ตอนที่แล้วบทที่ 138 ซื้อเสื้อผ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 140 ลงมือเบาไป

ตอนที่ 139 เวทีประลอง


ฉินซิ่วเหมือนจะรู้สึกได้ นางเงยหน้าขึ้นมองไปทางซูเล่อหยุน ดวงตาของนางเป็นประกายทันที

"คุณหนูซู!"

ฉินซิ่วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณหนูอีก!"

"นายหญิงโจว ไม่ได้พบกันเสียนาน"

"คุณหนูซู เรียกข้าว่าฉินซิ่วก็พอ เรื่องเรียกนายหญิง ข้ารับไม่ไหวจริงๆ"

เมื่อได้เห็นซูเล่อหยุนอีกครั้ง ฉินซิ่วก็แสดงความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด ทำให้ซูเล่อหยุนเองรู้สึกสงสัยเล็กน้อย นางจึงมองสำรวจฉินซิ่วตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สายตาหยุดที่ใบหน้าที่กลมขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนลงไปที่รอบเอวของฉินซิ่ว

ในใจของซูเล่อหยุนเกิดความสงสัยขึ้นมา

“ท่านตั้งครรภ์แล้วหรือ”

“ข้าตั้งครรภ์แล้ว…”

ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะหันมามองหน้ากันและหัวเราะออกมา

“ข้ายินดีกับท่านด้วยเจ้าค่ะ”

ซูเล่อหยุนกล่าวแสดงความยินดี

ฉินซิ่วรีบตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณใบสั่งยาของคุณหนูซู ข้าเพียงดื่มยาไม่ถึงครึ่งเดือนก็รู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้ว!”

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ลู่เสวี่ยหย่าเดินออกมาจากห้องลองเสื้อ ส่งเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดให้กับเสี่ยวหยู

“น้องหยุนเอ๋อร์” ลู่เสวี่ยหย่ามองไปทางฉินซิ่ว นึกว่าคุ้นหน้าแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอกันที่ไหน “นี่คือ”

“ข้าชื่อฉินซิ่ว ก่อนหน้านี้คุณหนูซูเคยช่วยชีวิตสามีของข้าไว้ นางเป็นผู้มีพระคุณของเรา”

ลู่เสวี่ยหย่าชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงนึกขึ้นมาได้ ครั้งที่แล้วที่ร้านอาหารเฟยฉุยโหลว ซูเล่อหยุนช่วยชีวิตชายคนหนึ่งไว้

หรือว่าหยุนเอ๋อร์รู้วิชาแพทย์จริงๆน่ะหรือ

ครั้งนั้นที่ช่วยชีวิตคน ไม่ใช่เพียงโชคดี แต่เป็นความรู้ความสามารถของนาง

ที่ผ่านมาตัวข้ากับทุกคนต่างคิดว่าหยุนเอ๋อร์ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่กลับกลายเป็นว่าเราเข้าใจผิดไปหมด

รวมถึงยาพิษหงแกง ครั้งนั้นหยุนเอ๋อร์ก็มองออกได้เช่นกัน

เมื่อคิดเช่นนั้น ลู่เสวี่ยหย่ารู้สึกเสียใจที่ตัวเองเคยคิดผิด และเกิดความรู้สึกผิดอยู่ภายในใจ

ซูเล่อหยุนกลับไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่ลู่เสวี่ยหย่าคิด “เจ้าเกรงใจเกินไปแล้ว”

"คุณหนูซู ท่านไม่รู้เลยว่า ตั้งแต่ข้าตั้งครรภ์ ข้าก็คิดถึงท่านอยู่ตลอด เมื่อวานยังคุยกับสามีถึงท่านอยู่เลย ไม่คิดว่ามาวันนี้จะได้เจอกัน!"

ฉินซิ่วจับมือของซูเล่อหยุนแน่น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ

"วันนี้หากท่านว่าง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ข้าได้ตอบแทนบุญคุณบ้างนะเจ้าคะ ตกลงไหมเจ้าคะ"

สำหรับฉินซิ่วแล้ว ซูเล่อหยุนไม่เพียงช่วยชีวิตสามีของนาง แต่ยังช่วยให้นางได้ตั้งครรภ์ เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดของนาง หากไม่ได้ตอบแทน คงไม่มีทางสบายใจได้

"เรื่องนั้น…วันนี้ข้าเกรงว่าคงไม่ว่าง"

