มีชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้ามา

เมื่อเห็นชายชาวต่างชาติคนนั้น ลู่ หยวนไป๋ ก็รีบวิ่งเข้าไปหา พร้อมกับท่าทางประจบสอพลออย่างออกนอกหน้า

(1)[สุนัขมู่หยาง (慕洋犬)] - ‘มู่หยางฉวน’ ตรงตัวคือ ‘สุนัขที่หลงใหลในต่างประเทศ’ เป็นคำที่ใช้วิจารณ์ หรือเสียดสีคนที่หลงใหล หรือคลั่งไคล้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากต่างประเทศมากเกินไป และมองข้าม หรือดูถูกสิ่งที่มาจากประเทศของตัวเอง คำนี้มีความหมายในเชิงลบ เปรียบเสมือนการวิจารณ์คนที่คิดว่าทุกสิ่งที่มาจากต่างประเทศดีกว่าโดยไม่คำนึงถึงความจริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด