ตอนที่ 18 ถงอวิ๋น
ตอนที่ 18 ถงอวิ๋น
กลางวันแดดเปรี้ยง เด็กหนุ่ม-สาว สองคนกำลังประลองกันอยู่
เด็กหนุ่มที่ตัวโตกว่า อายุอานามมากกว่าร่างกายสูงใหญ่ ถือดาบเล่มโต ดวงตาเหยี่ยวคู่โตจ้องเขม็ง พลางร่ายรำดาบอย่างทรงพลัง
ส่วนอีกคนเป็นเด็กสาว สวมเสื้อสีอ่อน อายุราว 17 - 18 ปี รูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทน ใบหน้าคมเข้มสวยงาม
เด็กสาวที่งดงามถึงเพียงนี้ แต่ในมือกลับถืออาวุธหนักอย่างกระบองดาวตกยักษ์
อาวุธที่ควรจะดูเทอะทะ กลับคล่องแคล่วราวกับพญางูเมื่ออยู่ในมือของเธอ
ไม่นานนัก ดาบใหญ่ในมือเด็กหนุ่มก็ถูกกระแทกจนปลิว และตัวเขาเองก็โดนเตะจนกระเด็นออกไป
"ขอบคุณสำหรับการสอน"
"ขอบคุณที่ออมมือ"
ทั้งสองคนยืนตรง โค้งคำนับให้กันและกัน เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ถอนหายใจพร้อมกับถือดาบนั้น"
เด็กสาวไม่แม้แต่จะหันมามอง
เธอยกกระบองยักษ์ในมือขึ้น แล้วทุบลงกับพื้นสนามฝึกจนฝุ่นฟุ้งกระจาย
"ไอ้พวกบัดซบพวกนั้น!"
เมื่อวานท่านพ่อให้คนมาขวางพวกมันไว้ ข้าก็รู้แล้วว่าไม่น่าฟังเสียงใคร ควรบุกเข้าไปทุบหัวนางหมอคนนั้นให้
แหลกไปตั้งแต่แรก
"เหยียนซาน นางหมอนั่น ยังอยู่ในเมืองเฮยชื่อไหม?"
เหยียนซานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวตอบอย่างชื่อสัตย์
"พวกมันเข้าไปในเมืองแล้ว แต่จะออกไปหรือยัง อันนี้ข้าไม่แน่ใจ"
เมืองเฮยชื่อเคยเป็นตลาดใหญ่ของเผ่าทั้ง 25 บนดินแดนนี้ เป็นสถานที่สำคัญที่แต่ละเผ่าใช้แลกเปลี่ยนสินค้ากัน
แต่ตอนนี้เมืองเฮยชื่อกลายเป็นถิ่นฐานของเผ่าจันหยูซู
พวกนั้นมีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด
ทั้งสองเผ่าต่อสู้กันมานานหลายปี
ทุกวันนี้เผ่าจันหยูซูได้รับการสนับสนุนจากราชสำนักอิ่วเฉา ทำให้พวกเขาแกล้งเผ่าสุ่ยอีทุกทาง
เมืองเฮยชื่อก็ห้ามคนจากเผ่าสุ่ยอีเข้าไป
"อาอวิ๋น ช่างมันเถอะ หัวหน้าเผ่าบอกว่า นางหมอนั่นหยุดให้ยาไปแล้ว วันนี้ก็ไม่ได้อ้วกเป็นเลือดอีก"
ถงอวิ๋นหัวเราะเยาะ ก่อนจะกระแทกกระบองลงพื้นอย่างแรงอีกครั้ง
"ปล่อยไว้ไม่ได้แน่ๆ มันต้องเป็นแผนของเผ่าจันหยูซู และหมอพวกนั้น ล้วนโดนพวกมันควบคุมทั้งสิ้น
ไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งแค้น!
ถงอวิ๋นโยนกระบองลงกับพื้น ก่อนจะหยิบคันธนูจากชั้นอาวุธ
เธอดึงสายธนูอย่างง่ายดาย แล้วยิงออกไปทันที ลูกศรพุ่งเข้ากลางเป้าอย่างแม่นยำ
ขณะนั้นเอง มีกลุ่มคนวิ่งผ่านไปด้วยความรีบร้อน
ถงอวิ๋นได้ยินคำว่า "ฮั่น" และ "หมอ"
ความโกรธที่คุกรุ่นอยู่แล้วพุ่งขึ้นมาจนถึงขีดสุด เธอคว้าคันธนูในมือแล้ววิ่งตรงไปยังประตูฝั่งตะวันตกทันที
"พวกมันกล้ามาถึงนี่เลยเหรอ"
"ถ้ามันไม่วางยาท่านพ่อของข้า พวกมันก็คงไม่ได้รางวัลจากซางฝูสินะ!"
"หลีกไป!"
ถงอวิ๋นผลักผู้เฝ้าประตูออก ก่อนจะรีบคว้าเชือกและปีนกำแพงประตูอย่างคล่องแคล่ว
เมื่อมองลงไปจากกำแพง เธอเห็นหญิงสาวสองคนยืนอยู่หน้าประตู
คนที่ดูโตกว่าคงอายุราว 16 หรือ 17 ปี ส่วนคนที่ดูตัวเล็กกว่าคงอายุประมาณ 12 หรือ 13 ปี
ทั้งคู่แบกตะกร้าใบใหญ่ไว้บนหลัง ซึ่งถูกปกคลุมด้วยใบตองจนมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
แค่สองคนนี้เองหรือ?
หรือว่าหญิงสาวคนที่ดูโตกว่า คือ หมอ?
สำนักอิ่วเฉามีความเชื่อที่ว่าวิชาหมอต้องสืบทอดทางผู้ชายไม่ใช่หรือ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีหมอผู้หญิงในสำนักอิ่วเฉา
แต่ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็ไม่ใช่เรื่องของข้า!
ถงอวิ๋นพูดภาษาของเผ่าสุ่ยอีกับพวกนั้นว่า "ที่นี่ไม่ต้อนรับคนจากอิ่วเฉา ไปให้พ้น!"
เหยียนซานก็ตามขึ้นมาบนกำแพง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยิน "ท่านอาอวิ๋น คนพวกนี้มาดี ท่านไล่เขาแบบนี้มันไม่ค่อย..."
"หุบปากไปซะ!"
สิ้นเสียง ถงอวิ๋นก็ยกธนูขึ้นเล็งไปที่สองคนนั้นทันที
ฉินอวี้ตกใจ ก้าวไปขวางหน้าของเวิ่นหยุนซี แต่ถูกหยุนซีห้ามไว้
"พวกข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เจ้าไม่เพียงปฏิเสธ แต่ยังเล็งธนูใส่พวกข้าอีก นี่หรือคือวิถีของเผ่าสุ่ยอี?"
เวิ่นหยุนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวบนกำแพงยิ่งดึงสายธนูแน่นขึ้น
ในใจเวิ่นหยุนซีคิดว่า เธอคนนี้เข้าใจภาษาฮั่น นั่นถือเป็นเรื่องดี
ถงอวิ๋นดึงสายธนูจนตึงเต็มที่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว "ศัตรูไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตอง รีบกลับไปซะ!"
ครั้งนี้เธอพูดภาษาฮั่น แต่ยังคงมีสำเนียงท้องถิ่นปนอยู่เล็กน้อย
เวิ่นหยุนซีไม่แปลกใจกับท่าทีของอีกฝ่าย เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรและตบเบาๆ ที่ตะกร้าบนหลัง
"ข้าคือหมอพเนจรชื่อเวิ่นหยุนซี นี่คือศิษย์ของข้าฉินอวี้ พวกเรามารักษาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเลยสักนิด"
หมอพเนจรอย่างนั้นหรือ?
ถงอวิ๋นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ความโกรธที่เดือดพล่านก็ยิ่งปะทุขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุด
หมอพเนจรอีกแล้ว!
หมอพวกนี้แหละที่ทำให้พ่อของเธออาการแย่ลงทุกวัน!
คิดถึงตรงนี้ แววตาของถงอวิ๋นก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน มือที่จับสายธนูค่อยๆ คลายออก ส่งลูกธนูพุ่งตรงไปหาเวิ่นหยุนซีทันที
เวิ่นหยุนชีไม่คาดคิดว่าคำพูดของเธอจะยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายเดือดดาลถึงขนาดนี้
และยิ่งไม่คิดว่า ถงอวิ๋นจะยิงธนูออกมาได้รวดเร็วและเฉียบคมขนาดนั้น
เมื่อตั้งสติได้ ลูกธนูก็เกือบจะถึงตัวเธอแล้ว
มันกำลังจะปักเข้าที่ต้นขาของเธอ
แต่ในชั่วพริบตานั้นเอง ตะกร้าใบใหญ่ก็ถูกโยนมาขวางหน้าเธอทันที
เวิ่นหยุนซียังไม่ทันจะโล่งใจ ก็ถูกแรงจากลูกธนูที่ปะทะเข้ากับตะกร้าส่งให้ล้มลงไปกับพื้น
เธอจ้องมองตะกร้าที่ถูกลูกธนูทะลุผ่านจนปลายขนนกยังสั่นไหวอยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง
ถ้าตะกร้าไม่ช่วยเบี่ยงเบนทิศทางของลูกธนูไปสักหน่อย ป้านนี้มันคงจะปักเข้าไปในกระดูกต้นขาของเธอแล้ว
ไม่สิ!
ด้วยแรงขนาดนี้ ลูกธนูอาจจะทะลุผ่านต้นขาเธอไปเลยก็ได้
"เจ้าทำบ้าอะไรน่ะ!"
ฉินอวี้ตวาดลั่นด้วยความโกรธ เธอคว้ามีดฟืนจากตะกร้าขึ้นมาแล้วขว้างไปที่ถงอวิ๋นบนกำแพง
มีดฟืนพุ่งตรงไปยังใบหน้าของถงอวิ๋น
แต่ถงอวิ๋นผลักเหยียนซานออกและยื่นมือออกไปคว้ามีดฟืนนั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย
"แค่นี้น่ะหรือ!"
ถงอวิ๋นแค่นเสียงเยาะเย้ย ก่อนจะเหวี่ยงมีดฟืนกลับคืนไป
มีดฟืนเฉียดใบหน้าซีกซ้ายของเวิ่นหยุนชีและปักลงไปในดินอย่างจัง
เวิ่นหยุนซีได้แต่นิ่งงันไป
หรือว่า...เธอจะถูกฉินอวี้หลอก?
โลกนี้มันมีเรื่องพลังภายในจริงๆ ใช่ไหม?
ฉินอวี้มองมีดฟืนที่หายไปในดินอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ในสำนัก เธอเป็นคนที่เก่งที่สุดในรุ่นเดียวกัน ไม่เคยมีใครเอาชนะเธอได้ด้วยกำลังมาก่อนเลย
ถงอวิ๋นคนนี้น่ากลัวกว่าอาจารย์ในสำนักอีก
"มองอะไร? บอกให้รีบไปไง! ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง?!"
ถงอวิ๋นยิงธนูอีกดอกใส่ฉินอวี้ คราวนี้ไม่ได้เล็งให้โดนคน แต่ลูกธนูปักลงตรงเท้าของฉินอวี้
ฉินอวี้สบถเบาๆ ก่อนหันไปมองเวิ่นหยุนซี ใช้สายตาสื่อความหมายถามว่าควรทำอย่างไรต่อไป
เวิ่นหยุนซีไม่รีบร้อน เธอนั่งตัวตรงและส่ายหน้าให้ฉินอวี้
จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ถงอวิ๋นด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ยิ่งทำให้ถงอวิ๋นรู้สึกอึดอัดใจ
เธอยกธนูขึ้นเตรียมจะยิงอีกครั้ง แต่คราวนี้ เหยียนซาน ที่ยืนข้างๆ รีบจับแขนซ้ายของเธอไว้
"อาอวิ๋น พวกเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย อย่าใจร้อนสิ ถ้าหัวหน้าเผ่ารู้เข้า จะต้องโดนลงโทษอีกแน่ๆ"
ถงอวิ๋นพยายามดึงแขนกลับ แต่เหยียนซานก็ยิ่งกอดรัดแน่นกว่าเดิม
"ปล่อยข้านะ!"
"ไม่ปล่อย"
ถงอวิ๋นตั้งใจจะใช้แรงกระซากออก แต่เมื่อนึกได้ว่ากำแพงประตูนี้สูงแค่ไหน
ถ้าเธอออกแรงมากไป เหยียนซานอาจจะตกลงไปข้างล่าง เธอจึงหยุดมือไว้
เมื่อเห็นการโต้เถียงของทั้งคู่ เวิ่นหยุนชียิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
เธอนั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจแล้วพูดกับฉินอวี้ว่า "ฉินอวี้ เอาของออกมาเถอะ"
หลังจากพูดจบ เวิ่นหยุนชีก็เริ่มท่องคำแปลกๆ คล้ายกับตอนที่เธอเคยทำในบ้านของซูเฉียว
“รักษาโรคให้หาย ความเจ็บปวดสูญไป ต่อกระดูกให้กลับมาเป็นแผ่น ช่วยให้เลือดเนื้อกลับคืน ทุกความปรารถนาจะรวมตัว ข้าสามารถสื่อถึงจิตวิญญาณได้”
"มารและปีศาจล้วนหลบลี้ เทพปรุงยาเข้าสถิตย์ ผู้ป่วยจะหายดี ผู้ใจดีจะไร้ทุกข์ จงไป ไป ไป!"
ทหารยามบนกำแพงต่างพากันตะลึง
หลายคนถึงกับคุกเข่าลงกราบไหว้และท่องคำขอพรด้วยความเคารพ
ถงอวิ๋นตะโกนลั่น "เล่นตลกบ้าบออะไรของพวกเจ้า!"
แล้วกระโดดลงจากกำแพงประตู
วันนี้ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าให้เข็ดหลาบ!
…โปรดติดตามตอนต่อไป…
หากพบคำที่พิมพ์ผิด แจ้งได้เลยนะ