ตอนที่แล้วบทที่ 41 : ผู้อาวุโส​เซินโม่เกือบ​ตาย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 : การพัฒนา​อย่าง​รวดเร็ว​ของคฤหาสน์ราชาลู่!

บทที่ 42 : จี๋หงอิ๋ง, ผู้อาวุโสสูงสุดในนิกายไท่ไป๋ซาน!


บทที่ 42 : จี๋หงอิ๋ง, ผู้อาวุโสสูงสุดในนิกายไท่ไป๋ซาน!

ณ นิกายไท่ไป๋ซาน ยอดเขาเทียนอิ๋ง

ยอดเขานี้ถูกล้อมรอบด้วยแสงสว่างนับร้อยเเละถูกปกคลุมด้วยเขตหวงห้าม

แต่ภายในถ้ำขนาดใหญ่ด้านในยอดเขาเทียนอิ๋ง, สถานการณ์ในนี้กลับตรงกันข้ามกับสถานการณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง

กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นโอสถระดับสูง ได้คละคลุ้งไปทั่วทั้งถ้ำ

ตรงกลางถ้ำมีสระเลือดขนาดใหญ่

เลือดภายในนั้นเดือดพล่านจนส่งกลิ่นอายฉุนขึ้นจมูก

รอบๆสระเลือดมีกรงขังที่ทำจากวัสดุพิเศษ, เเละภายในกรงเหล่านี้มีหญิงสาวถูกคุมขังอยู่

เพียงแต่หญิงสาวเหล่านี้ล้วนหมดสติ ไม่รู้สึกตัวใดๆ

กลางอากาศเหนือสระเลือด มีหญิงชราผมสีเงินใบหน้าเหี่ยวย่นนั่งขัดสมาธิอยู่

หญิงชราผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสสูงสุดหงอิ๋งที่เซินโม่เคยกล่าวถึง

ชื่อเต็มของนางคือจี๋หงอิ๋ง เป็นบุคคลผู้ทรงพลังที่บรรลุถึงอาณาจักรนิพพาน ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดในนิกายไท่ไป๋ซาน มีสถานะสูงส่งจนแม้แต่เจ้าสำนักคนปัจจุบันยังต้องเรียกนางว่า "ท่านป้า"

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่จี๋หงอิ๋งก็ไม่อาจต้านทานการกัดกร่อนของกาลเวลาได้

ปัจจุบันอายุขัยของจี๋หงอิ๋งเหลือน้อยเต็มที

เเละเพื่อที่จะยืดอายุขัย นางจึงต้องใช้วิชาต้องห้ามเป็นครั้งคราวเพื่อรวบรวมแก่นแท้โลหิตและเลือดของหญิงสาวผู้ฝึกตนเเล้วนำมากลั่นยาเพื่อเติมเต็มพลังงานและโลหิตของตนเอง

จี๋หงอิ๋งลืมตาขึ้น พลางสะบัดนิ้วมือตามมาด้วยเสียงดังป๊อก

ร่างของหญิงสาวในกรงคนหนึ่งถูกเจาะทะลุ เลือดไหลออกมาจากบาดแผลราวกับสายน้ำ จากนั้น​ก็ร่วงหล่นลงสู่สระเลือดตรงกลาง

เมื่อเลือดสดๆ ถูกเทลงในสระเลือด ความเข้มข้นของเลือดภายในนั้นก็เพิ่มขึ้นอีกสองสามส่วน

แต่ในสายตาของจี๋หงอิ๋ง นั้นมันยังไม่เพียงพอ

ทันใดนั้น นางก็ลงมือต่อไป

ร่างกายของหญิงสาวกว่าสิบคนถูกนางเจาะทะลุ เลือดไหลจากร่างกายของพวกนางลงสู่สระเลือด

ไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ร่างกายของหญิงสาวเหล่านี้ก็กลายเป็นมัมมี่ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ในเวลาเดียวกัน เลือดในสระเลือดก็เดือดพล่านอย่างสมบูรณ์ หมอกสีแดงเข้มลอยขึ้นจากสระเลือด เเละยังมีกลิ่นหอมของยาพิเศษอีกด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของจี๋หงอิ๋งก็สว่างขึ้น ทันใดนั้นนางก็เริ่มใช้วิชาลับและเริ่มฝึกฝน

หมอกสีแดงเข้มจำนวนมากมารวมตัวกันจากทุกทิศทุกทาง จากนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในร่างกายของนาง

ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

ใบหน้าที่เหี่ยวย่นเเต่เดิมค่อยๆกลายเป็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคน และในที่สุดก็กลายเป็นหญิงสาวอายุราวๆ ยี่สิบถึงสามสิบปีที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์

เเละหลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง จี๋หงอิ๋ง ผู้ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างสมบูรณ์แบบก็ลืมตาขึ้น แต่คิ้วของนางกลับขมวดเล็กน้อย

"ผลของวิชาถ่ายเทวิญญาณโลหิตนี้แย่ลงเรื่อยๆ…ข้าต้องใช้เวลาเตรียมตัว​นานขนาดนี้ ถึงจะได้ผลเท่านี้!"

จี๋หงอิ๋งพึมพำ หากแต่ดวงตายังคงเป็นประกาย

"หวังว่าเซินโม่จะสามารถพาคนที่มีกายาเสียงสวรรค์กลับมานิกายได้ในครั้งนี้ เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะสามารถลองท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนโชคชะตาด้วยวิธีอื่นได้!"

ในขณะที่นางกำลังคิดถึงสิ่งนี้อยู่, ยันต์หยกส่งเสียงก็ดังขึ้น

จี๋หงอิ๋งเห็นว่านี่เป็นข่าวจากเซินโม่ นางจึงรีบหยิบยันต์หยกส่งเสียงขึ้นมาตรวจสอบ

ครู่หนึ่ง สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

"พวกมันไม่ได้พาอัจฉริยะพิณเต๋าคนนั้นกลับมาหรือ?"

จี๋หงอิ๋งอ่านข่าวจบ เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำ

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ร่างของนางก็หายไป

…..

ในเวลาเดียวกัน

ณ นิกายไท่ไป๋ซาน นอกยอดเขาเทียนอิ๋ง

เซินโม่ยืนอยู่ที่นี่ด้วยความเคารพ เพื่อรอให้จี๋หงอิ๋งเรียกตัวเขา

ครู่หนึ่ง ทางเข้านอกเขตหวงห้ามของยอดเขาเทียนอิ๋งก็ค่อยๆเปิดออก

เมื่อเห็นเช่นนี้ เซินโม่ก็ก้าวเข้าไปทันที

หลังจากผ่านไปนาน เซินโม่ก็มาถึงตำหนักของจี๋หงอิ๋งอย่างง่ายดาย

เมื่อเซินโม่มาถึงห้องโถง เขาก็ดูประหม่าเล็กน้อย เเล้วรีบคุกเข่าคำนับทันที

"คารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุดหงอิ๋ง!"

"ข้าไม่สามารถ​พาอัจฉริยะพิณเต๋าคนนั้นกลับมานิกายตามคำสั่ง​ของท่านได้, ขอให้ท่านผู้อาวุโสสูงสุดลงโทษข้าด้วย!"

ขณะที่เขาพูด เขาก็รีบมอบของสี่อย่างที่เขาหยิบออกมาที่คฤหาสน์ราชาลู่ด้วยมือทั้งสองข้าง

ของทั้งสี่อย่างนี้ จี๋หงอิ๋งมอบให้เขาก่อนที่เขาจะไปที่คฤหาสน์ราชาลู่

ตอนนี้ภารกิจไม่สำเร็จ เขาจึงรีบส่งคืนโดยเร็วที่สุด

เกี่ยวกับผู้อาวุโสสูงสุดหญิงผู้นี้ เขารู้ว่าอารมณ์ของนางย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องขอโทษก่อน

เมื่อเห็นทักษะการฝึกฝนสองเล่มและสมบัติล้ำค่าสองชิ้นที่เซินโม่หยิบออกมา จี๋หงอิ๋งก็ไม่ได้รับมันกลับมาในทันที…แต่ถามอย่างตรงไปตรงมาเเทน

"บอกข้ามาสิ ทำไมเจ้าถึงไม่ได้พาอัจฉริยะพิณเต๋าคนนั้นกลับมานิกาย?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซินโม่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางไปยังคฤหาสน์ราชาลู่

"โอ้ อัจฉริยะพิณเต๋าคนนั้นไม่ต้องการเข้านิกายไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!?"

"แม้แต่สมบัติระดับสวรรค์ทั้งสี่ชิ้นนี้, คนของคฤหาสน์ราชาลู่ก็ยังไม่สนใจพวกมัน!"

หลังจากได้ยินรายงานของเซินโม่ จี๋หงอิ๋งก็ประหลาดใจอย่างมาก

รู้หรือไม่ว่าทักษะการฝึกฝนและสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ทั้งสี่ชิ้นที่นางหยิบออกมา หากวางไว้ข้างนอก มันจะต้องทำให้เกิดสงคราม​การแย่งชิงอย่างแน่นอน…แต่คฤหาสน์ราชาลู่นี้กลับไม่แม้แต่จะชายตามองพวกมัน!

"เจ้าบอกว่าผู้​นำตระกูล​ลู่มีพลังถึงอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณ และเจ้าไม่สามารถ​เผชิญหน้า​กับเขาได้!?"

เมื่อนางได้ยินว่าเซินโม่พ่ายแพ้ต่อลู่ชิงซวน ดวงตาของจี๋หงอิ๋งก็แสดงความประหลาดใจเล็กน้อย

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จี๋หงอิ๋งก็โบกมือเพื่อเก็บสมบัติทั้งสี่ที่เซินโม่มอบให้ จากนั้นก็พูดว่า

"ในกรณีนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ข้าจะจัดการต่อเอง เจ้าออกไปได้แล้ว!"

เมื่อเซินโม่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็โล่งใจ และรีบออกไป

เมื่อมองดูแผ่นหลังที่หายไปของเซินโม่ จี๋หงอิ๋งก็พึมพำ

"ข้าส่งคนไปที่คฤหาสน์ราชาลู่ของเจ้าเพื่อรับศิษย์ด้วยความใจดี…เเต่คฤหาสน์ราชาลู่กล้าปฏิเสธความปรารถนาดีของข้า, ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษข้าว่ารังแกผู้อ่อนแอกว่าแล้วกัน!"

ตอนนี้นางรู้แล้วว่าอัจฉริยะพิณเต๋าแห่งคฤหาสน์ราชาลู่มีกายาเสียงสวรรค์, ในฐานะผู้ที่มีจิตวิญญาณ​เสียงสวรรค์ นางจะยอมแพ้ศิษย์ที่ดีที่เหมาะกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร

หากนางยอมรับผู้ที่มีกายาเสียงสวรรค์​ผู้นี้เป็นศิษย์ที่แท้จริง เมื่อถึงเวลานั้น นางก็สามารถลองท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนโชคชะตาด้วยวิธีอื่นได้

นางส่งคนไปค้นหามาเนิ่นนาน กว่าจะพบคนที่ตรงกับพรสวรรค์ของนาง…เช่นนี้นางจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้หรือ!

"ข้าจะเก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลาครึ่งปี ทำให้เสถียรภาพของวิชาถ่ายเทวิญญาณโลหิตสมบูรณ์ และปรับสภาพตัวเองให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด, หลังจากนั้นข้าจะไปที่คฤหาสน์ราชาลู่ด้วยตัวเอง!"

ขณะที่พูด ร่างของจี๋หงอิ๋งก็พร่ามัวไปชั่วขณะ และในทันที ร่างของนางก็หายไปในชั่วพริบตา

………………

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด