Chapter 47: เรื่องบังเอิญ
ฉินหรานกินมื้อเย็นในห้องทำงานของสารวัตรจอห์น ฮอทดอกสองชิ้น โดนัทชิ้นหนึ่ง และไก่ทอดอีกสามชิ้น กับน้ำส้มคั้นสดอีกหนึ่งเหยือก แม้ว่าเขาจะสามารถใช้มือได้ข้างเดียวเพราะอีกข้างถูกสวมกุญแจมือไว้กับเก้าอี้ แต่เขาก็ยังคงสามารถเขมือบอาหารทั้งหมดนั้นลงไปได้อย่างง่ายดาย
เมื่อคิดว่าเขาได้กินแต่อาหารขยะมาตลอดสามปี อาหารตรงหน้าเขานี่ก็ราวกับอาหารเหลา
"มันรสชาติเหมือนอาหารจริงเลย!" ตอนที่เขาดื่นน้ำส้มหมดหยดสุดท้าย เขาก็ดื่มด่ำกับรสหวานอมเปรี้ยวในปาก และหรี่ตาลง
น่าเสียดายที่อาหารพวกนี้ไม่สามารถฟื้นฟู [พลังชีวิต] และ [กำลังกาย] ให้เขาได้ อาหารมื้อนี้เพียงแค่ลบค่า [ความหิว] ออกไปเท่านั้นเอง เขานึกถึงอาหารกระป๋องและน้ำในดันเจี้ยนมือใหม่ขึ้นมา
"นั่นก็เป็นข้อได้เปรียบของมือใหม่งั้นเหรอ?"
คำตอบก็ชัดเจน เขาเสียดายที่ไม่สามารถเอาอาหารกระป๋องและน้ำจากดันเจี้ยนนั้นออกมาได้แม้ว่าจะเอาเครื่องยิงจรวดทั้งสองกระบอกมาได้ก็ตาม
อย่าประเมินความโลภของมนุษย์ต่ำไป
พอฉินหรานวางเหยือกเปล่ากลับลงไปบนโต๊ะ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาพอดี จอห์นเดินเข้ามา คาบบุหรี่ไว้ในปากและโยนลูกกุญแจมาให้ฉินหราน
ชัดเจน ฉินหรานได้รับการปล่อยตัวแล้ว
หลังจากเอากุญแจมือออกไป ฉินหรานก็นวดข้อมือข้างซ้ายแล้วถาม "ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? อย่าบอกฉันนะว่ามันถูกเพื่อนเก่าบางคนของฉันจ้างมา?"
"ไม่ ไม่ใช่ จำเรื่องเมื่อตอนเช้าได้ไหม ที่นายจับฆาตกรกับแก๊งนักล้วงกระเป๋าได้?" จอห์นถาม
"อย่าบอกนะว่าหัวขโมยทุกวันนี้กล้าฆ่าคนแล้ว?" ฉินหรานพูดอย่างประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักสืบจริง ๆ แต่เขาก็รู้ว่าโจรและนักล้วงกระเป๋าดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่สีเทาและไม่เคยฆ่าใคร
"พวกมันไม่ แต่เจ้านายเบื้องหลังของพวกมันกล้า จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดถึงชื่อจิมมี่?" จอห์นพ่นควันออกจากปาก
"จำได้ ไม่ใช่ว่าเขาหายตัวไปหรอกเหรอ? พื้นที่แถบนี้ของนายวุ่นวายก็เพราะการหายตัวไปของเขานี่ ใช่ไหม?"
