บทที่ 103 ศิษย์ทรยศ!
ภายในตำหนัก
ระดับพลังของชูหยวนถดถอยลงมาถึงขั้นหลอมลมปราณช่วงต้นขั้นสุดยอดในทันที ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ
เขาอยากจะไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบครอบครัวของจางฮั่นและซูเฉียนหยวนเหลือเกิน
พ่อเอ๊ย เขาถูกทรยศแล้วงั้นเหรอ?!
เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วศิษย์ก็ประสบความสำเร็จไปซะแล้ว?
ซูเฉียนหยวน!
จางฮั่น!
สองคนนี้ มันเป็นตัวอะไรกันแน่!
คนหนึ่งไม่มีรากวิญญาณ อีกคนไม่มีวิญญาณ นี่มันประสบความสำเร็จได้ยังไง?
ดูจากข้อมูลที่ระบบให้มา สองคนนี้ คนหนึ่งมีหัวใจค่ายกลติดตัวมาแต่กำเนิด ไม่รู้ยังไงหัวใจค่ายกลถึงตื่นขึ้นมาได้ อีกคนยิ่งแปลกประหลาด ไม่มีวิญญาณ บอกว่าถ่ายทอดวิชาฝึกร่างกายให้อีกฝ่าย
เขารู้วิชาฝึกร่างกายด้วยเหรอ?
เขารู้?
เขารู้??
ถ้าเขารู้ เขาจะต้องน่าสงสารไปขโมย... ไปยืมคัมภีร์ของนิกายฉางเหอทำไม?
เขารู้แค่ชงชาเท่านั้นแหละ!!
สิ่งที่เขาทำกับศิษย์ทั้งสอง ตั้งแต่ต้นจนจบก็แค่หลอกลวงเท่านั้น!
อาศัยแค่คำหลอกลวงสองสามคำก็ประสบความสำเร็จได้ แล้วทำไมไม่เห็นเขาประสบความสำเร็จบ้างล่ะ?
หรือว่าทั้งโลกนี้ นอกจากเขาแล้ว ทุกคนมีออร่าพระเอก เป็นบุตรแห่งชะตาฟ้า มีพลังโชคชะตาไร้เทียมทานกันหมด?!
ชูหยวนสภาพจิตใจระเบิด
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงไอ้ศิษย์จางฮั่นที่ไม่เอาไหนคนนี้ ภายนอกทำตัวว่านอนสอนง่าย แต่ลับหลังกลับทรยศเขาอย่างร้ายกาจ เขายิ่งระเบิดหนักกว่าเดิม
ปกติดูเหมือนว่านอนสอนง่าย มีท่าทางเหมือนคนธรรมดา
แต่ผลสุดท้ายในนาทีสุดท้ายของการตรวจสอบ จู่ๆ ก็กลายเป็นขั้นหลอมจิต!!!
ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ!!
เมื่อเทียบกับซูเฉียนหยวน
ชูหยวนโกรธจางฮั่นมากกว่า ศิษย์ที่ว่านอนสอนง่ายซึ่งปกติเขาไว้ใจมาก
ปกติไว้ใจมากเท่าไหร่ ตอนนี้ก็โกรธมากเท่านั้น
เขาเกลียดเหลือเกิน
แก่นทองของเขา!
จากไปไม่มีวันกลับ!
ที่บอกว่าจะถึงขั้นแก่นทองขั้นสุดยอด ที่คิดว่าฝึกฝนอีกนิดก็จะถึงขั้นแก่นทารก ความฝันที่จะเริ่มต้นความไร้พ่าย...
ทั้งหมดหายไปหมดแล้ว...
สภาพจิตใจชูหยวนพังทลาย ไม่มีความมุ่งมั่นเหลืออยู่เลย
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เขาอยู่แค่ขั้นหลอมลมปราณ เขาคงจะไปบีบคอจางฮั่นให้ตายตอนนี้เลย
ส่วนซูเฉียนหยวน
เมื่อเทียบกับจางฮั่นที่เจ้าเล่ห์คนนี้ ก็ดูไม่น่าโกรธเท่าไหร่แล้ว
ซูเฉียนหยวนคนนี้บรรลุวิชาฝึกร่างกายแบบพลังแผ่นดินอะไรนั่น ต้องเป็นเพราะจางฮั่นคนนี้พาไปแน่ๆ!!!
ชูหยวนสูดลมหายใจลึก พยายามจะกู้สภาพจิตใจกลับมา แต่ยิ่งอดทน ก็ยิ่งโกรธ
เมื่อนึกถึงความเห็นที่ระบบให้เขา บอกไม่ให้เขาขัดแย้งกับระบบ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
เมื่อไหร่กันที่เขาขัดแย้งกับระบบ?
นั่นมันขัดแย้งกับระบบที่ไหนกัน?
ควรจะไปบอกกล่าวกับสวรรค์สักหน่อย สวรรค์ต่างหากที่กำลังขัดแย้งกับระบบ!!
ฮู...
ชูหยวนถอนหายใจอย่างหนัก ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากตำหนัก
เขาจะไปหาหลี่เอ้อร์กัง ดูว่ามีอาหารหรือเหล้าอะไรบ้าง จะได้ดับทุกข์ร้อยแปดพันเก้า
ชูหยวนเดินออกจากตำหนัก
เขาเพิ่งจะเดินออกมาจากตำหนัก
ตรงหน้าก็มีแสงวูบหนึ่ง
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
ร่างนี้คือจางฮั่นนั่นเอง
ณ ขณะนี้ จางฮั่นสวมชุดขุนนางที่พลิ้วไหวโดยไม่มีลม ผมดำที่เคยมัดไว้ไม่รู้ว่าปล่อยลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ปลิวไสวตามสายลม
อานุภาพที่มาพร้อมกับการทะลวงขีดจำกัดยังไม่ได้เก็บกลับหมด ทำให้ดูมีพลังอำนาจล้นหลาม ราวกับขุนนางที่ใช้พู่กันเดียวปกครองใต้หล้า
จางฮั่นมองชูหยวนด้วยสีหน้ายินดี "อาจารย์! ท่านออกจากการปิดประตูฝึกฝนแล้ว!"
"อาจารย์ ศิษย์มีเรื่องดีจะบอกท่าน ศิษย์ได้ทะลวงขีดจำกัดถึงขั้นหลอมจิตแล้ว! ศิษย์ไม่ได้ทำให้ความคาดหวังของท่านผิดหวัง!"
จางฮั่นพยายามกดความดีใจเอาไว้ พูดอย่างสุภาพนุ่มนวล
เขาแทบจะควบคุมความดีใจไม่อยู่ เขาฝึกฝนมานานเท่าไหร่?
ตอนที่พลังรวมตัว ไม่ได้เลือกที่จะทะลวงขีดจำกัด แต่เลือกที่จะสะสม
สะสมมาจนถึงวันนี้ ถึงได้ทะลวงขีดจำกัดเป็นขั้นหลอมจิต ความรู้สึกที่อัดอั้นมานาน ระเบิดออกมาในชั่วพริบตา
'คำสอน' ที่อาจารย์ให้ตอนเข้านิกาย
'ความคาดหวังอันสูงส่ง' ที่อาจารย์มอบให้
'ความคิด' ที่อาจารย์จะให้เขาสืบทอดตำแหน่งประมุขนิกายอู๋เต้า
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขากดความรู้สึกเอาไว้ อยากจะแสดงความสามารถให้อาจารย์รู้ว่า อาจารย์ไม่ได้เลือกผิดคน
นี่ไง วันนี้ เขาได้มอบเซอร์ไพรส์ให้อาจารย์แล้ว
ดูสิ ดูสิ!
สีหน้าของอาจารย์ตอนนี้ ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน
คงเป็นเพราะเห็นศิษย์คนนี้ประสบความสำเร็จในที่สุด อารมณ์สับสน สีหน้าถึงได้ซับซ้อนตามไปด้วย
สิ่งที่จางฮั่นไม่รู้ก็คือ
อาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าเขา กำลังมีความคิดจะฆ่าค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ชูหยวนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม จ้องมองศิษย์คนนี้ด้วยสีหน้าซับซ้อนอย่างยิ่ง
ถ้าตอนนี้เขาอยู่ขั้นเผชิญเคราะห์ เขาคงจะตบศิษย์อกตัญญูคนนี้ให้ตายคามือไปแล้ว
ศิษย์อกตัญญู! ศิษย์อกตัญญู!
ภายนอกทำตัวว่านอนสอนง่าย แต่ลับหลังกลับเป็นคนเจ้าเล่ห์!
แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่ขั้นหลอมลมปราณ จะทำอะไรศิษย์คนนี้ก็ไม่ได้
"ดี! ดี! ดี! ดีมาก"
"เจ้าต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดีล่ะ! อาจารย์ยังมีธุระบางอย่าง ขอตัวก่อนล่ะ!!"
ชูหยวนกัดฟันพูดคำว่า "ดี" สามครั้งออกมาจากไรฟัน แล้วหันหลังจากไปทันที
กลัวว่าถ้าอยู่ต่อไปอีกสักพัก เขาจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
จางฮั่นที่อยู่ตรงนั้นลูบหัวตัวเอง มองแผ่นหลังของอาจารย์ที่จากไป
ทำไมรู้สึกว่าน้ำเสียงของอาจารย์ดูผิดปกติไปหน่อย?
อาจารย์กำลังรู้สึกดีใจ แต่ไม่อยากให้เขาเห็น เลยทำให้น้ำเสียงผิดปกติไปหรือเปล่า?
ไม่ได้ ไม่ได้!
เขาต้องควบคุมสภาพจิตใจไว้ ต้องไม่หยิ่งผยอง!
เขาเป็นประมุขนิกายอู๋เต้าในอนาคต ไม่ควรจะหยิ่งผยองอวดดี
จางฮั่นเตือนตัวเองเงียบๆ กดความคิดที่พองตัวขึ้นมาให้ลดลง
ตอนนี้เขามีพลังขั้นหลอมจิต เมื่อใช้หัวใจค่ายกลวางค่ายกล ค่ายกลจะได้รับการเสริมพลังจากพลังวิเศษ อานุภาพย่อมแข็งแกร่งขึ้นมาก
สิ่งสำคัญที่สุดคือ มีพลังวิเศษเสริมจิตใจ เขาสามารถวางค่ายกลนับสิบได้ในชั่วความคิด
ถ้าต่อสู้กับคนอื่น ก็เหมือนกับเอาค่ายกลขว้างใส่คนจริงๆ
"แต่พูดถึงเรื่องนี้ พลังของอาจารย์ดูเหมือนจะอ่อนลงไปอีกมาก จำได้ว่าตอนพบอาจารย์ครั้งแรก บอกว่าอยู่ขั้นแก่นทารก ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นขั้นแก่นทองกะทันหัน ตอนนี้กลายเป็นขั้นหลอมลมปราณไปอีก"
"พลังของอาจารย์ลดลงเรื่อยๆ"
"หรือว่าก่อนจะบรรลุเป็นเซียน ทุกคนต้องย้อนกลับมาฝึกฝนอีกครั้ง? เมื่อถึงตอนที่อาจารย์ย้อนกลับมาเป็นคนธรรมดา ก็จะเป็นเวลาที่อาจารย์บรรลุเป็นเซียน?"
"ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ต้องเร่งฝึกฝนแล้วล่ะ ขั้นหลอมจิตคงไม่พอที่จะปกครองนิกายอู๋เต้า"
จางฮั่นพึมพำกับตัวเอง
ไม่รู้สึกยินดีกับระดับพลังในปัจจุบันอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นสำหรับการฝึกฝนต่อจากนี้
ต้องพยายามฝึกฝน!
สืบทอดนิกาย!
เป็นประมุขนิกายลึกลับรุ่นใหม่!
แต่การทะลวงขีดจำกัดไปสู่ขั้นต่อไปไม่ใช่เรื่องง่าย
ขั้นเผชิญเคราะห์ ขั้นสูงสุดของมนุษย์ ยากกว่าการทะลวงขีดจำกัดไปสู่ขั้นหลอมจิตมาก
อาศัยแค่การฝึกฝนอย่างหนักคงยากที่จะทะลวงขีดจำกัดไปสู่ขั้นเผชิญเคราะห์
ต้องหาโอกาสลงเขาไปผจญภัยสักหน่อยถึงจะได้
จางฮั่นเริ่มวางแผนอนาคตของตัวเองแล้ว...