ตอนที่ 25 สร้างความร่วมมือ
ตอนที่ 25 สร้างความร่วมมือ
"เธอคือเจ้าของโรงแรมเจียงหลิน"
ถ้าไม่ใช่เพราะมีธุระจริงๆ หลินเฟิงยังคงไม่ต้องการส่งข้อความถึงฉู่เจียงเยว่ คงจะไม่ดีหากเธอไม่ชอบใจ และขึ้นบัญชีดำเขา
“เธอคือเจ้าของโรงแรมเหรอ? งั้นลองถามดูสิว่าเธอมีหมั่นโถว ซาลาเปา และอาหารอื่นๆ มากมายจริงหรือเปล่า ฐานของเรามีคนนับล้านคนอาศัยอยู่”
จากจำนวนประชากรเดิมมากกว่า 20 ล้านคน ในวันนี้มีมากกว่าหนึ่งล้านคนเล็กน้อย พูดตามตรง หลู่เจิ้งเหยารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
แต่คนตายได้ล่วงลับไปแล้ว และคนเป็นก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป พวกเขาไม่มีเวลาไว้อาลัยให้ใครในวันคืนที่โหดร้ายเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงพยายามจะรอดให้นานที่สุดเท่านั้น
“แม้จะมีคนนับล้านในฐาน แต่ด้วยเสบียงมากมายขนาดนั้น คุณแน่ใจหรือว่าเราจะนำมันกลับมาได้”
หลิงเฟิงรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อเสบียงให้คนนับล้านในคราวเดียว
“คุณพูดถูก นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคิด”
หลู่เจิ้งเหยาสงบสติอารมณ์ลง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อเสบียงให้คนรับล้านในคราวเดียว และยังมีปัญหาในเรื่องของอาหารที่จะเน่าเสียอย่างรวดเร็วอีก
“คุณหลิง คุณเคยไปที่นั่นครั้งหนึ่ง และกลับมาได้อย่างปลอดภัย ช่วยนำทางคนของผมให้หน่อยได้หรือไม่”
“เมื่อเรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้ว ทางฐานจะออกภารกิจ และขอให้ทีมผู้ปลุกพลังต่างๆ ช่วยในขนส่งเสบียง เมื่อมีการบวกค่าเหนื่อยเพิ่มให้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
“ในฐานยังมีเสบียงเหลืออยู่ น่าจะทนไปได้อีกสักระยะหนึ่ง เมื่อสามารถซื้อเสบียงจากโรงแรมเจียงหลินกลับมาได้ ปัญหาเรื่องขาดแคลนอาหารก็น่าจะได้รับการแก้ไข”
“ไม่มีปัญหา แต่ผมคิดว่าทางฐานควรจะหาทางสร้างร่วมมือ และทำข้อตกลงกับโรงแรมเจียงหลิน มันจะได้เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว”
จากการสังเกตของหลินเฟิงที่โรงแรมเจียงหลิน เขารู้สึกว่าฉู่เจียงเยว่ต้องการใครสักคนที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้เธอ
จนถึงขณะนี้ไม่ควรมีฐานอื่นใดที่ติดต่อกับฉู่เจียงเยว่ ดังนั้นฐานของพวกเขาจึงควรเป็นคนกลุ่มแรกๆ
การให้ทีมผู้ปลุกพลังทำภารกิจโดยให้ช่วยขนส่งเสบียงนั้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว
ดวงตาของหลู่เจิ้งเหยาเป็นประกาย "รอสักครู่ เดี๋ยวทางเราจะรีบจัดเตรียมคนโดยเร็วที่สุด และผมก็คงต้องขอให้พวกคุณทั้งสามช่วยนำทางพวกเขาด้วย"
สำหรับเรื่องความร่วมมือ ควรหารือกันต่อหน้าจะดีกว่า
“ไม่มีปัญหา เราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ดี”
หลิงเฟิงยังคงรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของฐานผู้ลี้ภัยแห่งนี้ และค่อนข้างมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ในฐาน
“อย่างไรก็ตาม ผมขอแนะนำว่าควรจะเลือกที่คนที่จะทำหน้าที่ติดต่อพูดคุยให้ดี เจ้าของโรงแรมไม่สนใจว่าเราจะเป็นใคร หรือมาจากไหน หากคนที่คุณส่งไปทำให้เธอไม่มีความสุข ความร่วมมืออาจไม่เกิดขึ้น และเราอาจจะถูกขึ้นบัญชีดำอีกด้วย”
หลินเฟิงยังจำคำเตือนอย่างเป็นมิตรของฉู่เจียงเยว่ที่มีต่อเขาได้
“ผู้ที่อยู่ในบัญชีดำจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไปในโรงแรมเจียงหลินอีกตลอดชีวิต”
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ มันจะเห็นผลมากขึ้นเพราะนอกเหนือจากโรงแรมเจียงหลินแล้ว ก็ใครที่ยอมขายเสบียงอีก
หลิงเฟิงมีลางสังหรณ์ว่ายิ่งวันสิ้นโลกผ่านไปนานเท่าไร การดำรงอยู่ของโรงแรมเจียงหลินก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับพวกเขา
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงเฟิง หลู่เจิ้งเหยาก็พยักหน้าเล็กน้อย "ผมเข้าใจ ขอบคุณที่เตือน"
หากเป็นไปได้ หลู่เจิ้งเหยาไม่ต้องการทำให้เจ้าของโรงแรมเจียงหลินขุ่นเคืองใจอย่างแน่นอน
ไม่ว่ายังไงคนที่สามารถเปิดโรงแรมในยุคแห่งวันสิ้นโลกได้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราขอตัวก่อน”
หลิงเฟิงยังต้องการนำสิ่งที่พบระหว่างจากการเดินทางครั้งนี้ไปยังตลาดการค้าเสรีที่ฐาน และขายบางส่วนที่เขาไม่ต้องการ
หลู่เจิ้งเหยาโบกมือ "ตกลง ผมจะจัดเตรียมคนโดยเร็วที่สุด และจะส่งคนไปแจ้งให้พวกคุณทราบเมื่อถึงเวลา"
ไม่ว่าข่าวของโรงแรมเจียงหลินจะเป็นของจริงหรือของปลอมก็ตาม หลู่เจิ้งเหยาก็จะส่งคนไปตรวจสอบเพื่อความเต็มท้องของทุกคนในฐาน
ในเวลาเดียวกันที่โรงแรมเจียงหลิน ฉู่เจียงเยว่ไม่รู้ว่ากำลังจะมีการเจรจาธุรกิจครั้งสำคัญ หลังเธอทานอาหารเสร็จแล้ว เธอก็เดินออกมาจากประตูตึก เดินผ่านทางเดินหินเพื่อไปหาต้นไม้ที่ปลูกด้วยมือตัวเอง
จากนั้นก็ถ่ายพลังวิเศษลงไป เมื่อทำธุระเสร็จแล้วเธอก็กลับไปที่บ้าน เข้าไปในห้องครัว หั่นแตงโมครึ่งลูกแล้วกลับมาที่ตึกหนึ่งพร้อมกับช้อน
เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ผู้คนจึงไม่สามารถออกไปข้างนอกในระหว่างวันได้ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับตารางงาน และเวลาพักผ่อนของคนอื่น ฉู่เจียงเยว่จึงได้เปลี่ยนเวลาทำงานของตัวเธอเอง
วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานหลังการปรับเปลี่ยนเวลา
เมื่อฉู่เจียงเยว่เดินเข้าไปในตึกหนึ่งพร้อมกับแตงโมครึ่งลูกอยู่ในมือ เธอก็บังเอิญพบเข้ากับเสิ่นจื้อกุย และทีมของเขาที่กำลังจะออกไปข้างนอก
ดวงตาของเซี่ยซีหลินสว่างขึ้นเมื่อเขาเห็นแตงโมในมือของฉู่เจียงเยว่ "เถ้าแก่ คุณมีแตงโมด้วยเหรอ?"
“หยุด นี่คือของฉัน ไม่ได้มีไว้ขาย”
“แต่ต้นไม้ข้างนอกกำลังจะบานสะพรั่ง และออกผล ผลของมัน ฉันจะขายให้พวกคุณก่อนตามสัญญา”
จิ้งจอกน้อยได้บอกอย่างชัดเจนว่าทุกสิ่งที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้เธอนั้น เธอสามารถนำมาใช้กับตัวเองได้เท่านั้น แม้ว่าจะต้องการมอบของเหล่านั้นให้คนอื่นฟรีๆ ก็ยังไม่อาจทำได้
ดังนั้น แม้ว่าเซี่ยซีหลิน และคนอื่นๆ จะต้องการ แต่ฉู่เจียงเยว่ก็จะไม่แบ่งปันมันกับพวกเขา
“นั่นเป็นกฎของโรงแรมอีกแล้วเหรอ?”
เซี่ยซีหลินรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่เพราะกฎของโรงแรม เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ของพวกเขา ฉู่เจียงเยว่อาจจะยอมขายแตงโมสักลูกให้เป็นได้
ฉู่เจียงเยว่ไม่ตอบ แต่ความเงียบก็เท่ากับการตอบรับ
“เถ้าแก่ วันนี้คุณจะทำงานล่วงเวลาเหรอ?”
ตอนนี้เลยเวลาหกโมงเย็นไปแล้ว ในอดีต ฉู่เจียงเยว่จะเลิกงาน และกลับไปที่บ้านพักส่วนตัว ไม่มีทางที่เธอจะกลับมาที่นี่พร้อมกับแตงโมในมือ
เสิ่นจื้อกุยจึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่ ฉันได้เปลี่ยนเวลาทำงาน อากาศร้อนทำให้ไม่ค่อยมีคนมาเข้าพัก ต่างจากตอนกลางคืนที่ค่อนข้างเย็นกว่า”
ฉู่เจียงเยว่ไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ ก็เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการสื่อ
“ก็จริง แต่นั่นก็จำเป็นถึงขนาดต้องทำให้คุณเปลี่ยนเวลาทำงานเลย คุณมีเหตุผลอื่นอีกหรือเปล่า!”
ซูจู้เฉิงถามออกไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ดูเหมือนจะรู้สึกวันคำถามนั้นค่อนข้างล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวไปเสียหน่อย
เขาจึงหุบปากอย่างรวดเร็ว จากนั้นยืนตัวตรง มองไปที่ฉู่เจียงเยว่ด้วยสีหน้ากังวลใจ
“แคะ แคะ โทษทีเถ้าแก่ ผมแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น”
“ฉันจะเปลี่ยนเวลาทำงานเป็นห้าโมงเย็นถึงห้าทุ่มของแต่ละวัน”
อย่างไรก็ตามเธอไม่รับประกันว่าเธอจะอยู่ในตึกหนึ่งในเวลาห้าโมงเย็น เพราะเธออาจจะต้องรับประทานอาหารก่อนในเวลานั้น
อย่างไรก็ตามเธอจะไม่อยู่ในตึกหนึ่งหลังห้าทุ่มอย่างแน่นอน หากมีใครมาสายก็ต้องรอ เธอไม่คิดจะทำงานล่วงเวลาอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงจุดนี้ ซูจู้เฉิงก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะกลับมาทัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ
บรรยากาศจึงดูน่าอึดอัดนิดหน่อย
“พวกนายควรออกเดินทางได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
ฉู่เจียงเยว่ส่งสัญญาณให้เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ รู้ว่าควรจะออกเดินทางได้แล้ว และให้ปล่อยเธอไว้ตามลำพัง
"ไปกันเถอะ แล้วเจอกันเถ้าแก่!"
ซู่จูเฉิงพูดอย่างรวดเร็ว จากนั้นดึงหลินซวี่หยวนที่อยู่ข้างๆ ออกจากตึกหนึ่ง
ในชุมชนเซิงซื่อฮัวตู่ มีเพียงโรงแรมเจียงหลินเท่านั้นที่เปิดไฟเหมือนประภาคาร ตราบใดที่พวกเขาได้เห็นแสงสว่างทุกคืน พวกเขาสามารถหาทางกลับมาเองได้
หลังจากที่เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ ออกจากตึกหนึ่งแล้ว ฉู่เจียงเยว่ก็เริ่มมุ่งความสนใจไปที่การขุดแตงโม และกิน
ต้องบอกว่ามันเป็นแตงโมที่ระบบมอบให้นั้นเป็นของดีจริงๆ ไม่มีเมล็ด และรสชาติก็หวานอร่อย
เมื่อได้กินในเวลาที่อากาศร้อนๆ มันก็แทบไม่อยากจะลืมเลยจริงๆ
“โฮสต์ พระเอกกำลังมา!”
จิ้งจอกน้อยเงียบอยู่นาน และจู่ๆ ก็ส่งเสียงขึ้นมา