ตอนที่ 17 หายตัวไป
ตอนที่ 17 หายตัวไป
ณ หมู่บ้านชิงลั่ว ในช่วงเวลาตอนเย็น
"เจ้ายังหาไม่เจออีกเหรอ?" จางชุนจ่างมองหลิวหลินด้วยความโกรธ
ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ ทั้งที่เตือนแล้วว่าอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม แต่พอเห็นหญิงงามก็ลืมคำเตือนจนหมดสิ้น
ถึงแม้จะโบ้ยความผิดให้เผ่าสุ่ยอีได้ แต่พอมีคนหายไปหลังจากเข้ามาในหมู่บ้านเพียงวันเดียว ใครจะไม่สงสัยล่ะ
คิดแล้วยิ่งโกรธ จางซุนจ่างเตะหลิวหลินจนล้มลงกับพื้น
"ยังยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบออกไปตามหาเร็วเข้า!"
หลิวหลินยังไม่ลุกไปทันที เขาถามอย่างลังเล "ท่านอา ทั้งสามคนจะถูกเผ่าสุ่ยอีจับไปจริงๆ รึเปล่า?"
ถ้าเผ่าสุ่ยอีมาจับพวกเราบ้าง ข้าจะทำยังไงดีล่ะ?
"เจ้าโง่ ยังโง่ขึ้นทุกวัน ถ้าเผ่าสุ่ยอีจะมาหมู่บ้านเรา ทำไมถึงไม่มาตั้งแต่ห้าปีก่อนล่ะ?"
หลิวหลินหดคอลง พึมพำเบาๆ “บางทีพวกเขาอาจหากินเนื้อคน ใหม่ๆ ไม่ได้แล้วก็ได้นะ”
"เพี้ยะ!" เสียงดังขึ้นเมื่อหลิวหลินถูกจางชุนจ่างตบเข้าที่หัวอย่างแรง
“ข้าไม่มีหลานโง่ๆ แบบเจ้า! ไสหัวไปให้ไกลๆ เลย!”
เจ้าคนไร้ประโยชน์! ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นหลานแท้ๆ ของเขา จางชุนจ่างคงขายเจ้าคนโง่นี่ไปนานแล้ว
ส่วนเวิ่นหยุนซี เขารู้สึกว่ายัยเด็กนั่นไม่ใช่คนธรรมดา จะต้องรีบหาตัวให้เจอซะก่อน เพราะถ้าปล่อยให้ซ่อนตัวอยู่ มันจะยิ่งยุ่งยาก
ขณะกำลังคิดอยู่ ก็มีคนตะโกนวิ่งเข้ามาหาเขา
“นายท่านจาง นางนั่นกลับมาแล้ว ท่านรีบไปดูเถอะ!”
จางชุนจ่างตกใจ รีบวิ่งตามไปทันที
เวิ่นหยุนซีนั่งกอดเข่าอยู่หน้าบ้านของตัวเอง ซุกหน้าลงกับเข่า ร่างกายทั้งตัวสั่นเทา
“แม่นางเวิ่น เกิดอะไรขึ้นหรือ ถูกเผ่าสุ่ยอีจับไปใช่ไหม? พูดอะไรหน่อยสิ!”
“ถามแบบนี้ได้ยังไง? จะพูดให้มีมารยาทหน่อยก็ไม่ได้”
ชายวัยกลางคนมองคนที่ถามคำถามเมื่อครู่อย่างตำหนิ แล้วถามออกมาตรงๆ มากกว่าเดิม
“ฉินอวี้กับเสี่ยวเล่อล่ะ พวกเขาไม่ได้หนีออกมาเหรอ?”
เวิ่นหยุนซีเริ่มสั่นสะท้านหนักขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ตอบอะไร
“นี่ อย่าพึ่งร้องไห้สิ พูดอะไรสักคำเถอะ!”
จางชุนจ่างกระแอมเบาๆ ก่อนจะยกมือไหว้กลุ่มคนที่ยืนรายล้อม “พวกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าจะลองถามนางเอง”
“แม่นางเวิ่น ข้ารู้ว่าเจ้ากลัว แต่ถ้าเจ้าไม่พูดออกมา ข้าจะช่วยอะไรเจ้าได้ล่ะ จริงไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวิ่นหยุนซีค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ
ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของเธอมีรอยขีดข่วน และดวงตาของเธอบวมแดงจากการร้องไห้
เวิ่นหยุนซีจ้องมองไปที่จางชุนจ่าง ปากของเธอขยับแต่ไม่มีเสียงใดๆ ออกมา
ขณะที่จางชุนจ่างเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เวิ่นหยุนซีก็ร้องออกมาเสียงดังทันที
“เป็นเผ่าสุ่ยอี! พวกมันนั่นแหละ! พวกมันกินฉินอวี้กับเสี่ยวเล่อ ข้าเห็นกับตา พวกมันจับพวกเขามากินทั้งเป็น!”
ทันทีที่เสียงกรีดร้องของเวิ่นหยุนซีดังขึ้น ทุกคนต่างพากันวิ่งหนีกลับไปยังบ้านของตัวเอง
แม้แต่พรรคพวกของจางชุนจ่างก็ไม่เว้น ถึงแม้จางชุนจ่างจะไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีพวกโง่อย่างหลิวหลินที่เชื่อไปหมดแล้ว วิ่งหนีเร็วกว่าคนอื่นเสียอีก
คืนนั้น นอกจากคนบางกลุ่มที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ส่วนใหญ่ในหมู่บ้านต่างก็หวาดกลัวกันจนไม่กล้านอน ถึงแม้จะพยายามอดหลับอดนอน แต่หมู่บ้านชิงลั่วก็เริ่มวันใหม่ด้วยเสียงกรีดร้องอีกครั้ง
“ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย! ลูกสาวข้าหายไป!”
“ภรรยาข้าก็หายไปเหมือนกัน เมื่อคืนนางยังอยู่กับข้าในบ้านอยู่เลย”
“สามีของข้าก็หายไป พวกเราไม่กล้านอนเลยสักนิด แต่ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน”
จางชุนจ่างรู้สึกปวดหัวกับเสียงโวยวายของคนพวกนั้น สายตาของเขากวาดมองไปที่ฝูงชน โดยเฉพาะพวกชาวบ้านที่เคยถูกเตือนแล้ว
เขาเตือนพวกนั้นไปแล้วไม่ใช่เหรอ? อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนจะลงมือ โดยเฉพาะพวกหลิวหลินกับกลุ่มหนุ่มๆ พวกนั้น ทำตัวเหมือนไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน รีบร้อนจะลงมือเกินไป
เดี๋ยวนะ... ทำไมหลิวหลินไม่มา?
แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของเจ้านั่นแน่! คราวนี้จับตัวได้ต้องโบยให้หลังขาด ให้สาสม
เมื่อจางชุนจ่างกลับถึงบ้าน ก็สั่งให้คนไปพาตัวหลิวหลินมา แต่รออยู่เกือบสองชั่วโมงก็ไม่มีวี่แวว ได้ยินแค่ข่าวว่าหลิวหลินกับพรรคพวกสองคนของเขาหายตัวไป
“เจ้าว่าอะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง!”
จางชุนจ่างโกรธจัด ด่าคนที่มาบอกข่าว ทั้งที่ปากบอกว่าไม่เชื่อ แต่ในใจก็เชื่อไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เขาไม่เชื่อว่าพวกเผ่าสุ่ยอีจะจับคนไป เพราะนั่นมันเป็นแค่คำโกหกที่ถูกแต่งขึ้น เผ่าสุ่ยอีไม่กินคน อีกทั้งพวกเขายังถูกเผ่าจันหยูซูข่มเหงจนเกือบตาย ไม่มีเวลามายุ่งกับหมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้แน่
แต่ใครกันที่อยู่เบื้องหลัง?
หรือจะเป็นคนเจ้าเล่ห์อย่างเวิ่นหยุนซี?
แต่หากเธอเป็นคนวางแผน และลงมือทำแค่คนเดียว แม้ว่าจะมีเด็กอีกสองคนช่วย แต่พวกเขาก็แค่เด็ก จะลักพาตัว คนหายไปอย่างลับๆ ได้ยังไง?
เมื่อเริ่มสงสัย จางชุนจ่างจึงสั่งให้คนคอยจับตาดูเวิ่นหยุนซีตลอดเวลา
แต่ทุกคนกลับรายงานว่าเวิ่นหยุนซีไม่มีท่าทีผิดปกติ
ความหวาดกลัวในหมู่บ้านยังคงดำเนินต่อไป
วันที่สอง มีคนหายไป 10 คน
วันที่สาม มีคนหายไปอีก 20 คน
ในวันเดียวกันนั้นเอง จางชุนจ่างได้รับของขวัญชิ้นหนึ่ง
ของขวัญนั้นดูเรียบง่าย ใช้ใบตองห่อ ไม่มีแม้แต่กล่องไม้
เขาเรียกลูกน้องอีกห้าคนมาดูด้วยกัน แล้วแกะออกต่อหน้าพวกนั้น
ทุกคนต่างเงียบกริบจนไม่กล้าหายใจ
เมื่อแกะห่อออกมา…
ข้างในยังมีห่อใบตองซ้อนอยู่อีก
“บ้าเอ๊ย! ถ้าข้าจับได้เมื่อไหร่ ข้าจะถลกหนังมันทั้งเป็น!” จางชุนจ่างด่าให้ลูกน้องที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ
เขากัดฟัน แกะห่อที่สอง สาม และสี่...
กลิ่นคาวเลือดเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ
จนกระทั่งแกะห่อสุดท้ายออก ทุกคนแม้จะเตรียมใจแล้ว แต่ก็ยังช็อก
มันคือกองหูที่ถูกตัดออกมา
เป็นหูของมนุษย์
จางชุนจ่างตะโกนลั่นก่อนปัดทุกอย่างลงจากโต๊ะ
มีหูข้างหนึ่งตกลงมาที่เท้าของเขา มันเป็นหูขวา ที่มีไฝสีดำอยู่
ข้างๆ หูนั้น มีผ้าผืนเล็กๆ ที่เขียนข้อความเบี้ยวๆ ไว้เจ็ดตัวว่า
"นี่คือของขวัญตอบแทน จากเวิ่นหยุนซี"
!!!
ที่แท้ ก็เป็นฝีมือของยัยผู้หญิงนั่น
“เวิ่นหยุนซี! ข้าจะจับเจ้าหั่นเป็นชิ้นๆ โยนให้หมากิน!”
“ว่าไงนะ! ที่แท้เป็นยัยเด็กคนนั้น!”
จางชุนจ่างหยิบหูขวาของหลิวหลินขึ้นมาอย่างโกรธแค้น “กลับไปเตรียมอาวุธ เราจะไม่ปล่อยยัยผู้หญิงชั่วนั่นไป!”
ทั้งห้าคนเดินออกจากบ้านของจางชุนจ่างด้วยความโมโห แต่ทันทีที่พวกเขาออกไป จางชุนจ่างก็กลับเข้าบ้านไปเก็บข้าวของมีค่า แล้วรีบวิ่งหนีไปทางหน้าหมู่บ้าน
ไอ้พวกโง่เอ๊ย รีบไปตายกันให้หมด ข้าจะได้หนีไปพร้อมทรัพย์สินพวกนี้ แล้วไปใช้ชีวิตอย่างสบายที่ไหนก็ได้
“อ้าว นี่มันผู้ใหญ่บ้านของเรานี่นา จะรีบไปไหนกันเหรอ?”
เวิ่นหยุนซีนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ที่หน้าหมู่บ้าน แกว่งขาไปมา พร้อมกับมองจางชุนจ่างด้วยสายตาเย้ยหยัน
จางชุนจ่างจ้องเวิ่นหยุนซีโดยไม่พูดอะไร ถึงตอนนี้ เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ทุกย่างก้าวของเขาล้วนอยู่ในแผนของผู้หญิงคนนี้
ฉินอวี้ทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่เวิ่นหยุนซีดึงเธอกลับมาแล้วเดินเข้าไป
ถึงขั้นนี้แล้ว เรื่องที่เหลือก็ให้คนอื่นจัดการต่อไป เธอไม่สนใจจะเป็นผู้ใหญ่บ้านหรอก เรื่องเหนื่อยเปล่าแบบนี้ ควรให้เผิงซูทำดีกว่า อย่างน้อยก็เคยตกลงกันไว้แล้ว
สองคนเดินกลับเข้าไปในหมู่บ้าน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของจางชุนจ่างดังขึ้นจากข้างหลัง เสียงนั้นฟังดูไพเราะดีทีเดียว
“อาจารย์เจ้าคะ หลินหว่านหว่านก็อยากขอเป็นศิษย์ของท่าน ท่าน…”
เวิ่นหยุนซียิ้มแล้วพูดดักทางฉินอวี้ไว้ก่อน “ข้าไม่รับนางเป็นศิษย์ อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่รับ”
“ทำไมล่ะ เพราะนางโง่หรือ?”
“เพราะเป้าหมายของนางไม่เหมือนกับพวกเรา เจ้าอย่าคิดจะดึงนางมาเป็นศิษย์น้อง แล้วรังแกเล่นล่ะ”
ฉินอวี้ยิ้ม เธอรู้ว่าปิดบังอะไรเวิ่นหยุนซีไม่ได้จริงๆ
ที่เธอยอมปิดบังเรื่องหลินหว่านว่านพยายามฆ่าตัวตาย และปล่อยให้เธอไปแก้แค้น ก็เพราะเธออยากได้ศิษย์น้องไว้เล่นเท่านั้น
เวิ่นหยุนซี ยีหัว ฉินอวี้ “พรุ่งนี้ตามข้าไปที่ดีๆ ที่หนึ่ง รับรองว่าน่าตื่นเต้นแน่”
“ที่ไหนหรือ?”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ เจ้าก็รู้เอง”
…โปรดติดตามตอนต่อไป…
หากพบคำที่พิมพ์ผิด แจ้งได้เลยนะ