บทที่ 42 : จี๋หงอิ๋ง, ผู้อาวุโสสูงสุดในนิกายไท่ไป๋ซาน!
บทที่ 42 : จี๋หงอิ๋ง, ผู้อาวุโสสูงสุดในนิกายไท่ไป๋ซาน!
ณ นิกายไท่ไป๋ซาน ยอดเขาเทียนอิ๋ง
ยอดเขานี้ถูกล้อมรอบด้วยแสงสว่างนับร้อยเเละถูกปกคลุมด้วยเขตหวงห้าม
แต่ภายในถ้ำขนาดใหญ่ด้านในยอดเขาเทียนอิ๋ง, สถานการณ์ในนี้กลับตรงกันข้ามกับสถานการณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง
กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นโอสถระดับสูง ได้คละคลุ้งไปทั่วทั้งถ้ำ
ตรงกลางถ้ำมีสระเลือดขนาดใหญ่
เลือดภายในนั้นเดือดพล่านจนส่งกลิ่นอายฉุนขึ้นจมูก
รอบๆสระเลือดมีกรงขังที่ทำจากวัสดุพิเศษ, เเละภายในกรงเหล่านี้มีหญิงสาวถูกคุมขังอยู่
เพียงแต่หญิงสาวเหล่านี้ล้วนหมดสติ ไม่รู้สึกตัวใดๆ
กลางอากาศเหนือสระเลือด มีหญิงชราผมสีเงินใบหน้าเหี่ยวย่นนั่งขัดสมาธิอยู่
หญิงชราผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสสูงสุดหงอิ๋งที่เซินโม่เคยกล่าวถึง
ชื่อเต็มของนางคือจี๋หงอิ๋ง เป็นบุคคลผู้ทรงพลังที่บรรลุถึงอาณาจักรนิพพาน ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดในนิกายไท่ไป๋ซาน มีสถานะสูงส่งจนแม้แต่เจ้าสำนักคนปัจจุบันยังต้องเรียกนางว่า "ท่านป้า"
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่จี๋หงอิ๋งก็ไม่อาจต้านทานการกัดกร่อนของกาลเวลาได้
ปัจจุบันอายุขัยของจี๋หงอิ๋งเหลือน้อยเต็มที
เเละเพื่อที่จะยืดอายุขัย นางจึงต้องใช้วิชาต้องห้ามเป็นครั้งคราวเพื่อรวบรวมแก่นแท้โลหิตและเลือดของหญิงสาวผู้ฝึกตนเเล้วนำมากลั่นยาเพื่อเติมเต็มพลังงานและโลหิตของตนเอง
จี๋หงอิ๋งลืมตาขึ้น พลางสะบัดนิ้วมือตามมาด้วยเสียงดังป๊อก
ร่างของหญิงสาวในกรงคนหนึ่งถูกเจาะทะลุ เลือดไหลออกมาจากบาดแผลราวกับสายน้ำ จากนั้นก็ร่วงหล่นลงสู่สระเลือดตรงกลาง
เมื่อเลือดสดๆ ถูกเทลงในสระเลือด ความเข้มข้นของเลือดภายในนั้นก็เพิ่มขึ้นอีกสองสามส่วน
แต่ในสายตาของจี๋หงอิ๋ง นั้นมันยังไม่เพียงพอ
ทันใดนั้น นางก็ลงมือต่อไป
ร่างกายของหญิงสาวกว่าสิบคนถูกนางเจาะทะลุ เลือดไหลจากร่างกายของพวกนางลงสู่สระเลือด
ไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ร่างกายของหญิงสาวเหล่านี้ก็กลายเป็นมัมมี่ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในเวลาเดียวกัน เลือดในสระเลือดก็เดือดพล่านอย่างสมบูรณ์ หมอกสีแดงเข้มลอยขึ้นจากสระเลือด เเละยังมีกลิ่นหอมของยาพิเศษอีกด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของจี๋หงอิ๋งก็สว่างขึ้น ทันใดนั้นนางก็เริ่มใช้วิชาลับและเริ่มฝึกฝน
หมอกสีแดงเข้มจำนวนมากมารวมตัวกันจากทุกทิศทุกทาง จากนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในร่างกายของนาง
ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ใบหน้าที่เหี่ยวย่นเเต่เดิมค่อยๆกลายเป็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคน และในที่สุดก็กลายเป็นหญิงสาวอายุราวๆ ยี่สิบถึงสามสิบปีที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์
เเละหลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง จี๋หงอิ๋ง ผู้ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างสมบูรณ์แบบก็ลืมตาขึ้น แต่คิ้วของนางกลับขมวดเล็กน้อย
"ผลของวิชาถ่ายเทวิญญาณโลหิตนี้แย่ลงเรื่อยๆ…ข้าต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานขนาดนี้ ถึงจะได้ผลเท่านี้!"
จี๋หงอิ๋งพึมพำ หากแต่ดวงตายังคงเป็นประกาย
"หวังว่าเซินโม่จะสามารถพาคนที่มีกายาเสียงสวรรค์กลับมานิกายได้ในครั้งนี้ เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะสามารถลองท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนโชคชะตาด้วยวิธีอื่นได้!"
ในขณะที่นางกำลังคิดถึงสิ่งนี้อยู่, ยันต์หยกส่งเสียงก็ดังขึ้น
จี๋หงอิ๋งเห็นว่านี่เป็นข่าวจากเซินโม่ นางจึงรีบหยิบยันต์หยกส่งเสียงขึ้นมาตรวจสอบ
ครู่หนึ่ง สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
"พวกมันไม่ได้พาอัจฉริยะพิณเต๋าคนนั้นกลับมาหรือ?"
จี๋หงอิ๋งอ่านข่าวจบ เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ร่างของนางก็หายไป
…..
ในเวลาเดียวกัน
ณ นิกายไท่ไป๋ซาน นอกยอดเขาเทียนอิ๋ง
เซินโม่ยืนอยู่ที่นี่ด้วยความเคารพ เพื่อรอให้จี๋หงอิ๋งเรียกตัวเขา
ครู่หนึ่ง ทางเข้านอกเขตหวงห้ามของยอดเขาเทียนอิ๋งก็ค่อยๆเปิดออก
เมื่อเห็นเช่นนี้ เซินโม่ก็ก้าวเข้าไปทันที
หลังจากผ่านไปนาน เซินโม่ก็มาถึงตำหนักของจี๋หงอิ๋งอย่างง่ายดาย
เมื่อเซินโม่มาถึงห้องโถง เขาก็ดูประหม่าเล็กน้อย เเล้วรีบคุกเข่าคำนับทันที
"คารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุดหงอิ๋ง!"
"ข้าไม่สามารถพาอัจฉริยะพิณเต๋าคนนั้นกลับมานิกายตามคำสั่งของท่านได้, ขอให้ท่านผู้อาวุโสสูงสุดลงโทษข้าด้วย!"
ขณะที่เขาพูด เขาก็รีบมอบของสี่อย่างที่เขาหยิบออกมาที่คฤหาสน์ราชาลู่ด้วยมือทั้งสองข้าง
ของทั้งสี่อย่างนี้ จี๋หงอิ๋งมอบให้เขาก่อนที่เขาจะไปที่คฤหาสน์ราชาลู่
ตอนนี้ภารกิจไม่สำเร็จ เขาจึงรีบส่งคืนโดยเร็วที่สุด
เกี่ยวกับผู้อาวุโสสูงสุดหญิงผู้นี้ เขารู้ว่าอารมณ์ของนางย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องขอโทษก่อน
เมื่อเห็นทักษะการฝึกฝนสองเล่มและสมบัติล้ำค่าสองชิ้นที่เซินโม่หยิบออกมา จี๋หงอิ๋งก็ไม่ได้รับมันกลับมาในทันที…แต่ถามอย่างตรงไปตรงมาเเทน
"บอกข้ามาสิ ทำไมเจ้าถึงไม่ได้พาอัจฉริยะพิณเต๋าคนนั้นกลับมานิกาย?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซินโม่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางไปยังคฤหาสน์ราชาลู่
"โอ้ อัจฉริยะพิณเต๋าคนนั้นไม่ต้องการเข้านิกายไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!?"
"แม้แต่สมบัติระดับสวรรค์ทั้งสี่ชิ้นนี้, คนของคฤหาสน์ราชาลู่ก็ยังไม่สนใจพวกมัน!"
หลังจากได้ยินรายงานของเซินโม่ จี๋หงอิ๋งก็ประหลาดใจอย่างมาก
รู้หรือไม่ว่าทักษะการฝึกฝนและสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ทั้งสี่ชิ้นที่นางหยิบออกมา หากวางไว้ข้างนอก มันจะต้องทำให้เกิดสงครามการแย่งชิงอย่างแน่นอน…แต่คฤหาสน์ราชาลู่นี้กลับไม่แม้แต่จะชายตามองพวกมัน!
"เจ้าบอกว่าผู้นำตระกูลลู่มีพลังถึงอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณ และเจ้าไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้!?"
เมื่อนางได้ยินว่าเซินโม่พ่ายแพ้ต่อลู่ชิงซวน ดวงตาของจี๋หงอิ๋งก็แสดงความประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จี๋หงอิ๋งก็โบกมือเพื่อเก็บสมบัติทั้งสี่ที่เซินโม่มอบให้ จากนั้นก็พูดว่า
"ในกรณีนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ข้าจะจัดการต่อเอง เจ้าออกไปได้แล้ว!"
เมื่อเซินโม่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็โล่งใจ และรีบออกไป
เมื่อมองดูแผ่นหลังที่หายไปของเซินโม่ จี๋หงอิ๋งก็พึมพำ
"ข้าส่งคนไปที่คฤหาสน์ราชาลู่ของเจ้าเพื่อรับศิษย์ด้วยความใจดี…เเต่คฤหาสน์ราชาลู่กล้าปฏิเสธความปรารถนาดีของข้า, ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษข้าว่ารังแกผู้อ่อนแอกว่าแล้วกัน!"
ตอนนี้นางรู้แล้วว่าอัจฉริยะพิณเต๋าแห่งคฤหาสน์ราชาลู่มีกายาเสียงสวรรค์, ในฐานะผู้ที่มีจิตวิญญาณเสียงสวรรค์ นางจะยอมแพ้ศิษย์ที่ดีที่เหมาะกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร
หากนางยอมรับผู้ที่มีกายาเสียงสวรรค์ผู้นี้เป็นศิษย์ที่แท้จริง เมื่อถึงเวลานั้น นางก็สามารถลองท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนโชคชะตาด้วยวิธีอื่นได้
นางส่งคนไปค้นหามาเนิ่นนาน กว่าจะพบคนที่ตรงกับพรสวรรค์ของนาง…เช่นนี้นางจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้หรือ!
"ข้าจะเก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลาครึ่งปี ทำให้เสถียรภาพของวิชาถ่ายเทวิญญาณโลหิตสมบูรณ์ และปรับสภาพตัวเองให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด, หลังจากนั้นข้าจะไปที่คฤหาสน์ราชาลู่ด้วยตัวเอง!"
ขณะที่พูด ร่างของจี๋หงอิ๋งก็พร่ามัวไปชั่วขณะ และในทันที ร่างของนางก็หายไปในชั่วพริบตา
………………