ซูเล่อหยุนมองออกถึงความกระตือรือร้นของฉินซิ่ว แต่วันนี้ซูเล่อหยุนมีธุระมากมาย จึงปฏิเสธอย่างสุภาพ

ฉินซิ่วส่ายหัวและกล่าวว่า "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณหนูซู วันนี้ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แต่คงจะมีสักวันที่คุณจะว่างใช่ไหม ที่พักของข้า คุณหหนูก็คงรู้แล้ว เมื่อไหร่ที่ว่างก็บอกสาวใช้มาแจ้งข้าล่วงหน้า ข้าจะเตรียมตัวไว้ก่อน"

เห็นท่าว่าหากไม่ตอบตกลงคงจะเดินออกไปไม่ได้ ซูเล่อหยุนจึงยิ้มอย่างจนใจ

ฉินซิ่วก็ยังคงเหมือนครั้งที่เจอกันที่เฟยฉุยโหลว ดูมีแรงใจและกระตือรือร้นมากเช่นเคย

"ตกลง หากข้ามีเวลาว่าง ข้าจะไปหาท่าน"

"งั้นเราตกลงกันแล้วนะ" ฉินซิ่วถามอย่างกังวล "คุณหนูซู ข้าขอทราบที่อยู่ของคุณหนูได้ไหมเจ้าคะ ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไร ข้าแค่กลัวว่าคุณจะลืม ถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่ดีแน่"

"เห็นร้านหนังสือที่อยู่ทางนั้นไหม ถ้าเจ้าต้องการหาข้า เจ้าสามารถไปที่นั่น จะมีคนคอยแจ้งข่าวให้ข้า"

ซูเล่อหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่บอกฉินซิ่วเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของนาง ไม่ใช่ว่านางไม่ไว้ใจฉินซิ่ว แต่นางกลัวว่าด้วยนิสัยของฉินซิ่ว หากไปหาที่ตระกูลซู อาจจะสร้างปัญหาได้ โดยเฉพาะเรื่องที่นางมีวิชาแพทย์

"ตกลง ข้ารู้แล้ว คุณหนูซู"

เมื่อรู้ว่ามีสถานที่ติดต่อกับซูเล่อหยุนได้ ใบหน้าของฉินซิ่วก็เปื้อนยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นทันที

ทางด้านนั้น เจ้าของร้านผ้าก็จัดเตรียมของที่ลู่เสวี่ยหย่าและฉินซิ่วสั่งไว้อย่างเรียบร้อย แล้วส่งให้พวกนาง

เมื่อออกจากร้านผ้า ฉินซิ่วก็เดินไปในทิศทางที่ต่างจากซูเล่อหยุน จึงกล่าวลาซูเล่อหยุนก่อน

เมื่อรอจนฉินซิ่วเดินไปจนลับตา ซูเล่อหยุนและลู่เสวี่ยหย่าก็เดินต่อไปยังร้านถัดไป

ระหว่างทาง ลู่เสวี่ยหย่าถามด้วยความสงสัยว่า "หยุนเอ๋อร์ เจ้าเรียนวิชาแพทย์มาได้อย่างไร"

"เรื่องนี้ พี่สาวเสวี่ยหย่าจะช่วยเก็บเป็นความลับให้ข้าได้หรือไม่"

ซูเล่อหยุนสบตาลู่เสวี่ยหย่าพร้อมกับยิ้มพลางกระพริบตา

"ครั้งก่อนเกือบทำให้เจ้าต้องอับอาย แต่เจ้าก็ไม่ถือโทษโกรธข้า ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้ออกไปแน่นอน"

ลู่เสวี่ยหย่าไม่เข้าใจว่าทำไมซูเล่อหยุนถึงดีกับนางขนาดนี้ แต่ในความรู้สึกนาง รู้สึกได้ถึงมิตรภาพของพี่น้องจึงอยากรักษาไว้ให้ดี ต่อให้ซูเล่อหยุนไม่ขอร้อง นางก็จะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป

"ข้าเรียนมาจากหมอพเนจรท่านหนึ่งที่จิงโจว แต่ข้าก็เรียนมาเพียงผิวเผินเท่านั้น"

เรื่องที่กลับชาติมาเกิดนั้น ไม่มีทางที่ใครจะรับรู้ได้และอาจทำให้ใครต่อใครหวาดกลัว ดังนั้นสำหรับซูเล่อหยุน เรื่องนี้ต้องถูกเก็บเป็นความลับลึกสุดใจ