จอห์นพยักหน้ารับ "ฉันไม่เคยอยากเจอหน้าไอ้จิมมี่มากขนาดนี้เลย! เพราะมันหายตัวไปแล้วทิ้งตำแหน่งหัวหน้าไว้ให้ลูกน้องแย่งกัน! คนที่อยากเลื่อนตำแหน่งหรืออยู่สบายขึ้นก็รีบมาเคลมตัวเอง!" จอห์นจุดบุหรี่อีกมวนแม้ว่าจะเพิ่งจุดมวนก่อนไปเมื่อสองนาทีที่แล้ว
"ฉันก็เลยกลายเป็นเป้าหมายสาธิต?" ฉินหรานเข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่จอห์นอธิบาย เขาก็มองเห็นภาพโดยรวม เมื่อช่วงบ่ายที่สถานีรถไฟ หัวหน้าแก๊งล้วงกระเป๋าคิดจะเข้าครอบครองพื้นที่นั้นและฉินหรานบังเอิญไปล่วงเกินมันเข้า กลายเป็นว่าหัวหน้าแก๊งเลยอยากจะสร้างชื่อให้ตัวเองเพิ่ม แล้วจะมีอะไรดีไปกว่าการกำจัดคนที่เพิ่งล่วงเกินมันและเพิ่มชื่อเสียงฉาวโฉ่ให้ตัวเองได้ในเวลาเดียวกัน? ลูกน้องที่กระหายการต่อสู้ก็กำลังต้องการแก้แค้นอยู่พอดี
"ใจเย็นน่า ฉันส่งคนไปจับกุมมันแล้ว ฉันจะทำให้แน่ใจว่ามันต้องใช้ชีวิตที่เหลือของมันในตะราง!" บนใบหน้ากระด้างของจอห์นมีรอยยิ้มโกรธเกรี้ยวที่เห็นแล้วชวนให้รู้สึกไม่สบายใจ
จอห์นรับรู้สถานการณ์ผ่านพวกตำรวจลาดตระเวน ด้วยสถานะสารวัตรตำรวจ เขารู้ดีเลยว่าคนตายนั่นไม่ได้แค่เดินเล่นไปมา มันต้องการเอาชีวิตฉินหราน ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถของฉินหรานเหนือกว่า พวกเขาสองคนคงได้ไปเจอกันที่ห้องเก็บศพแทนแล้ว
จอห์นยังคงให้ค่าความเป็นเพื่อนกับฉินหราน โดยเฉพาะเมื่อฉินหรานช่วยเขาไขคดีฆาตกรรมเมื่อตอนบ่ายนี้ ตอนนี้เขาคิดว่าฉินหรานเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา
"แล้ว นายได้อะไรไหมเรื่องอัลทิลลี่ ฮันเตอร์?"
หลังจากจอห์นยืนยันแล้วว่าหัวหน้าแก๊งจะถูกจับกุม ฉินหรานก็ไม่ได้กดดันต่อ ตรงกันข้าม เขาถามเกี่ยวกับคดีคนหาย ฉินหรานรู้ว่าสารวัตรตำรวจปล่อยตัวเขาโดยตัดสินว่าเป็นการป้องกันตัว แต่ก็ไม่ได้อนุญาตให้เขาเที่ยวฆ่าใครตามใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาวุ่นวายแบบนี้ ถ้าฉินหรานจะไปจัดการกับหัวหน้าแก๊งด้วยตัวเองก็จะถูกผลักออกไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจอห์น ตราบใดที่เขายังไม่ได้ข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับอัลทิลลี่ ฮันเตอร์ ฉินหรานไม่สามารถสูญเสียเพื่อนที่แข็งแกร่งอย่างนี้ไปได้ ไม่อย่างนั้นคงต้องงมหาเข็มในกองฟางด้วยตัวเองแล้ว
"ฉันใช้คนทั้งหมดที่สามารถใช้ได้กับคดีนี้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำรองของฉันด้วย"" จอห์นพูด
คำตอบของจอห์นทำให้ฉินหรานเข้าใจได้ทันทีว่า การทำภารกิจย่อย [ศพหญิงสาวในสถานีตำรวจ] สำเร็จนั้นเป็นบทบาทสำคัญ ฉินหรานไม่ได้คิดจะเร่งการการค้นหา
"ฉันได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับคดีมาเมื่อตอนบ่าย มีผู้ชายอยู่กับเด็กสาวคนนั้น! โชคดีที่ว่า ผู้ชายคนนั้นมีตำหนิเด่นชัดบนใบหน้า เขามีแผลเป็นพาดตั้งแต่กลางหว่างคิ้วลงมาถึงมุมปากด้านซ้าย เขามีแขนที่ดูมีกล้ามเนื้อแข็งแรงและเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บที่หลัง" ฉินหรานอธิบายลักษณะของคนผู้นั้นตามที่ได้ข้อมูลมาจากกุนเธอร์สัน
จอห์นดูเหมือนจะตกใจกับคำพูดเขา
"มีอะไรเหรอ?" ฉินหรานถาม
"นายกำลังมองหาคนคนนี้ใช่ไหม?" จอห์นหยิบรูปใบหนึ่งออกมาจากกองเอกสารบนโต๊ะ
แม้ว่าฉินหรานจะไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่แผลเป็นตั้งแต่คิ้วถึงปากนั้นเห็นได้ชัดเจนมาก เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นคนที่เขากำลังตามหา ฉินหรานไม่ได้พูดที่คิดออกมาดัง ๆ แต่เขาแค่ถามว่าคนในรูปนี้เป็นใคร
"นี่ใคร?"
"จิมมี่ มือทมิฬ หัวหน้าแก๊งแถบนี้!" จอห์นตอบ
ฉินหรานตกตะลึงไปกับคำตอบ หลังจากนั้นครู่ใหญ่เขาก็นวดขมบับและถอนหายใจด้วยความกังวล
"แล้วทำไมเด็กหญิงที่ฉันตามหาถึงไปเกี่ยวข้องกับมือทมิฬ จิมมี่ ได้? นั่นหมายความว่าผู้ชายที่อัลทิลลี่ช่วยไว้คือเขา! ตอนที่อัลทิลลี่หายตัวไปในคืนฝนตก ก็เป็นเพราะว่าเธอเป็นห่วงผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บคนนี้และที่ที่เขาซ่อนตัวอยู่ เขาน่าจะไม่มีที่หลบฝน น่าจะเป็นสถานที่ที่ไม่มีหลังคาี! ถ้าคุณฮันเตอร์รู้เรื่องนี้ เขาคงจะคลั่งไปเลย!" ฉินหรานคิดขณะมองที่รูปในมือ
ผู้ชายคนนี้ จิมมี่ มือทมิฬ เป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่งแม้จะมีแผลเป็น เขายังดูหนุ่มอยู่ด้วย สถานะของเขาคงจะทำให้อัลทิลลี่ตื่นเต้น เด็กสาวแบบนี้มักจะถูกดึงดูดจากผู้ชายแบบเขา ส่วนที่แย่ที่สุดก็คืออัลทิลลี่ไม่ใช่เด็กสาวอ่อนแอ เธอได้รับการฝึกจากกุนเธอร์สัน และแข็งแกร่งมากกว่าผู้หญิงทั่วไปมาก
ความแข็งแกร่งแบบนั้นย่อมทำให้เธอโหยหาการผจญภัยมากขึ้น เธอไม่ต้องการถูกมัดเอาไว้แค่ในคฤหาสน์ของพ่อของเธอ ต่อให้เป็นการทำเพื่อตัวเธอเองก็ตาม ความแข็งแกร่งของเธอสุดท้ายแล้วก็จะพาเธอไปสู่จุดจบ ความจริงนั้นโหดร้ายกว่าที่เธอคิดมากนัก
[ภารกิจหลัก: ตามหาอัลทิลลี่ ฮันเตอร์ ให้เจอ ไม่ว่าเป็นหรือตาย ภายในหนึ่งเดือน]
เมื่อดูที่ภารกิจหลัก คำว่า "ตาย" ทำให้ฉินหรานถอนหายใจยาว ภารกิจระบุชัดเจนว่าอัลทิลลี่ ฮันเตอร์ อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว
"ฉันไม่สนใจว่าฮันเตอร์จะรู้สึกอย่างไร ฉันรู้แค่ว่า ถ้าฉันหา จิมมี่ มือทมิฬ เจอ ความวุ่นวายนี้จะจบลง! จากนั้นฉันก็จะมีเวลาจัดการกับพวกมันทีละคนด้วยตัวฉันเอง!" จอห์นพูด
"งั้นฉันก็หวังว่าในเมืองนี้จะมีที่ให้หลบฝนได้ไม่มากนัก!" ฉินหรานพูดพร้อมหัวเราะ
"ไม่ว่าจะมีเยอะแค่ไหนฉันก็จะหาเขาให้พบ!" จอห์นสรุป ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานไป
ฉินหรานส่ายหน้า
นี่เกือบวันแล้วที่อัลทิลลี่ ฮันเตอร์ และ จิมมี่ มือทมิฬ หายตัวไป โอกาสที่จะเจอทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็ลดลง จอห์นเข้าใจแต่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้แม้เบาะแสจะเล็กน้อยแค่ไหน ฉินหรานจึงไม่พยายามห้าม เขายืดหลังแล้วลุกยืนขึ้น หยิบกล่องที่ใส่ [Viper-M1] ไว้ขึ้นมาและเตรียมกลับบ้าน เขาไม่ได้วางแผนใช้เวลาทั้งคืนบนโต๊ะที่สถานีตำรวจ
ตอนฉินหรานเดินออกจากห้องทำงานเขาก็พบเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเร็ว ๆ เข้ามา
"อ้าว คาร์ล!" ฉินหรานโบกมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่ม
"คุณนักสืบฉินหราน! หัวหน้าอยู่ที่ไหมครับ?" คาร์ลถามหลังจากทักทายเขา
"เขาเพิ่งออกไป เกิดอะไรขึ้น?" ฉินหรานถามอย่างสงสัย
แม้ว่าคาร์ลจะยังอายุน้อย แต่หลังจากได้พูดคุยกับเขานั้น ๆ เมื่อตอนบ่าย ฉินหรานก็คิดว่าตำรวจหนุ่มคนนี้คงไม่ดูร้อนรนโดยไม่มีสาเหตุ น่าจะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้น
"คนของเรากำลังสู้กับคนของชูเบิร์ก พวกมันมีอาวุธหนัก เราต้องการกำลังเสริม!" คาร์ลสรุปสถานการณ์
"ชูเบิร์ก?"
เป็นครั้งแรกที่ฉินหรานได้ยินชื่อนี้
"คือนักฆ่าที่พยายามฆ่าคุณที่กลางถนนไงครับ!" คาร์ลอธิบาย
"งั้นเหรอ?" ฉินหรานหรี่ตาลงอย่างประหลาดใจ