บทที่ 135 คำสั่งและการจับคู่
หลิวฉินยกถ้วยชา แต่ไม่ได้ดื่มแม้แต่คำเดียว
ซูเล่อหยุนไม่รบกวนความคิดของนาง ขณะที่นางจิบชาไปและบันทึกสิ่งต่างๆลงบนกระดาษ
นางร่างภาพ "นกนานาชนิดกำลังเคารพนกฟีนิกซ์" ลงบนกระดาษ รอให้วัสดุพร้อมพรุ่งนี้จะได้เริ่มปักจริง
"เจ้าไม่สงสัยหรือว่าข้าหายไปทำอะไรมาในช่วงสองสามวันนี้"
หลิวฉินมองซูเล่อหยุนที่กำลังวาดภาพ ก่อนจะพูดขึ้น
"ข้าสงสัยอยู่ แต่ข้ากับเจ้ายังไม่สนิทกันมากนัก หากถามออกไปโดยไม่ระวัง ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าหงุดหงิด"
ซูเล่อหยุนยิ้มให้หลิวฉิน
บางทีเรื่องนี้อาจจะอยู่ในใจหลิวฉินมานาน เมื่อเห็นรอยยิ้มของซูเล่อหยุน นางก็เริ่มมีความปรารถนาที่จะพูดออกมา
หลิวฉินสูดหายใจลึกก่อนจะเริ่มพูด "หลังจากงานวันเฉลิมฉลองวันเกิดของไทเฮา ข้าก็จะต้องแต่งงานแล้ว"
"ข้าควรจะแสดงความยินดีหรือไม่"
ซูเล่อหยุนสังเกตสีหน้าของหลิวฉิน ในขณะที่พูด นางไม่เห็นแม้แต่เศษเสี้ยวของความยินดีในตัวหลิวฉิน
หลิวฉินยิ้มอย่างสิ้นหวัง "คำสั่งของพ่อแม่และการจับคู่จากแม่สื่อ ข้าไม่อยากจะแต่งงานเท่าไหร่ แต่ข้าจะทำอะไรได้อีก ตอนนี้ข้าอายุ 20 ปีแล้ว หากไม่แต่งงานเร็วๆนี้ คงไม่มีใครมาสู่ขออีกแล้ว"
สำหรับผู้หญิงในสังคมสมัยนี้ การไม่ได้แต่งงานเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่สำหรับซูเล่อหยุนที่เคยผ่านประสบการณ์การแต่งงานที่เจ็บปวด การไม่แต่งงานกลับดูเป็นเรื่องที่ดี
นางคิดว่าแทนที่จะอยู่กับคนที่ไม่รักตัวเอง การอยู่คนเดียวอาจจะดีกว่า
แต่ซูเล่อหยุนรู้ดีว่าแนวคิดนี้เกิดจากความเจ็บปวดที่นางเคยประสบมา ส่วนหลิวฉินที่ยังมีพ่อแม่อยู่ จึงไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งได้
"แล้วคนที่เจ้าจะแต่งงานด้วยคือใคร"
ในความทรงจำของนาง หลิวฉินหายไปจากสังคมหลังจากแต่งงาน ส่วนนางเองก็ไม่รู้เลยว่าหลิวฉินแต่งงานกับใคร
"เจ้าอาจจะไม่รู้จัก เป็นบุตรชายตระกูลสวี" หลิวฉินยกถ้วยชาขึ้นจิบแล้วตอบเบา ๆ
ตระกูลสวีหรือ
ซูเล่อหยุนคิดถึงตระกูลในเมืองหลวงที่มีนามสกุลสวี แม้ว่าตระกูลสวีในเมืองหลวงจะมีมากมาย แต่ตระกูลที่มีฐานะเหมาะสมกับการแต่งงานของหลิวฉินก็คงไม่ใช่ตระกูลเจ้าขุนนางที่ใหญ่โตอะไร
แม้ว่าหลิวฉินจะมีชื่อเสียงเรื่องฝีมือการปัก แต่นางไม่ได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์ บิดาของนางเป็นเพียงนักศึกษาสอบจอหงวน และมารดาของนางเป็นลูกสาวของพ่อค้า ตระกูลของนางจึงตั้งรกรากในเมืองหลวงได้
"ตระกูลสวีที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองหรือ"
ซูเล่อหยุนคิดอยู่นานจึงนึกออกว่าตระกูลสวีนี้เป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษา เหมาะสมกับหลิวฉิน
แต่หลิวฉินส่ายหน้า "ไม่ใช่ ข้าหมายถึงตระกูลสวีที่มีความเกี่ยวข้องกับคนในวังหลวง"
"ท่านคงไม่ได้พูดถึงสวีจื้ออันใช่หรือไม่เจ้าคะ" เหลียนซินร้องออกมาด้วยความตกใจ
"เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้หรือ"
"คุณหนู เรื่องของสวีจื้ออัน..."
เหลียนซินมองไปที่หลิวฉิน ดูเหมือนว่านางไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าหลิวฉินดีหรือไม่ แล้วจึงปิดปากเงียบ
หลิวฉินยิ้มเล็กน้อย "พูดเถอะ ข้าไม่ถือสา"
เมื่อเห็นหลิวฉินอนุญาต เหลียนซินจึงกล้าพูดต่อ "คุณหนู ข้าได้ยินคนใช้ในจวนพูดกันบ้างว่าสวีจื้ออันมีพ่อบุญธรรมเป็นขันทีใหญ่ในวัง แม้ว่าพ่อแท้ๆของเขาจะมีตำแหน่งขุนนางไม่สูงนัก แต่ด้วยอิทธิพลของพ่อบุญธรรม สวีจื้ออันก็มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีในเมืองหลวง"
ซูเล่อหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่คุ้นชื่อสวีจื้ออันนัก อาจจะเคยได้ยินมาก่อนแต่ไม่สนใจจึงลืมไปแล้ว
แต่เมื่อได้ยินที่เหลียนซินเล่า ซูเล่อหยุนก็ขมวดคิ้ว "ชื่อเสียงไม่ดีหรือ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่นิสัยไม่ดีนัก พ่อแม่ของเจ้ายอมให้แต่งงานกับคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน"
ใบหน้าของหลิวฉินแสดงความสิ้นหวัง "สวีจื้ออันส่งคนไปขอข้าที่บ้าน...ท่านพ่อท่านแม่ของข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จะกล้าขัดขืนได้อย่างไร"
"เจ้า..." ซูเล่อหยุนกำลังจะพูดต่อ
แต่เสียงของนายหญิงหลินก็ดังขึ้นที่หน้าประตูสวน "เล่อหยุน หลิวฉิน พวกเจ้าอยู่ที่นี่เอง"
นายหญิงหลินเดินเข้ามาพร้อมกับดึงทั้งสองคนให้ลุกขึ้น "ข้ากำลังตามหาพวกเจ้าอยู่เลย ของที่สั่งทำมาถึงแล้ว"
คำพูดของนางทำให้ซูเล่อหยุนและหลิวฉินหันมามองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามนายหญิงหลินออกไปด้านนอก
หน้าห้องเย็บผ้า มีโครงไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ทุกส่วนทำจากไม้คุณภาพเยี่ยม
นี่คือโครงที่จะใช้สำหรับแขวนนกนานาชนิดในภาพ "นกนานาชนิดเคารพนกฟีนิกซ์"
"พวกเจ้าดูสิ มีตรงไหนที่ต้องแก้ไขไหม"นายหญิงหลินถามทั้งสอง
ซูเล่อหยุนและหลิวฉินเดินเข้าไปตรวจสอบใกล้ ๆ กลิ่นหอมของไม้ลอยมาจาง ๆ แสดงให้เห็นว่าผู้ทำใส่ใจอย่างมาก
"นายหญิงหลินโครงนี้ไม่มีปัญหา"
ซูเล่อหยุนตรวจสอบเสร็จและบอกกับนาง
นายหญิงหลินยิ้มด้วยความโล่งใจ "ดีมาก ระวังกันหน่อยนะ พวกเจ้าช่วยยกของเข้าไปเก็บในห้องด้วย"
"ขอรับ"
คนรับใช้เดินเข้ามายกโครงไม้อย่างระมัดระวังและนำเข้าไปเก็บในห้องด้านข้าง
"ข้าเห็นว่าไหมสีรุ้งของพวกเจ้าก็เสร็จแล้ว พรุ่งนี้เริ่มปักได้เลยหรือไม่"
นายหญิงหลินเดินมาหาทั้งสองแล้วถาม
ซูเล่อหยุนหันไปมองหลิวฉิน ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าและตอบกลับ "ท่านวางใจได้เลยเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้ากับคุณหนูซูจะเริ่มลงมือทันที"
"ดีมาก ข้ารู้ว่าการให้พวกเจ้าปักภาพนี้ในสองเดือนอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องฝากพวกเจ้าแล้ว"
เมื่อเห็นสายตากังวลของนายหญิงหลิน ซูเล่อหยุนกระพริบตาแล้วยิ้ม "ท่านต้องมีความเชื่อมั่นในพวกเราสิเจ้าคะ"
"แน่นอน ข้ามีอยู่แล้ว"
นายหญิงหลินยิ้มตาม หากนางไม่เชื่อมั่นในซูเล่อหยุนและหลิวฉิน คงไม่ให้ทั้งสองเป็นคนปักภาพนี้
เมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลซู พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว
หลังจากซูเล่อหยุนทานอาหารเย็นเสร็จ คนของท่านย่าก็มาตามตัวนาง
เมื่อมาถึงเรือนของท่านย่า ซูเล่อหยุนกวาดตามองไปรอบๆ แม้ว่าซูหว่านเอ๋อร์จะไม่อยู่แล้ว แต่ในเรือนของท่านย่าก็ยังมีคนอยู่มากมาย
ลู่เสวี่ยอิงกำลังนั่งคุยกับท่านย่า ส่วนลู่เสวี่ยหย่าก็นั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ
"ท่านย่า"
ซูเล่อหยุนเรียกท่านย่าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้ซูเหล่าไท่เพิ่งสังเกตเห็นนางและเงยหน้าขึ้นมอง
"อ้าว เล่อหยุนมาถึงแล้ว นั่งลงเถอะ"
"ขอบคุณเจ้าค่ะท่านย่า"
ซูเล่อหยุนนั่งลงอย่างเรียบร้อยและยิ้มให้ลู่เสวี่ยหย่า ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เพื่อทักทาย
หลังจากให้ซูเล่อหยุนนั่งลง ซูเหล่าไท่ก็หันกลับไปคุยกับลู่เสวี่ยอิงต่อ ดูเหมือนไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับซูเล่อหยุนเป็นพิเศษ เพียงแค่เรียกนางมาอยู่ที่เรือนนี้เท่านั้น
"ท่านยาย ในเมื่อพี่หว่านเอ๋อร์ไม่อยู่ ข้าจะอยู่ดูแลท่านยายแทนดีไหมเจ้าคะ"
ลู่เสวี่ยอิงกล่าวขึ้นด้วยท่าทางภูมิใจเมื่อพูดถึงซูหว่านเอ๋อร์ นางไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่เกิดขึ้นบนใบหน้าได้ เพราะนางรู้ดีว่าซูหว่านเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตระกูลซู แต่กลับครองความรักจากท่านยายมาตลอด
ตอนนี้ซูหว่านเอ๋อร์ไปสำนักหลงเยว่แล้ว ลู่เสวี่ยอิงคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่นางจะพิสูจน์ให้ท่านยายรู้ว่าควรจะรักนางมากกว่าซูหว่านเอ๋อร์!
ซูเหล่าไท่ไม่ได้สังเกตถึงความภูมิใจบนใบหน้าของลู่เสวี่ยอิง แต่เมื่อคิดถึงซูหว่านเออร์ที่ไปสวดมนต์ที่สำนักหลงเยว่ นางก็อดรู้สึกสงสารหลานสาวไม่ได้
"ท่านยาย ท่านไม่อยากให้ข้าดูแลท่านหรือเจ้าคะ"
ลู่เสวี่ยอิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความน้อยใจ ทำให้ซูเหล่าไท่หลุดออกจากความคิดและกลับมาสนใจหลานสาว
"ในเมื่อเสวี่ยอิงอยากดูแลข้า ข้าก็ย่อมยินดี"
นางตอบพร้อมรอยยิ้ม ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เสวี่ยอิงยิ่งชัดเจนขึ้น
นางหันไปมองซูเล่อหยุนและลู่เสวี่ยหย่าด้วยสายตาเหมือนกำลังอวดว่านางได้รับความโปรดปราน