ลู่เสวี่ยหย่ารู้สึกว่าซูเล่อหยุนอาจจะยังมีอะไรที่ไม่ได้บอก แต่ก็ตีความไม่ออก จึงไม่กล่าวอะไรต่อ

ทั้งสองเดินไปจนถึงร้านเครื่องประดับเจินเป่ากั๋ว ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ได้ยินเสียงเอะอะดังออกมา

ชุยลิ่วรีบวิ่งไปดูสถานการณ์ แล้วกลับมารายงานว่า

“คุณหนู ดูเหมือนว่าที่ร้านเจินเป่ากั๋วจะมีการแข่งขัน เขาตั้งเวทีประลองไว้ด้วย”

แม้จะมีการประลอง แต่ก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากซูเล่อหยุนและลู่เสวี่ยหย่า พวกนางจึงเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้าน

ภายในร้านมีลูกค้าอยู่เพียงไม่กี่คน แม้แต่คนที่คอยต้อนรับแขกก็เหลือเพียงคนเดียว

"คุณหนูทั้งหลาย จะดูอะไรหรือ"

พนักงานร้านท่าทางค่อนข้างสบายๆ เข้ามาทักทาย

"เราต้องการดูเครื่องประดับค่ะ"

หลู่เสวี่ยหย่าตอบกลับ

พนักงานพยักหน้าและชี้ไปที่มุมหนึ่งของร้าน "พวกท่านสามารถดูได้ตรงนั้นเลยขอรับ"

เมื่อพวกนางเดินไปยังมุมที่พนักงานชี้ เห็นผนังที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับทั้งทอง เงิน และอัญมณีต่างๆ วางเรียงรายอยู่ในตู้กระจก

"พวกท่านเลือกชมก่อนนะขอรับ"

หลังจากพนักงานกล่าวจบ ก็หันไปต้อนรับลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในร้าน

หลู่เสวี่ยหย่าเลือกดูเครื่องประดับอยู่พักใหญ่ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกอะไรดี

"ทำไมเราไม่ขึ้นไปดูชั้นสองล่ะ บางทีอาจมีของที่เจ้าชอบก็ได้" ซูเล่อหยุนเสนอแนะ

"ร้านนี้ยังมีชั้นสองด้วยหรือ"

หลู่เสวี่ยหย่าเคยมาร้านนี้หลายครั้ง แต่ไม่เคยรู้ว่ามีชั้นสอง เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ซูเล่อหยุนดึงมือหลู่เสวี่ยหย่าขึ้นบันได เมื่อทั้งสองขึ้นไปถึงชั้นสอง หลู่เสวี่ยหย่ามองไปที่เครื่องประดับต่างๆ แต่แสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย

"หยุนเอ๋อร์ ข้าเกรงว่าข้าพกเงินมาไม่พอ" หลู่เสวี่ยหย่ากล่าวด้วยความกังวล

"เราขึ้นมาแล้ว ลองดูเถอะ" ซูเล่อหยุนพูดเพื่อให้หลู่เสวี่ยหย่าผ่อนคลาย

เมื่อหลู่เสวี่ยหย่าเริ่มสนใจเครื่องประดับในชั้นสอง ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะจากบริเวณใกล้หน้าต่างดังขึ้น

เสียงค่อนข้างดังจนได้ยินชัดเจน แม้พวกนางจะอยู่ภายในร้าน

"คุณชายข้าชนะแล้ว พวกเจ้าจะให้ของหรือไม่!" เสียงแหลมคล้ายเสียงเป็ดของผู้ชายดังขึ้น

ซูเล่อหยุนเดินไปใกล้หน้าต่างแล้วมองลงไป เห็นกลุ่มคนในเครื่องแบบคล้ายทหารกำลังล้อมเจ้าของเวทีประลองไว้

"คุณชาย... คุณชายสกุลสวี่ ข้าคิดว่าเราไม่ควรนับเช่นนี้" เจ้าของเวทีกล่าวด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย

"ข้าว่าต้องนับเช่นนี้! พูดมากไปทำไม!" ชายหนุ่มเสียงแหลม ผิวมันเยิ้ม ใบหน้ากลมเตี้ยสวมเสื้อขนสัตว์หรูหรากำลังทำหน้าเหี้ยมเกรียม

ซูเล่อหยุนสังเกตเห็นบนเวทียังมีหญิงสาวสองคนยืนอยู่ พวกนางดูไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด